logo-heading

นับถอยหลังอีกอีกประมาณ 2 สัปดาห์กว่าๆ ทีมชาติไทยของเราก็จะลงทำศึกฟุตบอลโลก รอบคัดเลือก 3 แมตช์ที่เหลือ ซึ่งจะเป็นการชี้อนาคตอะไรหลายๆ อย่าง แต่เหมือนโชคชะตากลั่นแกล้ง ที่ทำให้การไปยูเออี ครั้งนี้ของทัพช้างศึก ดูจะไม่สมบูรณ์เท่าไหร่

ทีมชาติไทย เพิ่งจะเจอกับข่าวร้ายเมื่อนักเตะตัวหลัก ที่จะเป็นกำลังสำคัญของทีมอย่าง "โก๋อุ้ม" ธีราทร บุญมาทัน ต้องถอนตัวออกจากทัพช้างศึกไปเป็นคนล่าสุด ซึ่งก่อนหน้านี้ ธีรศิลป์ แดงดา กองหน้าตัวเก๋าก็ถอนไปก่อนแล้ว และมีความเป็นไปได้ว่า ชนาธิป สรงกระสินธ์ อาจจะเป็นอีกคนที่ต้องถอนตัวไปด้วยความจำเป็น หลายคนที่ติดตามข่าวอย่างละเอียด ก็คงจะรู้ดีว่าสาเหตุของในการถอนตัวของ ธีราทร นั้นเป็นเพราะอะไร สรุปสั้นๆ ก็คือ สถานการณ์โควิดที่ญี่ปุ่นนั้นไม่ค่อยจะสู้ดีนัก ทำให้มีการยกระดับมาตรการที่เข้มงวดมากขึ้น นั้นคือเรื่องของการเข้าออกประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งใครที่เข้ามาญี่ปุ่นในช่วงนี้ ก็จะต้องถูกกักตัว 14 วัน ดังนั้นหาก "โก๋อุ้ม" เดินทางไปรับใช้ชาติที่ยูเออี เมื่อเสร็จภารกิจและเดินทางกลับมาญี่ปุ่นเพื่อลงเล่นให้ต้นสังกัดอย่างโยโกฮาม่า เอฟ มารินอส ก็จะมีปัญหาเพราะต้องกักตัว ซึ่งมันผิดจากแผนเดิมที่วางไว้ เพราะก่อนหน้านั้นยังไม่มีการประกาศให้กักตัว จากกรณีเดียวกันก็มีความเป็นไปได้ว่า "เมสซี่เจ" อาจจะต้องถอนตัวไปด้วยอีกคน เพราะถ้ากลับมาแล้วต้องกักตัวก็จะทำให้กระทบกับต้นสังกัดอย่างคอนซาโดเล ซัปโปโร แต่ถึงอย่างตอนนี้ในรายของ ชนาธิป นั้นยังไม่มีการถอนตัวแต่อย่างใด ซึ่งถ้า ชนาธิป มาร่วมทัพช้างศึกได้ ก็อาจจะเป็นไปได้ว่าทาง ซัปโปโร นั้นโอเคที่จะปล่อยตัว เมสซี่เจ มาร่วมทีมชาติไทย และรับได้กับการที่นักเตะของตัวเองจะต้องถูกกักตัว 14 วันเมื่อกลับมาญี่ปุ่น ซึ่งก็ต้องรอดูอีกทีว่าสุดท้ายแล้วจะเป็นเช่นนี้หรือไม่ แต่อย่างไรก็ดี สมมติว่า ชนาธิป มาร่วมทีมชาติไทยได้จริงๆ ก็ต้องรอดูเรื่องของสภาพร่างกายว่าจะฟิตเต็มร้อยหรือไม่ เพราะตอนนี้ก็อยู่ในระหว่างการพักฟื้นจากอาการบาดเจ็บ ซึ่งก็ยังน่าเป็นห่วงอยู่เหมือนกัน แต่ถ้าถามถึงสภาพจิตใจ ผมว่าทั้ง อุ้ม และ เจ อยากมาช่วยทีมชาติไทยแน่นอน ส่วนในรายของ ธีรศิลป์ ที่ถอนตัวตั้งแต่แรก ก็เป็นเพราะอาการบาดเจ็บที่สะสมมาตั้งแต่ตอนอยู่เจลีก และย้ายกลับมาบีจี ก็เล่นได้ไม่กี่นัดก็เจ็บไปอีก ซึ่งเจ้าตัวก็อยากจะรักษาร่างกายให้ฟิตเต็มร้อย และเปิดโอกาสให้รุ่นน้องในทีมชาติดีกว่า เพราะมองว่าถ้าไปแบบไม่สมบูรณ์ก็คงจะช่วยทีมได้ไม่มาก แถมยังจะไปปิดกลั้นโอกาสของน้องๆ อีก ซึ่งอันนี้ก็เข้าใจได้ เมื่อทีมชาติไทยต้องขาดตัวหลักทั้งสามคนไป บอกเลยว่าส่งผลกระทบแน่นอน เพราะ 3 คนที่กล่สวไปนั้น ล้วนเป็นนักเตะที่มีประสบการณ์ในระดับนานาชาติมากที่สุดของทีมชาติไทย และก็เป็นนักเตะที่จะมาช่วยยกระดับให้ทัพช้างศึกแข็งแกร่งขึ้น เมื่อต้องต่อกรณ์กับคู่แข่ง โดยเฉพาะเกมที่จะต้องเจอยูเออี และไปเล่นที่บ้านเขาด้วย แต่กระนั้น เมื่อทุกอย่างมันถูกกำหนดมาแบบนี้ เราก็คงต้องยอมรับและเตรียมทีมกับนักเตะที่มีอยู่ให้ดีที่สุด ซึ่งนักเตะที่อยู่ในทีมตอนนี้ก็ถือว่าดีที่สุดแล้ว และถูกกลั่นกรองโดยกุนซืออย่าง อากิระ นิชิโนะ ยังไงซะเชื่อว่าด้วยประสบการณ์ของเฮดโค้ชชาวญี่ปุ่น เชื่อว่าจะจัดการกับปัญหานี้ได้ เรื่องการขาดนักเตะตัวหลักไปพร้อมๆ กัน 3 คนแบบนี้ มันจะไม่ส่งผลกระทบอะไรมากเลย ถ้ายังได้ลงแข่งในสถานการณ์ปกติ หรือเราทำผลงานใน 5 เกมแรกได้ดีกว่านี้ แต่พูดไปก็เหมือนไปย้อนความหลัง เสียเวลาเปล่าๆ ตอนนี้ไม่ต้องคิดอะไรมาก คิดถึงสิ่งที่อยู่ตรงหน้าและทำให้มันออกมาดีที่สุด แม้จะไม่มี ธีราทร ในตำแหน่งแบ็กซ้าย แต่เราก็ยังมี ศศลักษณ์ ที่ผลงานก็ดีเมื่อฤดูกาลที่แล้ว หรือจะเป็นคนอื่นๆอีก 3-4 คนที่เรียกเข้ามา แม้จะไม่มี ชนาธิป ก็ยังมี สุภโชค, เอกนิษฐ์, ศิวกรณ์, สุมัญญา รวมถึง ธนวัฒน์ ซึ้งจิตถาวร จากเลสเตอร์ ที่ยังทดแทนได้ กองหน้าแม้พี่มุ้ย จะไม่ได้มาก็ยัง อดิศักดิ์, ศุภชัย, ศุภณัฏฐ์ และ ณัฐวุฒิ สุขสุ่ม ที่ทุกคนล้วนแต่ทดแทนได้หมด ก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร เป้าหมายของเราต้องเก็บให้ได้อย่างน้อย 7 แต้ม เพื่อโอกาสลุ้นผ่านเข้ารอบ 12 ทีมสุดท้าย แม้จะไปแบบไม่สมบูรณ์เท่าไหร่ แต่เมื่อถึงเวลา เชื่อว่าทัพช้างศึกทุกคนสู้เกินร้อยแน่นอน ในฐานะแฟนบอลก็รอเชียร์ และส่งกำลังให้ทีมชาติไทยของเรา ไม่มีอะไรที่มันเป็นไปไม่ได้ ไทยแลนด์ สู้ สู้!! เมื่อถึงศึกใหญ่ แต่ทีมชาติไทยกลับ "ไม่สมบูรณ์"
logoline