logo-heading

โอกาสที่ ลิเวอร์พูล จะคว้าโควต้าไปเล่น ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ซีซั่นหน้า มีสูงเหลือเกินครับ เพราะล่าสุดสามารถทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม และ ตามเป้าหมาย ด้วยการบุกไปถล่ม เบิร์นลี่ย์ ถึงถิ่น เทิร์ฟ มัวร์ 3-0 ถึงแม้จะมีจังหวะหวาดเสียวให้สาวก เดอะ ค็อป ได้เป่าปาก

แต่ก็ถือเป็นเกมที่ไม่ได้อึดอัดอะไรมากนัก และ ไม่ต้องพึ่ง อลิสซอน ในการทำประตูแบบนัดก่อน ซึ่งเกมนี้ นาธาเนี่ยล ฟิลลิปส์ แนวรับ หงส์แดง ถือว่าเป็นพระเอกของงาน ช่วยให้ทีมเก็บ 3 แต้ม มาครอง เขาสร้างผลงานดีมากแค่ไหน ไปติดตามจังหวะสำคัญที่เกิดขึ้นในเกมนี้กันเลยครับพี่น้อง

- มาเน่ ยิงจ่อๆออกหลัง

ชั่วโมงนี้ ความมั่นใจของ ซาดิโอ มาเน่ ถือว่าหายไปเยอะพอสมควร โดยเฉพาะจังหวะจบสกอร์ที่ไม่ได้เฉียบคมเหมือนสมัยก่อน ซึ่งในช่วงต้นเกมประมาณ 3 นาทีแรก มีจังหวะที่ เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ เติมเกมบุกขึ้นมา ได้ลองซัดแบบกึ่งยิงกึ่งผ่าน บอลแฉลบผู้เล่น เบิร์นลี่ย์ มาตรงหน้าปากประตูในกรอบ 6 หลา ซาดิโอ มาเน่ โชว์ความจมูกไว วิ่งเบียดเอาชนะ แมทธิว โลว์ตัน มาได้แล้ว เพื่อมาเก็บตกชาร์จจ่อๆหน้าประตู แต่เหลือเชื่อที่ช็อตนี้เหมือน มาเน่ สวมวิญญาณกองหลังคู่แข่ง เหมือนเตะสกัดทิ้งให้กับ เบิร์นลี่ย์ เพราะบอลโดนผิดเหลี่ยม ออกหลังไปไกล เปลี่ยนจากลูกควรได้ประตู กลายเป็นไม่ได้ลุ้นอะไรเลย

- คริส วู้ด เกือบซัดให้ เบิร์นลี่ย์ ขึ้นนำ

ต้องชื่นชมเกมรับของ เบิร์นลี่ย์ จริงๆครับ เพราะต่อให้พวกเขาจะอยู่รอดปลอดภัยบนเวที พรีเมียร์ลีก อังกฤษ อยู่แล้ว แต่ก็ไม่ได้เล่นแบบมั่วซั่ว เปิดเกมรุกใส่แบบไม่ดูตาม้าตาเรือ ถือว่าเล่นตามแท็คติคของ ฌอน ไดซ์ และ มีวินัยมากๆ เรียกว่าแพ็คเกมรับกัน 2 ชั้น ทำให้ ลิเวอร์พูล เจาะไม่เข้าเลย ได้แต่ถ่ายบอลไป ถ่ายบอลมา โล้ซ้ายที ขวาที  กระทั่งเกมสวนกลับของ เบิร์นลี่ย์ เกือบจะเล่นงานใส่ ลิเวอร์พูล เมื่อ แมทธิว โลว์ตัน แบ็กขวา วางบอลยาวจากแดนตัวเอง ข้ามแนวรับ หงส์แดง .. อลิสซอน เบ็คเกอร์ สองจิตสองใจไม่กล้าออกมาตัดบอล กลายเป็น คริส วู้ด วิ่งมาถึงเก็บได้ในกรอบเขตโทษ ได้ซัดแบบเหน่งๆ แต่ทว่าจังหวะนี้ คริส วู้ด ซัดออกข้างไปแบบเหลือเชื่อ เกือบสร้างเซอร์ไพรส์ ยิงให้ เบิร์นลี่ย์ ขึ้นนำ ส่วนสาวก เดอะ ค็อป เป่าปากด้วยความโล่งใจ

- ลิเวอร์พูล พลาดโอกาส 2 ครั้งซ้อน

หลังจากที่ ลิเวอร์พูล รอดตัวไม่เสียประตู พวกเขาก็ตั้งหน้าตั้งตาเซ็ตเกมรุก เพื่อหวังเจาะแนวรับ เบิร์นลี่ย์ ให้ได้ และ สุดท้ายก็ได้ผล โดยเป็นการทำชิ่ง วัน-ทู กัน 2 คน ระหว่าง ติอาโก้ อัลคันตาร่า ฝากบอลให้กับ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ และ ติอาโก้ วิ่งตามช่อง ได้หลุดเข้าไปยิง เหลือเพียงแค่ซัดให้ตรงกรอบเท่านั้น แต่ว่าลูกยิงของ ติอาโก้ เขาพยายามหักหนีผู้รักษาประตู ทำให้บอลผ่านเสาสองออกหลังไปเพียงนิดเดียวเท่านั้น นับว่าเป็นโอกาสทองที่ หงส์แดง ควรขึ้นนำแบบสุดๆ แต่ก็พลาดไปอีกครั้ง จากนั้นไม่นาน เมื่อ ลิเวอร์พูล เห็นบาดแผลแนวรับของ เบิร์นลี่ย์ ก็หวังไล่บี้เพื่อยิงประตูให้ได้ ซึ่งคราวนี้เป็นช็อตที่ โรเบิร์ตสัน หวดโด่งจากแดนตัวเองให้กับ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ได้สปีดหนีตัวประกอบ หลุดเข้าไปยิงในกรอบเขตโทษ มีเวลาแต่งองค์ทรงเครื่องเพียบ ได้ล่อเป้าตรงกลางประตู กระนั้นตอนยิงกลับทำได้อย่างน่าผิดหวัง บอลช้อนใต้ลูก โด่งข้ามคานไปไกลโพ้น

- รีส วิลเลี่ยมส์ เกือบสร้างงาน

ต้องบอกว่าครึ่งแรก แนวรับของ ลิเวอร์พูล มีแกว่งๆเหมือนกัน ทั้งการออกบอล การกะจังหวะบอลตกลงพื้น ซึ่ง รีส วิลเลี่ยมส์ น้องเล็กของทีม ก็เกือบจะสร้างงานให้กับพวกพี่ๆแล้ว โดยเป็นจังหวะที่ เบิร์นลี่ย์ ย้อนกลับไปตั้งคืนที่ผู้รักษาประตู และ เปิดตูมเดียวมาถึงแดนหลัง ลิเวอร์พูล กลายเป็น รีส วิลเลี่ยมส์ ไปหลงเหลี่ยมตัวข้ามหลอก และ ปล่อยให้บอลเลยหัว ไปถึง จอช บราวน์ฮิลล์ ที่วิ่งสอดมาด้านหลัง ได้ซัดวอลเล่ย์ในกรอบเขตโทษ ยังดีที่ น้องรีส ตามไปบล็อคแก้ตัวได้ กระนั้นยังเป็น เบิร์นลี่ย์ ที่เก็บบอลจังหวะสอง ต่อบอลหาช่องกัน จนมีโอกาสซัดไกลจากนอกกรอบของ ดไวท์ แม็คนีล บอลพุ่งเป็นจรวด แต่เป็น อลิสซอน ปัดทิ้งออกหลังไปได้ สกอร์ยังคง 0-0

- หงส์แดง มาได้ประตูขึ้นนำ ถูกช่วงเวลา

ทำท่าว่าจะจบครึ่งแรก ด้วยสกอร์ 0-0 อยู่แล้ว แต่กระนั้นการบุกของ ลิเวอร์พูล ก็มาได้ถูกช่วง ถูกเวลาเหลือเกิน โดยเป็นจังหวะที่ ซาดิโอ มาเน่ รอจังหวะให้ แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน วิ่งโอเวอร์แลปตัดแนวรับ เบิร์นลี่ย์ หลุดกำดับล้ำหนัก ได้วิ่งไปเกือบสุดเส้นหลังฝั่งซ้าย ก่อนจะปาดย้อนกลับมาตรงบริเวณจุดโทษ ซึ่งผ่านด่านแนวรับ เบิร์นลี่ย์ มาหมด และเป็น โรแบร์โต้ ฟีร์มิโน่ มาตรงจุดนัดพบ วิ่งเข้ามาแปบอลเต็มตีน ซัดให้ หงส์แดง ขึ้นนำ 1-0 นาที 43 เรียกว่าเป็นนาทีที่พอเหมาะพอเจาะเหลือเกิน เพราะมันเหมือนการปลดล็อคคลายความกดดัน และ ทำให้ครึ่งหลังจะกลับมาเล่นง่ายขึ้นกว่าเดิมเยอะ

- แนท ฟิลลิปส์ เปิดซิง

ไม่รู้ว่าชีวิตของ แนท ฟิลลิปส์ เปิดซิงไปเมื่อไหร่ แต่ถ้าเป็นสายฟุตบอล เขาสามารถเปิดซิงให้กับ ลิเวอร์พูล ได้สำเร็จ หลังจากเริ่มครึ่งหลังมาได้ไม่นาน โดยเป็นจังหวะต่อเนื่องจากลูกเตะมุมฝั่งซ้าย คราวนี้เป็น โรเบิร์ตสัน จ่ายโอเวอร์แลปไปให้กับ ซาดิโอ มาเน่ คืนบ้าง  ก่อนที่ มาเน่ จะเลี้ยงไปสุดเส้นหลัง และ บรรจงเปิดให้กับ แนท ฟิลลิปส์ ที่ยังรอบอลอยู่ในกรอบเขตโทษ ได้โขกแบบเต็มหัว บอลพุ่งเข้าซุกตาข่าย ชนิดที่ผู้รักษาประตู เบิร์นลี่ย์ หมดสิทธิ์ป้องกัน เป็นสกอร์ขึ้นนำ 2-0 และ ที่สำคัญนี่ไม่ใช่ประตูแรกของเขากับ ลิเวอร์พูล เพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่เป็นประตูแรกในฟุตบอลอาชีพของ นาธาเนี่ยล ฟิลลิปส์ อีกด้วย มาได้ทุกวันจริงๆ

- แนท ช่วยให้ ลิเวอร์พูล รอดพ้นการเสียประตู

ถ้าหากเปรียบผลงานของ ลิเวอร์พูล ในเกมนี้ เป็นหนังสักเรื่อง พระเอกไม่ต้องไปหาใครที่ไหน ขอยกให้กับ แนท ฟิลลิปส์ ไปเลย เพราะเล่นได้อย่างโดดเด่น และ ช่วย หงส์แดง ได้เยอะเหลือเกิน โดยเฉพาะผลงานในช่วงครึ่งหลังที่ทำได้อย่างแข็งแกร่ง ไม่ใช่เพียงแค่การโหม่งประตูให้กับ ลิเวอร์พูล ขึ้นนำเท่านั้น แต่เกมนี้ น้องแนท ยังช่วยให้ทีมเก็บคลีนชีตได้อีกด้วย โดยมีช็อตที่ หงส์แดง เกือบจะเสียประตู จากลูกเตะมุม ซึ่ง เบน มี กองหลังกัปตันทีม เบิร์นลี่ย์ ได้ขึ้นโขกจากเสาไกล บอลผ่านมือ อลิสซอน ไปแล้ว แต่ แนท ฟิลลิปส์ เป็นคนไปโหม่งสกัดออกมาจากเส้น รอดตัวโดนตีไข่แตกแบบฉิวเฉียด ไม่อย่างนั้นโมเมนตั้มของเกม พลิกกลับมาทางฝั่งเจ้าบ้านแน่นอน

- อ็อกซ์เลด ลงมายิงปิดจ็อบ

ช่วงท้ายเกม สกอร์ยังไม่ขยับ คงอยู่ที่ 2-0 ลิเวอร์พูล ก็ทำท่าว่าจะยิงเพิ่มไม่ได้แล้ว ซึ่งดาวซัลโวของทีมอย่าง โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ในเกมนี้ ก็ดูขาดๆเกินๆในจังหวะสุดท้าย ฉะนั้นตอนที่เข้าสู่ช่วงนาที 80 เจอร์เก้น คล็อปป์ ก็เริ่มมีการส่งพวกตัวสำรอง ลงมายืดเส้นยืดสาย อาทิ เจมส์ มิลเนอร์ และ อเล็กซ์ อ็อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน ด้วยเกมที่สกอร์มันนำถึง 2 ลูก ทำให้ความกดดันมันหายเป็นปลิดทิ้ง จึงได้เห็นช็อตกล้าเล่นของ อเล็กซ์ อ็อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน ที่ได้บอลอยู่ในกรอบเขตโทษฝั่งซ้าย ก่อนจะโชว์สเต็ปจุ๊คหลอก ชาร์ลี เทย์เลอร์ ฟูลแบ็ก เบิร์นลี่ย์ จนหลังหัก ก่อนจะกดด้วยซ้าย ยัดเสาแรกเข้าไปอย่างเฉียบคม เป็นประตูปิดกล่องพา ลิเวอร์พูล เอาชนะเบิร์นลี่ย์ ไป 3-0 ทำให้ขณะนี้ขุนพล หงส์แดง กลับขึ้นสู่ท็อปโฟร์อีกครั้ง โดยรั้งอันดับ 4 ของตาราง แข่ง 37 นัด มี 66 คะแนน แซงหน้า เลสเตอร์ ไปเรียบร้อย เพราะถึงแม้แต้มเท่านั้น แต่ ลิเวอร์พูล มีลูกได้-เสีย ดีกว่าอยู่ที่ +4 ประตู นัดหน้าเจอกับ คริสตัล พาเลซ ขอแค่ชนะเท่านั้น ก็คงเพียงพอทำให้ เครื่องจักรสีแดง ได้ไปเล่น ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ซีซั่นหน้า

ฮาย ฮาวดี้

logoline