logo-heading

ฤดูกาล 2020-21 ได้ปิดฉากลงไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และขณะเดียวกันมันก็เป็นปีสุดท้ายของนักเตะหลายๆ คนกับต้นสังกัดของตัวเองซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือ จอร์จินิโอ ไวจ์นัลดุม กับ ลิเวอร์พูล

ในเมื่อเป็นการจากลาของนักเตะคนหนึ่งที่มีความสำคัญมากๆ กับ "หงส์แดง" วันนี้สิ่งที่ "ขอบสนาม" อยากนำเสนอก็คือการรวบรวม "ช่วงเวลาโมเมนต์สำคัญของ จอร์จินิโอ ไวจ์นัลดุม ตลอดระยะเวลา 5 ปีกับ ลิเวอร์พูล" 

เปิดตัวกับ ลิเวอร์พูล 

Georginio Wijnaldum: The first LFC interview in full - Liverpool FC จอร์จินิโอ ไวจ์นัลดุม โชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยมตลอด 1 ฤดูกาลกับ นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด ซึ่งเป็นปีแรกที่พี่แกได้โลดแล่นบนสังเวียน พรีเมียร์ลีก และก็ทำให้ เจอร์เก้น คล็อปป์ เกิดรู้สึกสนใจจนต้องเดินเรื่องคว้าตัวมาร่วมทีมในช่วงซัมเมอร์ปี 2016 ด้วยค่าตัว 23 ล้านปอนด์ เซ็นสัญญา 5 ปี และได้สวมเสื้อหมายเลข 5 จอร์จินิโอ ไวจ์นัลดุม ได้ประเดิมสนามเกมแรกให้ ลิเวอร์พูล บนเวที พรีเมียร์ลีก ในนัดที่เจอกับ อาร์เซน่อล เมื่อวันที่ 14 สิงหาคม ปี 2016 โดยได้ออกสตาร์ทเป็นตัวจริง ลงเล่นไป 80 นาที แถมยังมีส่วนช่วยให้ทีมเก็บชัยชนะได้ 4-3 จากการทำแอสซิสต์ให้ อดัม ลัลลาน่า พังประตูที่ 2

เปิดซิงตุงแรก

หลังได้ประเดิมสนามใน ลิเวอร์พูล ไปแล้วจากนั้นไม่นาน จอร์จินิโอ ไวจ์นัลดุม ก็สามารถเปิดซิงประตูแรกในสีเสื้อ "หงส์แดง" ได้ซึ่งเกิดขึ้นในนัดที่ต้นสังกัดจัดการไล่ยำใหญ่ วัตฟอร์ด ไปด้วยสกอร์ 6-1 เมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายน ปี 2016

ลูกโขกอันทรงพลัง

ในยุคที่ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ สถาปนากลายมาเป็นสโมสรเบอร์ 1 ของอังกฤษ มันก็ทำให้อรรถรสของทุกเกมที่เจอกับ ลิเวอร์พูล กลายเป็นศึกบิ๊กแมตช์ที่ดุเดือดเข้มข้น ไม่ได้ต่างจากศึก "แดงเดือด" ที่ต้องเจอกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เลย ซึ่งตัวของ จอร์จินิโอ ไวจ์นัลดุม เองก็เคยฝากประตูสวยๆ งามๆ เอาไว้ในเกมที่ต้องเจอกับ "เรือใบสีฟ้า" โดยเกิดขึ้นในช่วงปลายปี 2016 จังหวะดังกล่าวนั้นเกิดขึ้นในนาทีที่ 8 เมื่อ อดัม ลัลลาน่า พาบอลขึ้นเกมมาทางริมเส้นฝั่งซ้าย ก่อนจะชายตามองไปในกรอบเขตโทษและบรรจงเปิดลอยไปทางเสาไกลให้ จอร์จินิโอ ไวจ์นัลดุม วิ่งมากระโดดเทคตัวโหม่งอย่างแรงก่อนบอลจะพุ่งเสียบเสาไปอย่างสวย และนั่นคือประตูเดียวที่เกิดขึ้นในเกมนั้น พร้อมกับพา ลิเวอร์พูล เก็บ 3 แต้มสำคัญได้สำเร็จ

ประตูทำลายสถิติ UCL

Georginio Wijnaldum Roma Goal - The Kop Times ศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ในฤดูกาล 2017-18 ถ้าจะพูดถึงโมเมนต์ที่น่าจดจำของชายที่ชื่อ จอร์จินิโอ ไวจ์นัลดุม ก็คงเป็นรอบรองชนะเลิศ ที่เจอกับ โรม่า นี่แหละ เพราะพี่แกสามารถใสชื่อบนสกอร์บอร์ดได้เป็นครั้งแรกในการแข่งขันรายการนี้ซึ่งเกิดขึ้นในเลกที่ 2 ที่บุกไปเยือน สตาดิโอ โอลิมปิโก้ และที่สำคัญคือประตูจากลูกโหม่งของ จอร์จินิโอ ไวจ์นัลดุม นับเป็นประตูที่ 46 ที่ ลิเวอร์พูล ยิงได้ใน ยูซีแอล ซีซั่นนั้น นับเป็นการทำลายสถิติเดิมของ บาร์เซโลน่า ที่ซัดไป 45 ประตูในซีซั่น 1999-2000 ถึงแม้เกมนั้น ลิเวอร์พูล จะเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ไป 2-4 แต่พวกเขาก็ได้ตั๋วเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศจากการชนะไปด้วยสกอร์รวม 7-6 อย่างไรก็ตามท้ายที่สุดพวกเขาก็ต้องไปอกหักให้รอบชิงชนะเลิศซึ่งต้องแพ้ให้กับ เรอัล มาดริด ไปอย่างน่าเจ็บใจ 1-3

เกมที่ 100 กับ หงส์แดง

จอร์จินิโอ ไวจ์นัลดุม กลายเป็นอีก 1 นักเตะบนหน้าประวัติศาสตร์ ลิเวอร์พูล ที่ลงเล่นให้สโมสรครบ 100 นัด รวมทุกรายการ ซึ่งเกิดขึ้นในเกมที่เสมอกับ เชลซี 1-1 เมื่อวันที่ 29 กันยายน ปี 2018 เช่นเดียวกับวันที่ 14 เมษายน ปี 2019 จอร์จินิโอ ไวจ์นัลดุม ก็ได้โอกาสลงเล่นนัดที่ 100 ให้ ลิเวอร์พูล ใน พรีเมียร์ลีก เหมือนกัน และเกมนั้นคู่แข่งของพวกเขาก็คือทีมเดียวกันนั่นก็คือ "สิงโตน้ำเงินคราม" เชลซี เรียกว่าเป็นความบังเอิญที่ลงตัวเลยทีเดียว

โมเมนต์สำคัญที่สุดในชีวิต

Georginio Wijnaldum goal vs Barcelona: Liverpool midfielder scores two to  put Liverpool level with Barcelona | The SportsRush ถ้าจะพูดถึงโมเมนต์ที่น่าจดจำและประตูที่สำคัญที่สุดในชีวิตของ จอร์จินิโอ ไวจ์นัลดุม ก็คงจะเป็นเกม ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบรองชนะเลิศ นัด 2 ที่ ลิเวอร์พูล ต้องเจอกับ บาร์เซโลน่า เมื่อฤดูกาล 2018-19 ความหวังในการเถลิงบัลลังก์แชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก สมัยที่ 6 ค่อนข้างเลือนลางและริบหรี่มากๆ เมื่อ ลิเวอร์พูล บุกไปโดนยำในนัดแรกที่ คัมป์ นู 0-3 แน่นอนว่าการจะพลิกนรกกลับมาโค่นทีมอย่าง บาร์เซโลน่า มันไม่ใช่เรื่องที่ง่ายเลย แต่ทุกสิ่งทุกอย่างสามารถเกิดขึ้นได้ในโลกของฟุตบอล และในเกมเลก 2 จุดเปลี่ยนและจุดพลิกชะตาของ ลิเวอร์พูล ได้เกิดขึ้นในช่วงครึ่งหลัง เพราะ จอร์จินิโอ ไวจ์นัลดุม ใช้เวลาแค่เพียง 2 นาที (นาทีที่ 54 และ 56) ในการยิง 2 ประตู พร้อมกับพา ลิเวอร์พูล กลับมาเป็นฝ่ายกุมความได้เปรียบ และครองเกมได้เกือบทั้งหมดในสกอร์ 3-0 และเหลือเวลาให้เล่นงานฝ่ายตรงข้ามอีกราวๆ ครึ่งชั่วโมง จนท้ายที่สุดต้นสังกัด "หงส์แดง" ก็มาได้ประตูที่ 4 จนได้ ก่อนจะตีตั๋วเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศไปพบกับ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ และเป็นแชมป์สมัยที่ 6 สมดั่งใจหวัง

เมอร์ซี่ย์ ไซด์ ดาร์บี้

ตั้งแต่ จอร์จินิโอ ไวจ์นัลดุม ย้ายจาก นิวคาสเซิ่ล มาโลดแล่นผจญภัยกับ ลิเวอร์พูล เมื่อปี 2016 พี่แกยังไม่เคยมีชื่อทำประตูได้เลยในศึก เมอร์ซี่ย์ ไซด์ ดาร์บี้ แมตช์ ที่เจอกับคู่แข่งเพื่อนบ้านอย่าง เอฟเวอร์ตัน จนกระทั่งวันที่ 9 ธันวาคม ปี 2019 ในช่วงที่ ลิเวอร์พูล กำลังฟอร์มฮอตเปรี้ยงปร้างสุดๆ พวกเขาจัดการไล่ยำใหญ่ "ทอฟฟี่สีน้ำเงิน" ไปแบบถล่มทลาย 5-2 และแน่นอนว่าหนึ่งในผู้ทำประตูในเกมๆ นั้นมีชื่อของ จอร์จินิโอ ไวจ์นัลดุม ด้วยซึ่งเกิดขึ้นในประตูสุดท้ายของเกม

แชมป์ พรีเมียร์ลีก

QUIZ: How well do you know Gini Wijnaldum and his career? - Liverpool FC -  This Is Anfield นอกจากถ้วยแชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ที่ จอร์จินิโอ ไวจ์นัลดุม ได้สัมผัสกับมันเป็นครั้งแรกในชีวิตเมื่อฤดูกาล 2018-19 ในซีซั่นถัดมาเจ้าตัวยังคงเป็นส่วนสำคัญและช่วยให้ ลิเวอร์พูล สานฝันได้สำเร็จนั่นก็คือการได้เถลิงบัลลังก์แชมป์ พรีเมียร์ลีก เป็นครั้งแรกบนหน้าประวัติศาสตร์สโมสร และก็ถือเป็นแชมป์ลีกสูงสุดของอังกฤษครั้งแรกในรอบ 30 ปีด้วย โดยในฤดูกาลนั้น จอร์จินิโอ ไวจ์นัลดุม ได้โอกาสลงเล่นในลีกไปทั้งหมด 37 นัด และยิงได้ 4 ประตู

วันอำลา

Liverpool star Gini Wijnaldum to sign three-year deal after agent visits  Barcelona offices | Football | Sport - Samachar Central จอร์จินิโอ ไวจ์นัลดุม ลงเล่นเกมนัดสุดท้ายในสีเสื้อ ลิเวอร์พูล ในนัดที่เปิดบ้านอัด คริสตัล พาเลซ 2-0 นอกจากจะสมหวังกับการได้โควต้าไปเล่น ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก แล้ว พอจบเกม เจอร์เก้น คล็อปป์ ก็ได้สั่งให้ลูกทีม "หงส์แดง" ทุกคนมายืนตั้งแถวเพื่อให้เกียรติกับการอำลาของเขาในฐานะหนึ่งในตำนานของสโมสร ถึงแม้จะอยู่ทีมได้แค่ 5 ปี แต่ ไวจ์นัลดุม จะอยู่ในความทรงจำของแฟนๆ และถูกจดจำในยุคที่คว้าได้ทั้งแชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก และ แชมป์ พรีเมียร์ลีก สมัยแรก "ตอนนี้ผมต้องกลั้นน้ำตาไว้เลยนะ ผู้คนในเมืองลิเวอร์พูล แสดงความรักให้กับผมมาตลอด 5 ปีที่ผมมา ผมจะคิดถึงพวกเขามาก คุณรู้ไหมผมก็หวังว่าจะได้เล่นให้สโมสรไปอีกหลายปี แต่น่าเสียดายที่หลายสิ่งหลายอย่างมันเปลี่ยนไป ผมต้องเริ่มต้นการผจญภัยครั้งใหม่ ผมรู้ดีว่าผมย้ายมาร่วมทีมที่ยิ่งใหญ่ ผมยังจำวันที่ผมนั่งห้องต้อนรับและบอสบอกว่าเมื่อผมย้ายมา ลิเวอร์พูล พวกเราจะคว้าแชมป์ ผมแฮปปี้ที่เราทำได้จริงๆ มันคงเจ็บปวดมากหากจากสโมสรไปโดยไม่มีแชมป์อะไรติดมือเลย" "มันเป็นอะไรที่พิเศษจริงๆ ตั้งแต่ผมย้ายมาที่นี่แฟนๆ ก็ร้องเพลงชื่อผม ทุกสัปดาห์พวกเขาจะเห็นว่าผมทุ่มเทเต็มที่ 100 เปอร์เซนต์ เพื่อสโมสร นั่นคือสิ่งที่แฟนบอลอยากจะเห็นและชื่นชอบในตัวผม มันคือสิ่งที่ผมจะคิดถึงมาก ผมยังไม่ได้เซ็นสัญญากับทีมไหน ทุกคนก็รู้ว่าในโลกฟุตบอลอะไรก็เกิดขึ้นได้ สถานการณ์ตอนนี้ก็คือวันที่ 1 มิถุนายน นี้ผมจะไม่ได้เป็นนักเตะ ลิเวอร์พูล อีกแล้ว" "ไว้เราค่อยมาดูว่าผมจะทำอะไรต่อไปในหลายสัปดาห์ต่อจากนี้ ผมขอไปพักผ่อนสักหน่อยแล้วค่อยไปรับใช้ทีมชาติในยูโร ผมจะกลับไปทบทวนเรื่องราวของผม และดูว่าสิ่งต่างๆมันไปในทิศทางไหน แฟนๆสมควรจะได้รู้เรื่องราวที่อยู่เบื้องหลังมัน"  นี่คือบทสัมภาษณ์ล่าสุดของ จอร์จินิโอ ไวจ์นัลดุม ที่กล่าวไว้หลังจบเกมดังกล่าวซึ่งพูดถึงการเตรียมย้ายทีมเพื่อออกไปหาความท้าทายครั้งใหม่ ส่วนสโมสรที่น่าจะเป็นสถานีต่อไปนั้นตลอดช่วงที่ผ่านมาก็มีหลายทีมเช่นเดียวกัน และระดับยักษ์ใหญ่ทั้งนั้นไม่ว่าจะเป็น บาร์เซโลน่า ,​บาเยิร์น มิวนิค หรือว่าจะเป็น เปแอสเช จะเป็นทีมไหนก็ต้องมาดูกัน

HaMu Dos Santos

logoline