การแข่งขันฟุตบอลลีกที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในโลกอย่าง พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ในที่สุดมันก็ได้ปิดฉากลงไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ใครได้แชมป์ ได้ไปเล่นฟุตบอลยุโรป หรือต้องตกชั้นไปเชื่อว่าทุกท่านน่าจะทราบกันดีอยู่แล้ว
แต่วันนี้ทาง "ขอบสนาม" มีสาระน่ารู้ เป็นเกร็ดสำคัญๆ เก็บมาฝากแฟนๆ ทุกท่านกันนั่นก็คือ "10 สุดยอดที่เกิดขึ้นในศึก พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ซีซั่น 2020-21" จะมีอะไรบ้างนั้นไปชมกันเลย
9 ประตูในบ้าน

ฟูแล่ม ของ สกอตต์ พาร์เกอร์ คือ 1 ใน 3 ทีมที่ต้องตกชั้นกลับไปไต่เต้าใหม่บนสังเวียน เดอะ แชมเปี้ยนชิพ และหนึ่งในสิ่งที่ทำให้พวกเขาต้องเจอกับชะตากรรมดังกล่าวก็คือ ผลงานสุดบู่ยามได้เฝ้ารัง คราเวท ค็อทเทจ เพราะในเกมลีกปีนี้ ฟูแล่ม ทำไปได้แค่ 9 ประตูเท่านั้นกับการเล่น19 นัดในบ้านตัวเอง ถ้าดูจากสถิติที่ผ่านๆ มาขอบอกเลยว่าไม่ค่อยมีใครเจอสถิติที่เลวร้ายขนาดนี้ จะมีแค่ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ในฤดูกาล 2006-07 กับ ฮัดเดอร์ฟิลด์ ทาวน์ ในซีซั่น 2018-19 ที่ยิงได้ 10 ประตู
ไม่มีใครยิงแตะหลัก 10 ประตู

ในวันสุดท้ายของฤดูกาล 2020-21 เชลซี สามารถคว้าโควต้า ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ได้ตามที่ตั้งเป้าเอาไว้จากการคว้าจบพื้นที่ Top 4 ได้สำเร็จ แต่คุณรู้รึเปล่าว่าสิ่งที่น่าเหลือเชื่อสำหรับพวกเขาก็คือ เชลซี ไม่มีผู้เล่นคนไหนเลยที่ยิงได้แตะหลัก 10 ประตู แถมคนที่เป็นดาวซัลโวสูงสุดของทีมก็เป็นผู้เล่นในตำแหน่งมิดฟิลด์อย่าง จอร์จินโญ่ ที่ 7 ประตู
ส่วนคนอื่นๆ จะเฉลี่ยๆ กันยิงไล่ตั้งแต่ ติโม แวร์เนอร์, แทมมี่ อบราฮัม กับ เมสัน เมาท์ กดไป 6 ประตู พวก โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์, คริสเตียน พูลิซิช และ ไค ฮาแวร์ตซ์ กดไปอีกคนละ 4 ประตู และนอกนั้นก็ค่อยๆ ลดลงมาที่ 3, 2 และ 1 ประตูตามลำดับ เบ็ดเสร็จ เชลซี ทำไปทั้งหมด 58 ประตูทั้งซีซั่นซึ่งเป็นสถิติทีมที่ทำประตูได้มากที่สุดอันดับ 8
พลาด Top 4 วันสุดท้าย 2 ปีติด

เลสเตอร์ ซิตี้ ของ เบรนแดน ร็อดเจอร์ส เป็นทีมที่ได้รับคำชมเยอะมากตลอดช่วงที่ผ่านมาเกี่ยวกับเรื่องของผลงานและสไตล์การเล่น โดยเฉพาะการเป็นหนึ่งในทีมที่เล่นเกมรุกได้ตื่นเต้นและจัดจ้านมากๆ แต่มันก็เหมือนบุญมีแต่กรรมบังนั่นแหละ เพราะตลอดช่วง 2 ซีซั่นที่ผ่านมาพวกเขาไม่สามารถตีตั๋วไปลุยศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ได้เลย และที่พีคสุดๆ เลยก็คือ "การโดนปล้นพื้นที่ Top 4 ในวันสุดท้ายของซีซั่น 2 ปีติดกัน"
ในเกมนัดสุดทายของซีซั่น 2019-20 เลสเตอร์ ซิตี้ มีคิวเปิดบ้านรับการมาเยือนของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด โดยสถานการณ์ ณ ตอนนั้น "ปีศาจแดง" มี 63 คะแนน และ "จิ้งจอกสยาม" มี 62 คะแนน แต่ผลปรากฏว่าสุดท้ายพวกเขาต้องเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ไปด้วยสกอร์ 0-2 พร้อมกับจบที่อันดับ 5
เช่นเดียวกับนัดสุดท้ายของฤดูกาลล่าสุดมันมีอยู่ 3 ทีมที่ต้องลุ้นหนักในการล่าพื้นที่ Top 4 โดยสถานการณ์ ณ ตอนนั้นคือ เลสเตอร์ มี 66 คะแนนเท่ากับ ลิเวอร์พูล และ เชลซี มี 67 คะแนน ผลปรากฏว่าสุดท้าย ลิเวอร์พูล เอาชนะ คริสตัล พาเลซ ได้ 2-0 และ เชลซี แพ้ให้ แอสตัน วิลล่า 1-2 แต่ทางฝั่ง เลสเตอร์ เองก็พลาดด้วยเหมือนกัน เพราะพวกเขาโดน ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ บุกมาอัดคาบ้านไปด้วยสกอร์ 4-2 สุดท้ายก็เลยต้องจบเป็นอันดับที่ 5 ติดต่อกัน 2 ปีติด ได้ไปแค่ ยูโรปา ลีก เท่านั้น
เชฟฯ ยู แพ้ 29 นัด

เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด ฉายแววให้เห็นแล้วว่าปีนี้ยังไงก็ต้องตกชั้นอย่างแน่นอน จากการสะกดคำว่าชนะไม่เป็นเลยตลอด 17 เกมแรกของซีซั่น และแพ้ไปถึง 15 นัด พอสุดท้ายฤดูกาล 2020-21 ได้ปิดฉากลงผลปรากฏว่าพวกเขาต้องพบกับความปราชัยไปมากถึง 29 นัด นับเป็นสถิติที่เลวร้ายที่สุดบนหน้าประวัติศาสตร์สโมสร จะมีเพียงแค่ 3 ทีมที่เคยเจอกับสถิติที่เลวร้ายกว่าพวกเขานั่นก็คือ ลีดส์ ยูไนเต็ด แพ้ไป 30 เกมในซีซั่น 1946-47, แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส แพ้ไป 30 เกมในซีซั่น 1965-66 และ สโต๊ค ซิตี้ แพ้ไป 31 นัดในซีซั่น 1984-85
เล่นดี แต้มน้อย

ไบร์ทตัน แอนด์ โฮฟ อัลเบี้ยน ของ เกรแฮม พ็อตเตอร์ เป็นทีมเล็กๆ ที่มีฤดูกาลอันน่าทึ่ง พวกเขาได้รับคำชมมากมายมหาศาลในเรื่องการเล่นที่น่าตื่นเต้น แท็คติกดี นักเตะหลายๆ คนมีการพัฒนาและช่วยยกระดับทีมขึ้นเยอะมาก เวลาเจอกับทีมใหญ่ก็คือต่อสู้ได้ดีและแทบไม่ได้เป็นรองเลย แต่สุดท้ายพวกเขาต้องจบที่อันดับ 16 มี 41 คะแนนจากการลงเล่น 38 นัด ทั้งๆ ที่ความเป็นจริงแล้วในสายตาของเหล่าบรรดากูรูหรือเกจิชื่อดังหลายคนต่างก็คาดการณ์กันว่ายังไงปีนี้ ไบร์ทตัน ก็ต้องมีแต้มแตะหลักอย่างต่ำที่ 60 คะแนน ถ้าไม่ติดซวยหลายต่อหลายครั้ง
แกเร็ธ เบล กับค่าเฉลี่ย 1 ประตูทุกๆ 84 นาที

การกลับมายังบ้านหลังเก่าที่ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ของ แกเร็ธ เบล ได้สร้างความตื่นเต้นให้กับแฟนบอลและวงการฟุตบอลอังกฤษไม่ใช่น้อยเลย แต่เนื่องด้วยปัญหาทางด้านความฟิตและอาการบาดเจ็บมันก็ส่งผลให้โอกาสการลงสนามของเขาค่อนข้างถูกจำกัดลงโดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุคของ โชเซ่ มูรินโญ่ แต่ถึงแม้โอกาสมันจะน้อย ทว่าทุกครั้งที่พี่แกได้ลงมาโชว์ศักยภาพฝีเท้าก็มักจะฉายแววได้ดีเสมอ เขาซัดไป 11 ประตู บวกกับทำไปอีก 2 แอสซิสต์จากการลงเล่น 20 นัดใน พรีเมียร์ลีก ดังนั้นก็เท่ากับว่า แกเร็ธ เบล มีส่วนร่วมกับประตูที่ สเปอร์ส ยิงได้ทุกๆ 84 นาที นับเป็นสถิติที่ดีมากๆ จะมีเพียงแค่ โอเล กุนนาร์ โซลชา ที่มีค่าเฉลี่ยที่ดีกว่าบนสังเวียน พรีเมียร์ลีก ที่ 71 นาทีซึ่งทำไว้ตอนซีซั่น 1998-99
25 ปี อาร์เซน่อล ไม่ได้ไปเล่นยุโรป

การคว้าแชมป์ เอฟเอ คัพ ของ อาร์เซน่อล เมื่อฤดูกาล 2019-20 ดูเหมือนจะเป็นสัญญาณที่ดีของการหวนคืนสู่ยุครุ่งเรืองอีกครั้ง แต่ไปๆ มาๆ สิ่งที่เกิดขึ้นมันก็ไม่ได้เป็นไปตามที่หวัง เพราะ "ไอ้ปืนใหญ่" ของ มิเกล อาร์เตต้า ต้องเจอกับความระส่ำหนักตั้งแต่ช่วงต้นซีซั่น ผลงานไม่ดี และแทบจะสะกดคำว่าชนะไม่เป็นเลย กว่าจะเริ่มตั้งต้นได้ก็ตอนช่วง บ็อกซิ่ง เดย์ โน่นเลย
มีสถิติชี้ให้เห็นชัดว่า มีเพียงแค่ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ และ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่เก็บแต้มใน พรีเมียร์ลีก ได้มากกว่า อาร์เซน่อล ถ้านับตั้งแต่ช่วง บ็อกซิ่ง เดย์ จนถึงวันปิดซีซั่น แต่นั่นมันก็ไม่พอที่จะช่วยให้พลพรรค "เดอะ กันเนอร์ส" จบสูงกว่าอันดับที่ 8 และนั่นก็นำมาซึ่งสถิติอันเลวร้ายนั่นก็คือการพลาดโควต้าฟุตบอลยุโรปเป็นครั้งแรกในรอบ 25 ปี
แฮร์รี่ เคน

ถึง ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ จะต้องเจอกับฤดูกาลที่น่าผิดหวังจากการไม่ได้สิทธิ์ไปเล่น ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ในซีซั่นหน้า แต่สำหรับ แฮร์รี่ เคน ถือว่าเฉิดฉายมากกับผลงานส่วนตัวที่ปังปุริเย่สุดๆ พี่แกซัดไป 23 ประตู และกดไปถึง 14 แอสซิสต์ เท่ากับว่าผู้ชายคนนี้คว้าได้ทั้งรางวัล ดาวซัลโวสูงสุด และ ดาวแอสซิสต์สูงสุด ประจำซีซั่นนี้ นับเป็นผู้เล่นคนที่ 3 ในประวัติศาสตร์ พรีเมียร์ลีก ที่ทำได้ต่อจาก แอนดี้ โคล ในซีซั่น 1993-94 และ เธียร์รี่ อองนี เมื่อฤดูกาล 2002-03
ไม่แพ้นอกบ้าน
โอเล กุนนาร์ โซลชา เริ่มพิสูจน์ตัวเองให้ใครหลายๆ คนเห็นแล้วว่าเขานั้นคือ "คนที่ใช่สำหรับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด" กับการพัฒนาและยกระดับทีมขึ้นในซีซั่นนี้ พร้อมกับพาทีมจบที่อันดับ 2 และหนึ่งในสถิติสำคัญที่เกิดขึ้นกับพวกเขาก็คือ "ฟอร์มนอกบ้านอันแข็งแกร่ง" เพราะ "ปีศาจแดง" ไม่แพ้ให้กับใครเลยในการออกไปเยือนศัตรู โดยลงเล่นไป 19 นัด ชนะ 12 และ เสมอ 7 นัด ซึ่งนั่นทำให้พวกเขากลายเป็นสโมสรที่ 4 ที่ทำได้ต่อจาก เปรสตัน นอร์ธ เอนด์ ในซีซั่น 1888-89, อาร์เซน่อล ในซีซั่น 2001-02 และ อาร์เซน่อล อีกครั้งในซีซั่น 2003-04
เซร์คิโอ อเกวโร่
นับเป็นการจากลาที่สมกับเป็นหนึ่งในตำนานผู้ยิ่งใหญ่บนหน้าประวัติศาสตร์สโมสร แมนเชสเตอร์ ซิตี้ สำหรับพี่บ่าว เซร์คิโอ อเกวโร่ ถึงฤดูกาล 2020-21 จะมีอุปสรรคมากมายเกิดขึ้นในชีวิตของเขา แต่เกมสุดท้ายในสีเสื้อ "เรือใบสีฟ้า" ที่เจอกับ เอฟเวอร์ตัน 2 ประตูสุดท้ายของเขานอกจากจะเป็นการส่งสารอำลาและขอบคุณแฟนบอล, เพื่อนร่วมทีมและตัวสโมสรแล้วมันยังจะเกิดสุดยอดสถิติขึ้นอีก นั่นก็คือการทุบสถิติกลายเป็นผู้เล่นที่ทำประตูได้มากที่สุดบนสังเวียน พรีเมียร์ลีก ในการค้าแข้งกับสโมสรเดียวที่ 184 ประตู ทำลายสถิติเดิมของ เวย์น รูนี่ย์ ที่เคยทำไว้ 183 ประตู