logo-heading

ถึงแม้จะไม่ใช่ญาติสนิทมิตรสหาย แต่การได้เห็น คริสเตียน อีริคเซ่น เพลย์เมกเกอร์ทีมชาติเดนมาร์ก ล้มฟุบไปต่อหน้าต่อหน้า ระหว่างลงแข่งขันกับ ทีมชาติฟินแลนด์ ในศึก ยูโร 2020 มันช่างเป็นภาพที่หดหู่ใจเหลือเกิน เพราะเขานอนแน่นิ่ง ด้วยอาการหัวใจวายเฉียบพลัน ทีมแพทย์ต้องปฐมพยาบาลด้วยการปั้มหัวใจ

สถานการณ์ตอนนั้น มันบีบหัวใจเหลือเกิน เพราะไม่อยากให้มีข่าวร้ายเกิดขึ้น ถึงแม้เราจะไม่ได้อยู่ในสนาม แต่รับรู้ได้ถึงความเสียใจ กล้องจับภาพไปหานักเตะ เดนมาร์ก และ แฟนบอล "โคนม" ต่างร้องไห้ เนื่องจากสิ่งที่พวกเขาเห็นอยู่ตรงหน้า มันหมายถึงชีวิตของ นักเตะไอค่อนคนหนึ่งของชาติ

การได้เห็นภาพตรงหน้าว่าแย่แล้ว แต่การที่ไม่รู้ว่า อีริคเซ่น จะมีอาการเป็นอย่างไร ย่อมทำให้ "ความคิด" มันแย่มากว่า ยิ่งได้เห็นภาพ ซาบรีน่า เจนเซ่น แฟนสาวของ อีริคเซ่น ร้องไห้ปานจะขาดใจ ทำเอาน้ำตาซึมตามไปด้วย เพราะมันเป็นซีนที่ทัชหัวใจ และ มันอาจหมายถึงอาการที่มันอาจรุนแรงกว่าที่เราภาวนาเอาไว้ แต่กระนั้นต้องชม ซิมงต์ เคียร์ กัปตันทีม ที่เข้าไปช่วยเหลือเบื้องต้น และ เคลียร์พื้นที่ให้อากาศถ่ายเท, ทีมแพทย์ทุกคนที่เข้ามาปฐมพยาบาท, ผู้ตัดสินที่เป่าหยุดเกมทันที เพราะการช้าไปแค่เสี้ยววินาที มันอาจหมายถึงชีวิต ต่อให้ อีริคเซ่น จะนอนแน่นิ่ง แต่เชื่อเถอะว่าทุกกำลังใจที่ส่งผ่านมาถึงเขา มันสัมผัสได้จากการลอยผ่านสายลม วินาทีนั้น "ฟุตบอล" การเป็นปัจจัยรองไปแล้ว ชีวิตของดาวเตะรายนี้ สำคัญกว่า พวกเราจึงได้เห็นภาพความสามัคคี เหล่านักเตะ โคนม ยืนเป็นกำแพงมนุษย์ เพื่อไม่ให้เห็นภาพเพื่อนของพวกเขา อีกทั้งแฟนบอล ฟินแลนด์ กับ เดนมาร์ก เพื่อแสดงให้เห็นว่า "กีฬาไม่ใช่แค่การแข่งขัน" แฟนบอล ฟินแลนด์ ตะโกน คริสเตียน ก่อนที่ สาวก เดนมาร์ก จะขานรับต่อว่า อีริคเซ่น เป็นการส่งกำลังใจจากตรงนี้ถึง คริสเตียน อีริคเซ่น .. นอกจากนี้ยังมีแฟนบอลฟินแลนด์ โยนธงชาติของพวกเขา ให้กับทีมแพทย์ เพื่อใช้สำหรับปิดบังขณะเคลื่อนย้ายไปรักษาตัวที่โรงพยาบาล ส่วนกองเชียร์ทางไกลอย่างบ้านเรา ก็พยายามเสพย์ข่าวแบบนาทีต่อนาที เพื่อให้รับรู้ว่า อีริคเซ่น จะปลอดภัย .. จนกระทั่งทราบข่าว อีริคเซ่น เขามีสติตั้งแต่อยู่ในสนาม, ถูกส่งตัวไปยังโรงพยาบาลในเมืองโคเปนเฮเก้น ที่ห่างจากสนามเพียงแค่ 500 เมตร และ ที่สำคัญได้รับการดูแลจากหมอที่เชี่ยวชาญที่สุด ขณะที่เกมการแข่งขัน หยุดไปเกือบ 2 ชั่วโมง เจ้าหน้าที่สนามก็พยายามอัพเดตให้ได้ทราบข่าวกันอยู่ตลอด โดยยังไม่มีประกาศยกเลิกการแข่งขัน เพื่อรอดูสถานการณ์ของ อีริคเซ่น อีกครั้ง ในระหว่างที่รออาการของดาวเตะทีมชาติเดนมาร์ก ก็พลันนึกถึงเคสของ ฟาบริซ มูอัมบา อดีตนักเตะ โบลตัน วันเดอร์เรอร์ ซึ่งเคยหมดสติในสนาม และ หยุดหายใจไปถึง 78 นาที ก่อนที่แพทย์จะยื้อชีวิตของ มูอัมบา กลับมาได้อย่างปาฏิหาริย์ ดังนั้นก็เลยภาวนาว่า อีริคเซ่น จะตื่นฟื้นขึ้นมาได้เช่นกัน และแล้วข่าวดีที่ทั่วโลกรอคอย เมื่อ อีริคเซ่น ได้สติกลับมารับรู้ และ ตอบสนองได้แล้ว ช่วงที่หลายๆคนกำลังรอคอยว่า เดนมาร์ก กับ ฟินแลนด์ จะกลับมาเตะอีกหรือไม่ ? กระทั่ง อีริคเซ่น เมื่อพูดตอบโต้ได้ เขาเป็นคนบอกเองว่า เขาอยากเห็นเพื่อนๆลงสนามไปแข่งอีกครั้ง ! เขาอาจรักชีวิต แต่เขาอยากเห็นเพื่อนๆทำเพื่อชาติมากกว่า จากความกังวล กลายเป็น กำลังใจส่งมาอย่างล้นหลาม จากการภาวนา เปลี่ยนมาเป็นข้อความที่ส่งมาจากทั่วทุกมุมโลก ทีมชาติเยอรมัน ถ่ายภาพหมู่ทั้งนักเตะและสตาฟฟ์ หน้ารูป อีริคเซ่น เพื่อส่งกำลังใจ / โรเมลู ลูกากู เพื่อนร่วมทีม อินเตอร์ มิลาน วิ่งมาตรงหน้ากล้อง หลังยิงประตูใส่ทีมชาติรัสเซีย ให้กับ เบลเยี่ยม พร้อมพูดคำว่า "คริส คริส เรารักนาย" / อาร์เซน่อล ซึ่งเป็นคู่อริกับ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ อดีตต้นสังกัด อีริคเซ่น ก็ส่งข้อความซัพพอร์ทเช่นกัน และ อีกหลายคนมากมาย ทั้้งเป็นซูเปอร์สตาร์ และ บุคคลธรรมดา แต่ก็มีจุดมุ่งหมายเดียวกัน คือแด่ อีริคเซ่น ! มันทำให้เห็นว่า มิตรภาพนอกสนาม มันสวยงามมากเพียงใด ตอนนี้ก็คงหวังให้ อีริคเซ่น หายกลับมาโดเร็ว และ ใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ เพราะคนที่เคยเกิดเคสร้ายแรงแบบนี้ ก็ไม่มีอะไรน่าห่วงในปัจจุบัน แต่ถ้าถามว่าเขาจะกลับมาเล่น ฟุตบอล ได้อีกหรือไม่ ? เพราะช่วงชีวิตของเขา ยังสามารถค้าแข้งได้อีกหลายปี ใจจริงแล้ว อยากสวดมนต์ภาวนาให้ อีริคเซ่น กลับมาลงสนามได้อีกครั้ง เพราะเขาถือว่าเป็นต้นแบบ เป็นขวัญใจของใครหลายๆคน ไม่ว่าจะเป็นสมัยอยู่ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ หรือ อินเตอร์ มิลาน  กระนั้นโอกาสที่ อีริคเซ่น จะกลับมาลงสนามได้อีกครั้ง ต้องบอกตามตรงว่า "ยากเหลือเกิน" ไม่อาจตีเป็นเปอร์เซ็นต์ได้ว่าน้อยเท่าไหร่ แต่ขอยกตัวอย่างเคสที่เคยเกิดขึ้นกับ อีเกร์ กาซียาส ตำนานผู้รักษาประตูทีมชาติสเปน ที่มีอาการหัวใจวายในระหว่างฝึกซ้อมกับ ปอร์โต้ เมื่อเดือนพฤษภาคม ปี 2019 ถึงแม้ว่า กาซียาส จะถูกหามส่งโรงพยาบาลได้ทันเวลา และ กลับออกมาใช้ชีวิตได้ตามปกติเหมือนเดิม แต่กระนั้นวันเวลาผ่านไปราวๆ 1 ปี 2 เดือน เจ้าตัวก็ยังไม่สามารถกลับมาลงสนามได้เลย จนกระทั่งต้องยอมตัดใจแขวนสตั๊ดไปในที่สุด

ดังนั้นอาจจะต้องทำใจล่วงหน้า ว่าเราอาจจะไม่ได้เห็น อีริคเซ่น กลับมาทำในสิ่งที่ตัวเองรักอีกแล้ว แต่ก็หวังว่าปาฏิหาริย์จะดลบันดาลให้เขากลับมาเดินตามความฝัน ที่เรียกว่า "ฟุตบอล" ได้อีกครั้ง ขอให้มันเกิดขึ้นจริง ไม่ว่าจะกี่เปอร์เซ็นต์ก็ตาม !

ฮาย ฮาวดี้

logoline