logo-heading

ศึกแห่งศักดิ์ศรีแห่งสหราชอาณาจักร จบลงไปเป็นที่เรียบร้อยในศึกยูโร 2020 รอบแบ่งกลุ่ม ซึ่งถือว่าจืดชืดกว่าที่คิด แล้วก็เป็นผลที่หลายฝ่ายไม่คิดว่าจะเกิดขึ้นเพราะ ทีมชาติอังกฤษ ขวัญใจมหาชนที่อุ่นเครื่องก็ดี เปิดหัวก็เก็บ 3 แต้มชนะ โครเอเชีย มาได้ทว่าดันมาพลาดท่าให้ทีมคุ้นเคยอย่าง สก็อตต์แลนด์ ที่นัดแรกแพ้ เช็ก มา 2-0 

  ทั้งที่เล่นในบ้านตัวเอง แต่ก็ไม่รู้ว่าเพราะการแพ้มาก่อนในนัดแรกบวกกับศักดิ์ศรี บริติช เหมือนกันรู้ไส้รู้พุงไม่มียอมอยู่แล้ว ฉะนั้นขอสู้ตายถวายหัว เล่นยื้อยุดฉุดกระชากกัน รูปเกมค่อนข้างน่าเบื่อแหละ แต่มันก็มีจังหวะที่น่าสนใจอยู่ ฉะนั้นเกมนี้มีอะไรน่าสนใจไปดูกัน เริ่มต้นที่การจัดทีมกันก่อนเลย แกเร็ธ เซาธ์เกต กุนซือทัพ "ทรี ไลอ้อนส์" เปลี่ยน 2 ตำแหน่งจากเกมนัดแรก ใช้ รีช เจมส์ ลงเล่นแบ็กขวา แทน ไคล์ วอลค์เกอร์ แล้วก็แบ็กซ้ายใช้ ลุค ชอว์ แทน คีแรน ทริปเปียร์ ที่นัดแรกโดนตำหนิเยอะอยู่ว่าจะเอาแบ็กขวาธรรมชาติมาเล่นแบ็กซ้ายทำไม ส่วนกองกลางก็ใช้เหมือนเดิมกับนัดแรกที่ชนะ โครเอเชีย เป๊ะๆ คือ คาลวิน ฟิลลิปส์, ดีแคลน ไรซ์ และ เมสัน เมาท์ ขณะที่ 3 แนวรุกก็เหมือนเดิมเช่นกัน ฟิล โฟเด้น, ราฮีม สเตอร์ลิง และ แฮร์รี่ เคน ซึ่งนั่นหมายความว่า แจ็ค กรีลิช คนที่แฟนๆ อยากเห็นก็ยังไม่ได้ลงเล่นเช่นเดิม ตัดสลับกลับมาดูที่ทางฝั่งทีมแดนน้ำเมาอย่าง สก็อตต์แลนด์ กันบ้าง มีการเปลี่ยนหลายตำแหน่งจากนัดแรกอยู่นะ แล้วก็มีถอย สก็อตต์ แม็คโทมิเนย์ กองกลางจาก แมนฯ ยูไนเต็ด ลงไปเล่นเป็นเซ็นเตอร์ฮาล์ฟด้วย นอกนั้นก็มี คีแรน เทียร์นี่ย์, จอห์น แม็คกินน์, บิลลี่ กิลมัวร์ และ แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน เป็นตัวชูโรง เริ่มเกมมาจังหวะทักทายแรกกลับกลายเป็นของ สก็อตต์แลนด์ ที่ดูเป็นรองแล้วก็ถือว่าเป็นทีมเยือนด้วย เพราะเกมนี้เล่นกันที่ เวมบลีย์ สเตเดี้ยม โดยได้ลุ้นตั้งแต่นาทีที่ 3 สตีเฟ่น โอดอนเนลล์ เข้าถึงเส้นหลังก่อนปาดให้ เชส์ อดัมส์ ได้ยิงแต่ยังติดบล็อค จอห์น สโตนส์ แนวรับจาก แมนฯ ซิตี้ ช่วยเซฟไว้ การออกตัวทักทายก่อนแบบนี้มันดูจะเหมือนหยามเจ้าถิ่นอย่าง อังกฤษ เกินไป ยอมไม่ได้ก็เลยทำเกมรุกบุกเข้าใส่อย่างต่อเนื่อง แต่เกมรับของ สก็อตต์แลนด์ ก็ถือว่าเหนียวแน่น ประกบปิดตาย กัปตันทีมอย่าง แฮร์รี่ เคน ได้อยู่หมัดแทบไม่ได้ทำอะไรเลย เรียกได้ว่าแม้ อังกฤษ จะครองเกมและหาจังหวะจบได้มากกว่า ทว่ามันก็ไม่ได้มีอันตรายอะไรใดๆ ให้น่ากลัวเลย หนำซ้ำนาทีที่ 30 เกือบจะโดนขึ้นน้ำซะด้วย ยังโชคดีที่ จอร์แดน พิคฟอร์ด โชว์เซฟในจังหวะที่ เทียร์นี่ย์ เปิดบอลไปให้ โอคอนเนลล์ วิ่งเข้ามาวอลเลย์ ซึ่งบอลน่าจะหายย้ายเข้าประตู แต่ก็ต้องชมว่า พิคฟอร์ด ปฏิกริยาดีสามารถเซฟเอาไว้ได้ สุดท้ายทั้ง 2 ทีมสู้กันได้สนุกเกิดคาด แม้โอกาสยิงจะไม่ได้เยอะ แต่ก็สู้กันด้วยแท็คติกและจบครึ่งแรกด้วยสกอร์เจ๊าจืด เริ่มเกมในครึ่งหลัง ดูเหมือนว่า อังกฤษ ที่เป็นต่ออยู่แล้วจะเปิดหัวได้สวยเพราะมีจังหวะ ลุค ชอว์ เปิดบอลให้ เมสัน เมาท์ วิ่งมาตะบันเต็มแรงแต่ยังติดเซฟของ เดวิด มาร์แชลล์ นายด่าน สก็อตต์แลนด์ หลังจากนั้นเหมือน สก็อตต์แลนด์ จะเริ่มรู้แล้วว่ากูสู้ได้ แล้วนัดแรกก็แพ้มาเลยขอทำเกมรุกบุกใส่หน่อยนึง แล้วก็มาเกือบได้ประตูขึ้นนำด้วยตอนนาทีที่ 62 บอลเริ่มมาจากลูกเตะมุม เชส์ อดัมส์ ตัดสินใจวอลเลย์บอลจะพุ่งเข้าประตูอยู่แล้ว แต่โชคยังดีที่ อังกฤษ ได้แนวรับตัวคุมเส้นโขกสกัดออกมาได้แบบหวุดหวิด รอดพ้นจากการเสียประตูไป ช่วงเวลาที่เหลือต่างฝ่ายต่างก็พยายามครองเกมของตัวเอง มีจังหวะก็เอา ไม่มีจังหวะก็เนิบๆ ไป สุดท้ายมันก็ไม่ได้มีจังหวะอะไรที่หวาดเสียวขนาดนั้น จบลงไปแบบฉันท์มิตร 0-0 โนสกอร์ จะว่าไปก็เป็นหนึ่งในเกมที่น่าเบื่อใช้ได้เลยนะในศึกยูโรหนนี้ แต่นัดนี้มันก็มีดีสำหรับแฟน เชลซี เพราะได้เห็นฟอร์มที่ดีของ บิลลี่ กิลมัวร์ กองกลางทัพ "ตาร์ตัน" ที่คว้าแมนออฟเดอะแมตซ์ มาครองได้ 

เอาหละปิดท้ายมาสรุปสถานการณ์กลุ่มนี้กันหน่อยดีกว่าตอนนี้ผ่านไป 2 นัด อังกฤษ มี 4 คะแนนเท่ากับ เช็ก เพื่อนร่วมกลุ่มที่เสมอ โครเอเชีย มา แล้วเดี๋ยวต้องเจอกันเอง ส่วน สก็อตต์แลนด์ งานยากซะแล้วเพราะรั้งบ๊วยกลุ่มเพิ่งมีแต้มเดียว แล้วนัดสุดท้ายต้องไปชี้ชะตากับ โครเอเชีย ที่กำลังดิ้นรนเช่นกัน เรียกได้ว่าลุ้นกันมันส์เลยแหละ

 

ชิน ชินพัฒน์

 
logoline