logo-heading

หลังการจับสลาก ยูโร 2020 .. กลุ่ม เอฟ คือกลุ่มที่แฟนบอลพูดถึงกันมากที่สุด เพราะเป็น "กรุ๊ป ออฟ เดธ" ที่เหล่าชาติยักษ์ใหญ่แห่งยุโรปมากระจุกรวมตัวกันอยู่เต็มไปหมด ประกอบไปด้วย ฝรั่งเศส, เยอรมัน และ โปรตุเกส ซึ่งก็แสดงความคิดเห็นกันว่า ทีมใดมีโอกาสเข้ารอบ

และ ไม่มีใครคิดหรอกครับว่า ทีมอย่าง ฮังการี ผู้ต้องตกระกำลำบาก ที่ดันทะลึ่งมาอยู่ในกลุ่ม เอฟ จะมีโอกาสผ่านเข้ารอบ เพราะใครๆก็คิดว่านี่คือ สมันน้อย พร้อมแจกแต้มให้กับอีก 3 ทีมที่เหลือ

ฝรั่งเศส มี คีเลี่ยน เอ็มบัปเป้, โปรตุเกส มี คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ขณะที่ เยอรมัน มี โธมัส มุลเลอร์ เป็นตัวชูโรง ทั้ง 3 คน ที่เอ่ยมา เป็นระดับซูเปอร์สตาร์ทั้งนั้น ผิดกับ ฮังการี ที่ไม่มีนักเตะแบบนั้นอยู่เลย หากจะเอาตัวเด่นสุดของทีม ก็คือ อดัม ซาไล กัปตันทีม จาก ไมนซ์ 05 และ ปีเตอร์ กูลัคซี่ ผู้รักษาประตูมือ 1 ของ ไลป์ซิก อยู่อันดับ 31 ตาม ฟีฟ่าแรงกิ้ง เพิ่งผ่านเข้ามาเล่น ยูโร รอบสุดท้าย ได้เพียงแค่ 4 ครั้ง ไม่มีอะไรเลยที่ ฮังการี จะไปต่อกรกับ 3 ชาติยักษ์ใหญ่ร่วมกลุ่ม

"นอกเสียจากหัวใจ"

เกมที่ ฮังการี ประเดิมสนาม ยูโร 2020 พบกับทีมชาติโปรตุเกส พวกเขาถูกมองว่าเป็นรองสุดกู่ และ หากใครตื่นมาดูแค่ผลสกอร์ อาจจะคิดในใจว่า "ก็เป็นไปตามคาด" เพราะ ฮังการี พ่ายให้กับทัพ "ฝอยทอง" ไปแบบเละเทะ 0-3 แต่หากใครได้ดูถ่ายทอดสด เต็มๆ 90 นาที จะเห็นว่า ฮังการี สร้างความอึดอัด และ เล่นอย่างมีวินัย ทำเอา โปรตุเกส เจาะแทบไม่เข้า ซึ่งเกมมันทำท่าจะจบ 0-0 แล้วด้วยซ้ำ กระนั้น ฮังการี มาโดนขุนพล ฝอยทอง เจาะไข่แดง ในช่วงท้ายเกม จากนั้นมันเหมือนหมดแรง ประตูก็ไหลมาเทมา และ โดนยิงเพิ่มอีก 2 เม็ด อย่างที่ทุกคนทราบกัน จนมาถึง แมตช์ที่ 2 .. สมันน้อยอย่าง ฮังการี ต้องมาเจอกับ ฝรั่งเศส เจ้าของแชมป์ ฟุตบอลโลก 2018 ใครๆก็คิดว่า นี่จะเป็นมหกรรมยำใหญ่ใส่ไข่ดาว เพราะดูแล้วไม่มีแววเลยที่ ฮังการี จะมาต่อกร กับขุนพล "ตราไก่" แต่มีคนอยู่กลุ่มหนึ่ง ที่คิดว่าพวกเขาสู้ได้ และ กลุ่มนั้นก็คือ ฮังการี เพื่อสะท้อนให้เห็นฉายาอันน่าเกรงขาม "เหล่านักรบแมกยาร์" ถ้าหากคุณเป็นรองคู่แข่งแบบสุดกู่ คุณจะทำอย่างไรล่ะ ? คุณจะถอดใจ หรือ คุณจะวิ่งสู่ฟัด ? .. หากตัดสินใจไม่ได้ ให้ดู ฮังการี เป็นตัวอย่าง .. เพราะตั้งแต่ผู้ตัดสินเป่านกหวีดเริ่มเกม นักรบแมกยาร์ วิ่งสู้ฟัด ประหนึ่งว่านี่คือ "นัดสุดท้ายของชีวิต" หากสนามรบ มีทหารผู้กล้า .. ในสนาม ปุสกัส อารีน่า ก็มีนักเตะ ฮังการี วิ่งถวายชีวิตแบบลืมตาย เข้าเต็มตีนทุกดอก บู๊บุ๋นสู้ทุกจังหวะ คือรู้ว่าเป็นรอง แต่แชมป์โลก แล้วยังไงล่ะ ? ถึงแม้ 45 นาทีแรก ฝรั่งเศส จะมีโอกาสเข้าทำใส่ ฮังการี หลายครั้ง แต่ลูกทีมของ มาร์โก้ รอสซี่ ยังรับมือได้หมด ทุกอย่างดำเนินไปตามแท็คติค โดยเล่นเกมรับอย่างมีวินัย และ ไม่ขอยืนรอให้ ตราไก่ ดาหน้าบุกเข้ามาฝ่ายเดียว เพราะพวกเขากล้าต่อบอลใส่แชมป์โลก กล้าบุก กล้าสวนกลับ ซึ่งที่เซอร์ไพรส์ไปกว่านั้น ก็คือการยิงขึ้นนำได้ก่อน มันเป็นช่วงเวลาที่ไม่มีใครคาดคิด กำลังจะหมดเวลาครึ่งแรก เพียงแค่โอกาสการยิงครั้งแรกของเกม ฮังการี ก็ทำได้ทันที มันเป็นจังหวะการต่อบอลแค่ไม่กี่ครั้ง เมื่อ โรลันด์ ซัลไล จ่ายให้กับ อัตติล่า ฟิโอล่า ใช้หัวแต่งบอล ก่อนสปีดเข้ากรอบเขตโทษ ยิงเบียดเสาแรกผ่านมือ อูโก้ ยอริส ให้ ฮังการี ขึ้นนำ 1-0 วินาทีนั้น ไม่รู้ว่าแรงสั่นสะเทือน ณ สนาม ปุสกัส อารีน่า จะมากกี่ริกเตอร์ แต่มันได้เห็นความบ้าคลั่งของแฟนบอล "นักรบแมกยาร์" ว่ามีอารมณ์ความสะใจมากแค่ไหน และ เสียงเชียร์เหล่านั้น ยิ่งสร้างขวัญกำลังใจให้กับนักเตะ ฮังการี เพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณ จากสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ก็ทำให้ฉุกคิดว่า บางทีฟุตบอลก็ไม่ได้กลัวกันเรื่องฝีเท้าหรอก แม่งกลัวเรื่องหัวใจนี่แหละครับ .. ไม่มีใครอยากเจอทีมที่วิ่งใส่เข้าคุณทั้งเกมอย่างแน่นอน !! และ ฮังการี ได้ทำแบบนั้นใส่นักเตะ ฝรั่งเศส จนไม่มีเวลาพักหายใจ .. ต่อให้สุดท้ายแล้ว ฮังการี จะเผลอตัว ขึ้นไปบุกใส่ ฝรั่งเศส จนลืมเกมหลังบ้าน และ โดนตีเสมอ 1-1 แต่กระนั้นพวกเขาก็สามารถยันสกอร์นี้เอาไว้ไปจนจบเกม .. ไม่ใช่แค่ลบคำสบประมาท ที่ทุกคนมองว่าเป็น "สมันน้อย" ของกลุ่มนี้เท่านั้นนะครับ แต่มันแสดงให้เห็นเลยว่า "ถ้าหัวใจคุณสู้ อะไรก็มาขวางไม่ได้ทั้งนั้น" ค่าตัวนักเตะ ฮังการี ทั้งทีม ก็สู้ค่าตัว อ็องตวน กรีซมันน์ หรือ คีเลี่ยน เอ็มบัปเป้ ไม่ได้อยู่แล้ว ดีกรีนักเตะ ฮังการี มีคนเล่นอยู่ใน 5 ลีกใหญ่ยุโรป มีเพียงแค่ 4 คน ผิดกับ ฝรั่งเศส ที่อยู่ทั้งกระบิ ไม่มีอะไรที่ ฮังการี จะไปเทียบ ฝรั่งเศส ได้เลย นอกจาก "หัวใจ" 1 ดวง และ 2 แขน 2 ขา ที่เท่ากัน .. การเสมอกับ ฝรั่งเศส ในนัดนี้ คงจะเปลี่ยนความคิดแฟนบอลได้ไม่มากก็น้อย ว่าพวกเขาไม่ใช่ หมูในอวย แบบที่คิด ..  - ลาสซ์โล ไคลน์ไฮส์เลอร์ มิดฟิลด์ตัวรุกของ ฮังการี รับรางวัล แมน ออฟ เดอะ แมตช์ - ปีเตอร์ กูลัคซี่ แสดงให้เห็นถึงความเหนียวแน่นหนึบ ในการเซฟลูกยิงของ เอ็มบัปเป้ อย่างน้อยเรื่องราวเหล่านี้ ก็คงเข้าไปกระแทกสายตาของแฟนบอลทีมอื่นอยู่บ้าง .. นัดสุดท้าย ฮังการี ต้องไปชี้ชะตาเข้ารอบกับทีมชาติเยอรมัน ซึ่งแน่นอนพวกเขายังเป็นรองแบบสุดกู่ แต่จะไม่มีใครกล้าคิดอีกแล้ว ทัพ อินทรีเหล็ก จะผ่านไปได้แบบสบายๆ ไม่รู้ว่า จะเป็นนัดสุดท้ายของ ฮังการี ในศึก ยูโร 2020 หรือไม่ แต่อย่างน้อย มันทำให้พวกเขายังมีความหวัง และ ความหวังนั้น มันจะสร้างแรงกระตุ้นชั้นดี แฟนฟุตบอล ที่เข้ามาเชียร์กันมืดฟ้ามัวดิน จะเป็นเหมือนพลังแฝงให้ "นักรบแมกยาร์" วิ่งแบบถวายชีวิตอีกครั้ง

ต่อให้ ฮังการี จะเป็นผู้แพ้ แต่ขอคารวะ พวกเขาแสดงให้เห็นว่า "ชนะใจตัวเองก็เพียงพอแล้ว" !!

ฮาย ฮาวดี้

logoline