logo-heading

หากใครไม่ได้ติดตามการแข่งขัน ยูโร 2020 นัดสุดท้าย ของกลุ่ม บี บอกเลยว่าพลาดมหันต์ โดยเฉพาะคู่ระหว่าง เดนมาร์ก กับ รัสเซีย เพราะโคตรจะเดือด เรียกว่าผลการแข่งขันลุ้นกันนาทีต่อนาที ถึงขั้นที่ทีมงานและแฟนบอลต้องคอยเช็คผล "ไลฟ์สกอร์" เนื่องจากคู่ ฟินแลนด์ ปะทะ เบลเยี่ยม ก็มีผลต่อการเข้ารอบเช่นกัน

ด้วยความดุเดือดเผ็ดมันส์ ขนาดนี้ เลยสรุปมาให้ฟังกันอีกครั้งว่า เมื่อคืนในกลุ่มบี เกิดเหตุการณ์อะไรที่มันน่าสนใจกันบ้าง และ บทสรุปเป็นอย่างไร ซึ่งอันดับ 1 คงทราบกันอยู่แล้ว แต่การแย่งชิงอันดับ 2 มันมากถึง 3 ทีม ใครผ่านเข้ารอบ, ใครยังต้องรอลุ้น หรือ ใครที่ต้องเก็บกระเป๋ากลับบ้าน ไปติดตามกันได้เลย

ทีมชาติเบลเยี่ยม 

สมราคาเต็งแชมป์ ยูโร 2020 จริงๆ สำหรับ เบลเยี่ยม เพราะว่าโชว์ผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม ตั้งแต่นัดแรก จากการไล่ถล่ม รัสเซีย แบบเละเทะ 3-0 ซึ่งวันนั้นได้ โรเมลู ลูกากู ซัด 2 ประตู และ โธมัส มูนิเย่ร์ อีก 1 ลูก ว่ากันตามตรงการชนะด้วยสกอร์นั้น แทบจะทำให้ลูกทีมของ โรเบร์โต้ มาร์ติเนซ แบเบอร์เข้ารอบน็อคเอาท์ไปแล้ว กระนั้นมาถึงนัด 2 ของรอบแบ่งกลุ่ม คราวนี้ เบลเยี่ยม เจอบททดสอบที่ยากขึ้น เมื่อต้องเจอกับของแข็งอย่างทีมชาติเดนมาร์ก ที่กระเหื้อนกระหือรือ อยากเก็บ 3 แต้ม หลังจากแพ้เกมแรกมาก่อน และ กลายเป็น ปีศาจแดงแห่งยุโรป ทำผิดพลาด เมื่อ เจสัน เดนาเยอร์ จ่ายบอลไปให้ ปิแอร์-เอมิล ฮอยเบิร์ก นักเตะ โคนม ในแดนตัวเอง จากนั้นโดนตัดบอล และ เสียประตูทันที ตั้งแต่ 2 นาทีแรก จากการยิงของ ยุสซุฟ โพลเซ่น ต้องเดือดร้อนถึงมือของ เควิน เดอ บรอยน์ ที่เปลี่ยนลงสนามมาเป็นตัวสำรอง ในช่วงครึ่งหลัง และ สามารถสร้างปรากฎการณ์ เปลี่ยนเกมให้กับ เบลเยี่ยม ได้ทันที ด้วยการโชว์ความเป็นเวิลด์คลาส ยิง 1 และ จ่าย 1 ช่วยให้ เบลเยี่ยม พลิกกลับมาแซงเอาชนะ 2-1 คว้า 3 แต้มสำคัญ ทำให้ 2 นัด มี 6 คะแนน การันตีผ่านเข้ารอบเรียบร้อย นัดสุดท้าย เบลเยี่ยม ขอแค่เสมอ ก็จะเป็นที่ 1 ของกลุ่มอย่างแน่นอน ซึ่งคู่แข่งคือ ฟินแลนด์ ด้วยความที่เหนือกว่าเยอะ และ ไม่ต้องกดดันอะไรมากมาย ทำให้มีการเปลี่ยนแปลง 11 ตัวจริง แทบจะยกกระบิ แต่ยังมี ติโบต์ กูร์กตัวส์ กับ โรเมลู ลูกากู ลงสนาม โดยมี เอแด็น อาซาร์ และ เควิน เด บรอยน์ ลงมาเรียกความฟิตเช่นกัน ซึ่งแน่นอน เบลเยี่ยม แบกความหวังการเข้ารอบของ เดนมาร์ก ไว้เต็มบ่า ต่อให้ตัวสำรอง แต่ เบลเยี่ยม เหนือกว่าเยอะ ทว่ากว่าจะยิงประตู เล่นเอากองเชียร์ เดนมาร์ก ก้นไม่ติดเก้าอี้ สุดท้าย โธมัส แฟร์มาเล่น มาโขกบอลชนเสา กระเด้งไปโดน ลูคัส ฮราเด็คกี้ เข้าประตูตัวเอง และ โรเมลู ลูกากู มายิงปิดกล่อง ชนะ 2-0 เข้าเป็นอันดับ 1 กลุ่มบี ไปรอเจออันดับ 3 ที่ดีที่สุด ซึ่งต้องรอว่าจะเจอจากกลุ่ม เอ / ดี / อี หรือ เอฟ

ทีมชาติเดนมาร์ก

แค่นัดแรกขุนพล เดนมาร์ก ก็เจอเรื่องสะเทือนใจแล้ว จากเหตุการณ์ที่ คริสเตียน อีริคเซ่น วูบคาสนาม โดยเมื่อต้องกลับมาเตะต่อ ก็เป็นเรื่องช็อคซ้ำสอง เพราะพวกเขาพ่ายคาบ้านให้กับ ฟินแลนด์ 0-1 ทั้งๆที่เหนือกว่าแบบสุดกู่ แต่โดนบุกครั้งเดียว โดนโป้งเดียวหายไปเลย จากการแพ้เกมแรก ทำให้สถานการณ์ของ เดนมาร์ก ยากลำบากมากขึ้นไปอีก เพราะนัด 2 ต้องเจอกับเต็งแชมป์อย่าง เบลเยี่ยม ซึ่งข้อแม้ของทัพ "โคนม" อย่างน้อยขอ 1 แต้ม เพื่อโอกาสเข้ารอบในฐานะอันดับ 2 กลุ่มบี แต่กระนั้นการขึ้นนำไปก่อนก็ไม่ช่วยอะไร เพราะสุดท้ายก็ต้านไม่อยู่ โดนแซงแพ้ไป 1-2 2 นัด 0 แต้ม โอกาสเข้ารอบริบหรี่ อย่างไรก็ตาม "เกมยังไม่จบ อย่าเพิ่งนับศพทหาร" เพราะทุกอย่างเป็นใจ เมื่อ ฟินแลนด์ ไปแพ้ให้กับ รัสเซีย 0-1 ทำให้ เดนมาร์ก ยังมีความหวังที่จะผ่านสู่รอบน็อคเอาท์ ขอแค่เอาชนะ หมีขาว ให้ได้เสียก่อน และ ไปแช่งให้ ฟินแลนด์ แพ้ เบลเยี่ยม เยอะๆ ก็มีโอกาสเข้ารอบเช่นกัน ซึ่งนัดสุดท้ายแม่งโคตรเดือด เพราะ นักเตะ เดนมาร์ก วิ่งลืมตาย ไล่บดใส่ รัสเซีย ตั้งแต่ต้นเกม ถึงแม้ต้องพึ่งให้ เบลเยี่ยม เอาชนะ ฟินแลนด์ แต่กระนั้นพวกเขาก็ต้องพึ่งตัวเองก่อนเป็นอันดับแรก ซึ่งมันเห็นได้ถึงแพสชั่น และ พลังความสามัคคี ดาหน้าบุกใส่แบบมิดฟ้ามัวดิน จนได้ประตูขึ้นนำ 1-0 จาก มิคเกล ดามส์การ์ด จากนั้น เดนมาร์ก มานำ 2-0 จากความผิดพลาดของ รัสเซีย ที่คืนหลังไม่ดี กระทั่ง ในสนาม เฮกันดังลั่นชนิดสนามแทบแตก เพราะผลอีกคู่มีรายงานว่า เบลเยี่ยม ยิงขึ้นนำ ฟินแลนด์ ได้แล้ว แต่แล้วให้หลังแค่ไม่กี่วินาที ทุกอย่างเงียบสงัด เหมือนได้ยินเสียงหายใจ เมื่อ โคนม เสียจุดโทษ โดนยิงไล่มา 2-1 อีกทั้งคู่ เบลเยี่ยม โดนริบสกอร์ เพราะ VAR เช็คล้ำหน้า คะแนนเรียลไทม์ตอนนั้น เดนมาร์ก จะได้แค่อันดับ 3 และ มีโอกาสตกรอบสูง แต่อย่างที่เคยบอกไปครับ บางฟุตบอลมันแพ้เรื่องใจนี่แหละครับ เดนมาร์ก ไม่หงอเลยสักนิด ยังบุกแหลกใส่ รัสเซีย จนกระทั่งยิง ลูก 3 ลูก 4 แฟนบอลบ้าคลั่งกันจัดๆ สุดท้ายจบสกอร์ด้วยสกอร์ 4-1 ส่วนผลอีกคู่เป็นใจมาก ถึงขั้นที่นักเตะจับกลุ่มดูแอพ "ไลฟ์สกอร์" โดยเป็น ฟินแลนด์ แพ้ เบลเยี่ยม 0-2 ทำให้ เดนมาร์ก แซงผ่านเข้ารอบในฐานะอันดับ 2 ของกลุ่ม มี 3 แต้ม เท่ากัน แต่มินิลีกดีสุด ลูกได้เสีย บวก 2 โดยจะไปพบกับ ทีมชาติเวลส์ ทื่ 2 กลุ่ม เอ ในรอบ 16 ทีมสุดท้าย

ทีมชาติรัสเซีย

ต้องบอกว่าทีมชาติรัสเซีย ไม่ได้มาในมาดดุ ในศึก ยูโร 2020 หนนี้ เพราะนัดประเดิมสนาม ก็โดนไล่ยำใหญ่ใส่ไข่ดาว เมื่อเปิดรัง เซนต์-ปีเตอร์สเบิร์ก สเตเดี้ยม แพ้คาบ้านต่อ เบลเยี่ยม แบบเอาท์คลาส 0-3 ซึ่งก็เป็นไปตามคาด ไม่ได้พลิกโผ เป็นเรื่องใหญ่โตอะไร การแพ้ให้กับ เบลเยี่ยม เป็นเรื่องเข้าใจได้ ดังนั้นหน้าที่ของ รัสเซีย คือต้องเก็บ 3 แต้ม ในเกมนัด 2 ที่ต้องเจอกับ ฟินแลนด์ ให้ได้เท่านั้น ถึงแม้ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย กว่าที่ หมีขาว จะเอาชนะได้ เรียกว่าหืดขึ้นคอ แต่ประตูโทนประตูเดียว ที่ทำได้ก็คือ อเล็กเซย์ มิรานชุค ปั่นด้วยซ้ายโค้งๆเข้าไปอย่างสวยงาม อย่างน้อย 1 ลูก ก็เพียงพอทำให้เก็บ 3 คะแนน ดังนั้นนัดสุดท้ายของรอบแบ่งกลุ่ม ขอแค่เสมอเท่านั้น ก็แทบจะการันตีผ่านเข้ารอบทันที ไม่ว่าจะเป็นอันดับ 2 หรือ อันดับ 3 เพราะจะมี 4 คะแนน ซึ่งถือว่าสูงมาก แต่กระนั้น รัสเซีย กลับแพ้ภัยตัวเอง เนื่องจากเจอความกดดัน เพราะต้องบุกมาเยือนเจอกับกองเชียร์ โคนม ที่ขนมาเต็มสนาม กลายเป็นว่า รัสเซีย แพ้ให้กับ เดนมาร์ก แบบเละเทะ 1-4 โดยประตู 2 ที่โดน ไม่น่าเสียเลยสักนิด เพราะ โรมัน ซอบนิน กองกลาง หมีขาว จ่ายบอลคืนหลังไม่ดูตาม้าตาเรือ ดันไปเข้าทาง ยุสซุฟ โพลเซ่น กองหน้าคู่แข่ง ซึ่งดักรออยู่แล้ว ยิงง่ายๆโล่งๆ ถึงแม้ รัสเซีย จะพอมีความหวัง จากการได้จุดโทษยิงตีตื้นมา 1-2 จาก อาร์เตม ซูบา ซัดเข้าไป ขอแค่ตีเสมอ จะผ่านเข้ารอบทันที แต่โมเมนตั้มของทีม ไม่กลับมาเลย เพราะโดน เดนมาร์ก บุกแบบจัดหนัก สุดท้ายก็โดนเพิ่มอีก 2 ลูก แพ้ไป 1-4 ทำให้ 3 นัด มี 3 แต้ม เท่ากับ ฟินแลนด์ และ เดนมาร์ก แต่มินิลีกลูกได้เสียห่วยสุด ต้องจมบ๊วย ตกรอบไปแบบเจ็บช้ำ

ทีมชาติฟินแลนด์

ว่ากันตามตรง ทีมชาติฟินแลนด์ เป็นทีมที่ดูด้อยที่สุดของกลุ่ม ไม่เคยผ่านเข้ามาเล่นรอบสุดท้าย กระทั่งคว้าโควต้ามาลุย ยูโร 2020 เป็นสมัยแรก แต่เกมประเดิมสนาม ก็สร้างประวัติศาสตร์ทันที เมื่อสามารถบุกไปเอาชนะ เดนมาร์ก ได้อย่างเซอร์ไพรส์ ด้วยสกอร์ 1-0 จากลูกโขกของ โยเอล โปห์ยานปาโล ทั้งๆที่มีโอกาสยิงแค่ครั้งเดียว การปรากฎฟอร์มของ ฟินแลนด์ ต่อหน้าผู้ชมทั่วโลก ทำให้ลบคำสบประสาทไปได้เยอะ อย่างไรก็ตามเกมที่ 2 ที่พบกับ รัสเซีย พวกเขาก็ยังเป็นรองแบบเต็มประตู แต่ก็ยังสวมหัวใจความเป็นนักสู้ บุกสู้กับ หมีขาว ได้อย่างสนุก ทว่าสุดท้ายก็ต้านไม่ไหว ต้องแพ้ไป 0-1 ทำให้สถานการณ์นัดสุดท้ายของ ฟินแลนด์ ค่อนข้างลำบาก เพราะต่อให้จะขอแค่ 1 แต้ม แต่คู่แข่งของพวกเขา คือ เบลเยี่ยม แทบไม่มีมุมไหนจะไปต่อกรได้เลย ถึงแม้ว่า ฟินแลนด์ จะจัดเต็มทุกตำแหน่ง นำโดย ติมู ปุกกี้ หัวหอกตัวเก่ง และ ทาง ปีศาจแดงแห่งยุโรป ส่งสำรองเกือบยกชุด ทว่าสุดท้ายแล้ว ฟินแลนด์ ยันสกอร์มาได้ถึงนาที 74 หลังรอดตัวจาก VAR ไปครั้งหนึ่ง สุดท้ายก็มาทำนบแตก และ มาโดนตอกฝาโรงจากลูกยิงของ โรเมลู ลูกากู ก่อนจะพ่ายไป 0-2 ซึ่งการเสีย 2 ประตู ส่งผลให้ ฟินแลนด์ ต้องหล่นมาจบเป็นอันดับ 3 เพราะมินิลีก ลูกได้เสียเป็นรอง เดนมาร์ก จากตรงนี้ ฟินแลนด์ สุ่มเสี่ยงจะตกรอบเหลือเกิน ต่อให้ยังได้ลุ้นเข้ารอบในฐานะอันดับ 3 ที่ดีที่สุด ซึ่งจะเอา 4 ทีม จาก 6 กลุ่ม แต่ยังมีอีก 3 กลุ่ม ที่ต้องลงเล่น หากมีชาติไหนทำได้ 3 คะแนน และ มีลูกได้-เสีย ดีกว่า ฟินแลนด์ ซึ่งปัจจุบัน ติดลบ 2 จากการยิงได้ 1 เสีย 3 ก็จะแซงหน้าเขี่ย ฟินแลนด์ ตกรอบทันที

ฮาย ฮาวดี้

logoline