logo-heading

ในที่สุดทัพ "โคนม" เดนมาร์ก ที่แฟนบอลชาวไทยหลายๆ คนคอยเอาใจช่วย หลังจากที่เกมแรกเกิดเหตุการณ์ที่ คริสเตียน อีริคเซ่น เพลย์เมกเกอร์ ตัวเก่งเป็นลมล้มหมดสติไป ก็ทำได้คว้าตั๋วผ่านเข้าสู่รอบรองชนะเลิศศึกยูโร 2020 ได้สำเร็จ หลังจากพิชิต สาธารณรัฐเช็ก ไปได้ 2-1 ประตู 

  โดย เดนมาร์ก นำห่างก่อน 2-0 ในครึ่งแรก และแม้ว่าจะโดนไล่คืนในช่วงต้นครึ่งหลัง แต่ก็ยังมีสติรับมือไหว สุดท้ายก็ได้ย้ายเข้าสู่รอบรองชนะเลิศ เรียกได้ว่ามาไกลจริงๆ สำหรับทัพ "โคนม" และเกมนี้มีอะไรน่าสนใจบ้างไปดูกันเลย เริ่มต้นที่การจัดทีมกันก่อนเลยเหมือนเดิมเกมนี้ เดนมาร์ก ที่ในศึกยูโร ไม่เคยเล้ยไม่เคยเลย ที่จะผ่านเข้ามาได้ถึงรอบ 8 ทีมสุดท้ายนับตั้งแต่หมดยุคที่สร้างเทพนิยายคว้าแชมป์ไปครองได้ไปในปี 1992 นัดนี้ไม่เปลี่ยนแปลงทีมอะไรเลยแม้แต่ตำแหน่งเดียว จากเกมที่ถล่ม เวลส์ มา 4-0 ในรอบ 16 ทีมสุดท้าย ว่าง่ายๆ คือมั่นใจกับทีมชุดนี้ และแข็งสุดๆ แล้ว นายด่านเป็น แคสเปอร์ ชไมเคิ่ล แนวรับ ซิมง เคียร์ ยังผ่านความฟิตลงสนามเป็นตัวจริงในฐานะกัปตันทีมได้ นอกนั้นก็มี ยานนิก เวสเตอร์การ์ด, ปิแอร์-เอมิล ฮอยเบิร์ก, มาร์ติน เบรธเวต และ แคสเปอร์ ดอลเบิร์ก เป็นตัวหลัก ส่วนทางฝั่ง สาธารณรัฐเช็ก ที่โชว์ฟอร์มเยี่ยมพลิกล็อคอัด ฮอลแลนด์ แดนกังหันลมมา 2-0 ในรอบที่แล้ว ปรับตำแหน่งแค่ที่เดียวคือส่ง แยน บอริล ลงเล่นแทน พาเวล คาเดราเบ็ค นอกนั้นก็มี โทมัส คาลัส, วลาดิเมียร์ คูฟาล, โทมัส ซูเซ็ค, โทมัส โฮเลส และ พาทริค ชิค เป็นตัวชูโรง เริ่มเกมมาได้ไม่ทันไร ไก่ยังแทบไม่ได้โห่ "โคนม" ที่ผู้คนส่วนใหญ่มองว่าดีกว่านิดๆ ก็ขึ้นนำได้สำเร็จตั้งแต่ 5 นาทีแรก จากจังหวะที่ เยนส์ สตรีเกอร์ ลาร์เซ่น เปิดเตะมุมด้ายขวา บอลเลี้ยวมาเข้าหัว โธมัส เดลานี่ย์ ขึ้นเทคโขกเหน่งๆ เข้าประตูไปไร้ที่ติ ส่งให้ เดนมาร์ก ออกนำ เช็ก ไปก่อน 1-0 อย่างไรก็ตาม เช็ก เองก็สู้ตายไว้ลาย ไม่ได้ยอมง่ายๆ มีหือมีอือบุกสู้ใจสู้ นาทีที่ 12 เช็ก ได้ลุ้นตีเสมอจากจังหวะที่ คูฟาล จ่ายไปให้ พาทริค ชิค หลุดไปยิงติดบล็อคออกหลังไป แล้วจากนั้นก็โดนเกมสวนกลับของ เดนมาร์ก เล่นงาน แต่ยังดีที่จังหวะจิ้มของ ฮอยเบิร์ก นั้นก็ยังโดนสกัดทิ้งออกไปได้ เกมรุกของ เดนมาร์ก ที่แม้จะขึ้นนำแล้วแต่ก็ยังไม่มีผ่อน ยังคงเปิดเมรุกบุกลุยเข้าใส่ เช็ก อยู่เรื่อยๆ นาทีที่ 17 โธมัส เดลานี่ย์ ได้ซัดไม่เต็มตีนเท่าไหร่บอลหลุดเสาออกไป ต่อด้วยนาทีที่ 22 มองดูแล้วน่าจะเป็น 1-1 เพราะ แคสเปอร์ ชไมเคิ่ล นายด่านคนดังออกบอลพลาดโดน โทมัส โฮเลส ดักได้ ก่อนจะโดนล่อเป้า ทว่ายังดีที่นายด่านแดนโคนม แก้ตัวปิดมุมปัดทิ้งออกมาได้ นาทีที่ 27 มาร์ติน เบรธเวท แนวรุกจาก บาร์เซโลน่า ก็สร้างความตื่นเต้นให้ เช็ก อีกครั้ง หลังหลุดเข้าไปยิงยัดมุมแคบแต่บอลก็ไม่ตรงกรอบ ไม่ได้ลุ้นอะไรเลย นาทีที่ 34 เป็นโอกาสของ เช็ก บ้าง วลาดิเมียร์ คูฟาล เปิดเข้ากลาง ปีเตอร์ เซฟชิค ทำบอลขลุกขลิกเข้าทาง โฮเลส วิ่งมายิงแต่เบาไปเข้ามือ ชไมเคิ่ล ไปแบบสบายๆ สไตล์พี่เบิร์ด ตอนนี้เกมเริ่มแลกกันสนุกแล้ว ต่างฝ่ายต่างไม่กลัวกัน คิดว่าสู้กันได้ ไม่มีกั๊ก เช็ก ที่ตามหลังพยายามบุกเอาประตูตีเสมอ แต่ เดนมาร์ก ถือว่าเหนียวแน่น เล่นเกมรับสวนกลับได้เยี่ยม จนในที่สุดก็มาได้ประตูสำคัญออกนำเป็น 2-0 ในท้ายครึ่งแรก นาทีที่ 42 "โคนม" หนีห่าง จากจังหวะที่ โยอาคิม เมห์เล่ หลุดมาทางซ้าย ก่อนจะย้ายบอลด้วยไซส์ก้อย เข้ามาในเขตโทษให้ แคสเปอร์ โดลเบิร์ก ชาร์จเข้าประตูไป ทำให้จบครึ่งแรก เดนมาร์ก ออกนำห่าง 2-0 แต่เริ่มครึ่งหลัง ต้องยอมรับว่า เช็ก ไปแก้เกมมาดีใช้ได้เลย เพราะเปิดหัวมาก็ทักทายหนักๆ 2 ดอกติดๆ มิคาล เคอร์เมนซิค ตัวสำรองที่เพิ่งลงมาได้ลองส่องไกลในรระยะกว่า 20 หลา แต่ก็ยังติดเซฟ ชไมเคิ่ล เท่านั้นไม่พอจังหวะต่อมา อันโตนิน บารัค ได้ซัดหน้ากรอบเขตโทษแต่ก็ยังโดน แคสเปอร์ ชไมเคิ่ล ปัดทิ้งออกไปได้ เกมต้นครึ่งหลังต้องเรียกว่าเป็นของ เช็ก อย่างเห็นได้ชัด แล้วก็มาซัดประตูตีไข่แตกจนได้ ในนาทีที่ 49 จากจังหวะที่ วลาดิเมียร์ คูฟาล วางบอลยาวด้านขวามาให้ พาทริค ชิค ตวัดยิงลอดขา แนวรับของ เดนมาร์ก เข้าประตูไป กลายเป็นไล่มาเป็น 2-1 ประตู ปลุกความหวังปลุกไฟในตัว เช็ก ขึ้นมาอีกครั้ง หลังตีตื้นขึ้นมาได้ เช็ก ก็ผ่อนเกมลงนิดหน่อย ส่วน เดนมาร์ก เองก็กล้าๆ กลัวๆ ไม่ผลีผลาม เกมก็เลยตึงๆ จนนาทีที่ 64 ยุสซุฟ โพลเซ่น ตัวสำรองของ เดนมาร์ก พลิกบอลมายิง แต่ โทมัส ซูเซ็ค วิ่งเข้ามาขวางแล้วสตั๊ดไปสะกิดหัว ต้องให้ทีมแพทย์เข้ามาปฐมพยาบาล แต่ก็กลับมาเล่นต่อได้ นาทีที่ 69 โพลเซ่น ที่เพิ่งลงมาดูจะฟิตปึ๋งปั๋ง ได้โอกาสยิงอีกแล้ว แต่ก็ซัดไปเข้ามือ โทมัส วัคลิค รับไว้ได้ไม่มีปัญหา ช่วงเวลาที่เหลือ เดนมาร์ก เล่นเกมรับเหนียวแน่น แถมสวนกลับได้น่ากลัว ทำให้ เช็ก แทบไม่มีโอกาสให้ลุ้นอะไรใดๆ แบบจั๋งๆ เพิ่มขึ้นเลย โดยเฉพาะเมื่อหลังจากที่ แพทริค ชิค โดนเปลี่ยนตัวออกไป สุดท้ายก็จบ 90 นาทีลงไป ด้วยชัยชนะของ เดนมาร์ก ที่จะผ่านเข้าสู่รอบรองชนะเลิศไปเจอกับ ทีมชาติอังกฤษ ที่ถล่ม ยูเครน มา 4-0 ประตู ต้องดูกันล่ะครับว่า ตำนานเทพนิยายเดนส์ จะกลับมาเกิดขึ้นอีกครั้งหรือไม่ หลังจากที่มันเคยเกิดขึ้นมาเมื่อ 29 ปีที่แล้ว  ซึ่งถ้าหากว่ามาเกิดในยุคนี้ก็ต้องบอกว่ามันคือสิ่งมหัศจรรย์แห่งยูโร เลยทีเดียว

ชิน ชินพัฒน์ 

logoline