logo-heading

เรื่องราวพลิกล็อค หรือ เหตุการณ์ แจ็คผู้ฆ่ายักษ์ใหญ่ ไม่มีเกิดขึ้นให้เห็น ในคู่ระหว่างทีมชาติอังกฤษ พบกับ ทีมชาติยูเครน เมื่อลูกทีม แกเร็ธ เซาธ์เกต ดาหน้าไล่ถล่มแบบยับเยิน 4-0 ซึ่งเกมนี้ สิงโตคำราม ท็อปฟอร์มเหลือเกิน ทั้งเรื่องลูกตั้งเตะ  หรือ ฟอร์มรายบุคคล โดยเฉพาะ แฮร์รี่ เคน

การทำประตูได้อย่างรวดเร็ว ตั้งแต่ครึ่งแรก รวมถึงต้นครึ่งหลัง ทำให้เกมนี้เข้าทาง อังกฤษ ทุกอย่าง และ เกมดูจบลงอย่างรวดเร็ว ซึ่งสิ่งที่เกิดขึ้นในเกมนี้จะพาย้อนไปดูความเฉียบคมของนักเตะ สิงโตคำราม ที่ส่งให้พวกเขาตบเท้าเข้าสู่รอบรองชนะเลิศ ยูโร 2020

- 3 นาทีแรก ยูเครน แตก 

สิ่งที่ ยูเครน ไม่อยากให้มันเกิดมากที่สุด กลับเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว เพราะพวกเขาเป็นฝ่ายตามหลัง อังกฤษ ตั้งแต่ 3 นาทีแรก ซึ่งแน่นอนทำเอาสาวก "สิงโตคำราม" ดีใจกันอย่างแตกตื่น เมื่อเป็นจังหวะที่ ราฮีม สเตอร์ริ่ง ถ่างตัวออกไปอยู่ด้านซ้าย ก่อนจะโชว์เลี้ยงแบบพริ้วๆ ตัดเข้าในหนีตัวประกบ จากนั้นก็แทงทะลุช่องให้กับ แฮร์รี่ เคน ที่วิ่งเลี้ยงไลน์แนวรับ หลุดเข้าในกรอบเขตโทษไม่ล้ำหน้า ก่อนจะเลือกยิงแบบใช้หัวเกือก หรือ ภาษาชาวบ้านเรียกว่า "ฉีดยา" สวนตัว จอร์จี้ บุชชาน ผู้รักษาประตู ยูเครน เข้าไป เป็นประตูนำ 1-0 ตั้งแต่ไก่โห่ ลูกนี้ต้องให้เครดิตทั้งคนจ่าย และ คนยิง นับเป็นประตูนเพิ่มความมั่นใจให้กับทัพ "สิงโตคำราม" มากเหลือเกิน

- อังกฤษ เกือบโดนตีเสมอ จากการสร้างงานของ ไคล์ วอล์คเกอร์

สงสัย ไคล์ วอล์คเกอร์ กลัวเกมไม่สนุก จึงเกือบจะสร้างงานให้กับเพื่อนร่วมทีมเสียแล้ว เมื่อเขาจ่ายบอลคืนหลัง เบ๊า เบา กลายเป็นไปเข้าทาง โรมัน ยาเรมชุค หัวหอกของ ยูเครน ได้กระชากเข้าไปในกรอบเขตโทษ พยายามลองซัดยัดเสาแรก แต่ทว่า จอร์แดน พิคฟอร์ดล้มตัวปัดไว้ได้อย่างหวุดหวิด อังกฤษ เกือบโดนตีเสมอไปแล้ว

- อังกฤษ ครองเกมอยู่ฝ่ายเดียว แต่ประตู 2 ยังไม่มา

ผ่านเหตุการณ์ที่ อังกฤษ เกือบโดนตีเสมอ คราวนี้เหมือนปลุกให้พวกเขามีสมาธิมากกว่าเดิม และ ทำเกมบุกเพื่อยิงตอกฝาโรงให้ได้ โดยตลอดครึ่งแรก ขุนพล สิงโตคำราม มีโอกาสหลายครั้ง แต่ทว่าก็ยังขาดๆเกินๆ ทั้งจังหวะ ลุค ชอว์ ปาดเข้ามาลุ้นในกรอบเขตโทษย้อนหลังเพื่อนไปหมด หรือ ลูกฟรีคิกที่หยอดให้ เคน ได้ขึ้นโขก ก็ข้ามคานไมไ่ด้ลุ้น จนกระทั่งมาถึงช็อตที่ อังกฤษ ทำเกมบุกขึ้นมา และ นักเตะ ยูเครน เคลียร์บอลกันไม่ขาด ไปเข้าทาง เดแคลน ไรซ์ ยืนรอเก็บตกแถวสอง อยู่ตรงหน้ากรอบเขตโทษ ได้ตะบันเต็มตีน บอลพุ่งส่ายแหวกอากาศเปลี่ยนทิศทาง ชนิดที่ จอร์จี้ บุชชาน ตัวหลงไปแล้ว แต่ยังเอื้อมมือไปตบบอลทิ้งออกมาได้อย่างฉิวเฉียด

- ครึ่งหลังปุ๊ป ยูเครน แตกอีก

ว่ากันตามตรง การตามหลังเพียงแค่ 1 ลูก ยังพอมีความหวังให้ ยูเครน กลับมาสู่เกมได้ เพราะช่วงพักครึ่งน่าจะไปวางแผนกันมา และ ปลุกเร้ากันเต็มที่ อย่างไรก็ตามเริ่มครึ่งหลังมาเพียงแค่ราวๆ 1 นาทีเท่านั้น ทีมชาติอังกฤษ เหมือนดับความหวัง ยูเครน ให้ดูเลือนลางมากยิ่งขึ้น เมื่อเป็นจังหวะที่ ยูเครน ไปทำฟาวล์ใส่ แฮร์รี่ เคน ริมเส้นฝั่งซ้าย ถึงแม้ไม่ใช่ระยะทำการ แต่มันเป็นระยะที่สามารถเปิดเข้าไปลุ้นทำประตูได้ โดย ลุค ชอว์ จัดการครอสแม่นๆเข้ามาในกรอบเขตโทษ และ ก็เป็น แฮร์รี่ แม็คไกวร์ เบียดเอาชนะแนวรับ ยูเครน ได้โขกเต็มกบาล ส่งบอลเข้าไปซุกตาข่าย ทำให้ อังกฤษ ขึ้นนำ 2-0 ซึ่งช็อตนี้ถึงกับต้องอุทานเลยว่า นี่คือ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด คอนเนคชั่น อย่างแท้จริง

- อังกฤษ ยิงสลุด หยุดไม่อยู่

หลังจาก อังกฤษ ใช้หมัดฮุกต่อย ยูเครน ลงไปนอนนับ 8 กองกับพื้น .. และ เห็นลุกขึ้นมาเดินโซซัดโซเซ เลยต้องการน็อคคู่แข่งให้นอนตายแดดิ้นอย่างเร็วที่สุด โดยขุนพล "สิงโตคำราม" ก็เดินหน้าอย่างต่อเนื่อง หวังทำประตู 3 ให้ได้ ขณะที่ ยูเครน เมาหมัดจัดๆ ไร้วี่แววในการต่อกร และให้หลังเพียงแค่ 4 นาที จากประตูขึ้นนำ 2-0 ทาง อังกฤษ ก็ใส่สกอร์เพิ่มเป็น 3-0 ด้วยการโชว์ทีมเวิร์ค ต่อบอลเข้าทำจากด้านซ้าย ราฮีม สเตอร์ลิ่ง ไขว้ไปให้กับ ลุค ชอว์ ที่เติมขึ้นมาช่วยเกมรุก ก่อนจะเปิดเข้ามาให้กับ แฮร์รี่ เคน ได้ขึ้นโขกเหน่งๆไม่มีพลาด ซึ่งประตูนี้แทบการันตีพา ทรี ไลอ้อนส์ เข้าสู่รอบรองชิงชนะเลิศ และ ส่ง ยูเครน กลับบ้านเกิด แบบไร้ปาฏิหาริย์ใดๆ

- นักเตะ อังกฤษ เรียนเก่ง หัวดีจัดๆ

ถ้าถามว่าตอนเรียนนักเตะอังกฤษ ได้เกรดไหน คงจะต้องให้เป็นเกรด 4 เลยล่ะครับ เพราะเป็นเด็กหัวดีกันทั้งนั้น โดยประตูที่ 4 ลูกตั้งเตะยังคงเป็นไม้เด็ดในเกมนี้ เรียกว่าเล่นงาน ยูเครน จนท้อใจไปหมดแล้ว เพราะ 2 ลูกก่อนหน้านี้ สิงโตคำราม ก็ใช้หัวทำประตู เป็นจังหวะที่ ทรี ไลอ้อนส์ ได้ลูกเตะมุมทางฝั่งขวา คราวนี้ เมสัน เมาท์ รับหน้าที่เปิดเข้าไปลุ้นในกรอบเขตโทษ โดยคนที่มาโขก ก็เป็นตัวสำรองที่เพิ่งถูกเปลี่ยนตัวลงไป อย่าง จอร์แดน เฮนเดอร์สัน ขึ้นขวิดคนเดียวแบบไม่มีตัวประกบ ส่งให้ อังกฤษ ออกนำ 4-0 ซึ่ง เฮนโด้ อยู่ในสนามเพียงแค่ 6 นาที เท่านั้น และ นับเป็นประตูแรกในนามทีมชาติของเขา

- ท้ายเกมไม่มีสกอร์เพิ่ม อังกฤษ เปลี่ยนตัวปิดเกม

อย่างที่บอกครับ ด้วยสกอร์ที่มันนำห่างแบบขาดลอย มันก็ทำให้กำลังใจของนักเตะ ยูเครน หายไปจนหมดสิ้น แทบไม่มีใครวิ่งไล่กันแล้ว ขณะที่ แกเร็ธ เซาธ์เกต ก็ได้เปลี่ยนตัวหลักๆออกไปพักข้างสนาม อาทิ แฮร์รี่ เคน, ราฮีม สเตอร์ลิ่ง หรือ สองกองกลางที่มีใบเหลืองติดตัวอย่าง เดแคลน ไรซ์ และ คาลวิน ฟิลลิปส์ โดยส่งพวก จู๊ด เบลลิงแฮม, มาร์คัส แรชฟอร์ด, โดมินิค คัลเวิร์ต-เลวิ้น ลงมายืดเส้นยืดสาย ซึ่งท้ายเกมก็ไม่ได้มีช็อตตื่นเต้นอะไรมากนัก จะมีก็แค่ลูกที่ จอร์แดน พิคฟอร์ด ผู้รักษาประตูทีมชาติอังกฤษ ออกมานอกกรอบเขตโทษ เตะบอลผิดเหลี่ยม บอลลอยกลางอากาศ ไปเข้าทางนักเตะ ยูเครน แต่ยังดีที่มี ไคล์ วอล์คเกอร์ มาตามช่วยแก้ไขช็อตนี้ไปได้ และ ก็มีจังหวะที่ เยฟเกน มากาเรนโก้ ตัวสำรอง ได้ลองซัดไกลจากหน้าเขตโทษ บอลพุ่งแรงก็จริง แต่ก็ไปตรงตัว จอร์แดน พิคฟอร์ด ทุบทิ้งออกมาได้ จากนั้นก็ไม่มีอะไรตื่นเต้นอีกแล้ว เพราะ อังกฤษ ก็ผ่อนเกม ครองบอลให้หมดเวลา สุดท้ายผู้ตัดสินไม่ต้องทดเจ็บ ครบ 90 นาที เป่านกหวีดหมดเวลาทันที เป็น อังกฤษ ชนะไป 4-0 ผ่านเข้าไปสู่รอบรองชนะเลิศ ยูโร 2020 พบกับ ทีมชาติเดนมาร์ก โอกาสเข้าชิงสดใสเหลือเกิน

ฮาย ฮาวดี้-

logoline