logo-heading

เดินทางมาถึงสัปดาห์สุดท้ายของศึกฟุตบอลเอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ลีก 2021 ที่มี 4 สโมสรไทยเข้าร่วมแข่งขัน ก่อนจะเตะเราก็ดีใจกันยกใหญ่ว่านี่เป็นครั้งที่มีทีมไทยเข้ารอบแบ่งกลุ่มถึง 4 ทีม แต่พอเตะไปเตะมา ทำให้รู้ว่ามาตรฐานไทยลีกของเราจริงๆ อยู่ตรงไหน

ฟุตบอลชิงแชมป์สโมสรเอเชีย หรือในชื่อย่างเป็นทางการคือ "เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ลีก 2021" ในปีนี้มีหลายสิ่งหลายอย่างที่เปลี่ยนไป เริ่มตั้งแต่จำนวนทีมที่เข้าร่วมแข่งขันที่เพิ่มเป็น 40 ทีม และการแข่งขันในรูปแบบพิเศษที่ประเทศเดียวในแต่ละกลุ่ม เนื่องจากสถานการณ์โควิด ซึ่งในครั้งนี้เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่ทีมจากไทยของเราได้เข้าไปเล่นในรอบแบ่งกลุ่มหรือรอบสุดท้ายได้ถึง 4 ทีม ก่อนอื่นขอทำความเข้าใจกับคนที่ไม่ได้ติดตามบอลไทยเป็นหลักก่อนว่า จริงๆ แล้วโควต้าสำหรับไทยลีกของเรานั้นจะได้แบบอัตโนมัติ 2 ทีม คือแชมป์ไทยลีก และแชมป์เอฟเอ คัพ ส่วนอันดับ 2-3 ในลีก จะได้สิทธิ์ลงเล่นเพลย์ออฟ ถ้าชนะได้ถึงจะเข้ารอบแบ่งกลุ่ม ซึ่งแต่เดิมเรามี 2 ทีมที่เข้ารอบแบ่งกลุ่มอัตโนมือ คือ บีจี ปทุมฯ ในฐานะแชมป์ไทยลีก และ การท่าเรือ ในฐานะรองแชมป์ (อันนี้ก็ต้องอธิบายอีกเพื่อคนไม่รู้ คือปีที่ผ่านมาเราเปลี่ยนไปเตะแบบข้ามปี ทำให้สิทธิ์ในปีนี้เราใช้การจัดอันดับ 1-4 ในเลกแรก ฤดูกาล 2020 แทน ส่วนโควต้าที่บอกไปข้างต้นจะไปเริ่มใน ACL 2022 นู้นนน) เอาละ แต่พอทุกอย่างมันจับพลัดจับผลู ทีมจาจีนบางทีมถังแตกยุบทีมไปไม่ได้ส่งทีมมาเล่น ทีมจากออสเตรเลียขอถอนตัวเนื่องจากโควิด สุดท้ายทีมอย่าง ราชบุรี และเชียงราย ที่ต้องลงเตะเพลย์ออฟ ห็ไม่ต้องเหนื่อยและมาเล่นในรอบแบ่งกลุ่มทันทีเลย และที่ยิ่งไปกว่านั้น เอเอเอฟซีให้ทุกชาติเสนอตัวเป็นเจ้าภาพได้ พี่ไทยของเราก็ถูกเลือกถึง 3 ทีมด้วยกันที่เตะในบ้าน คือ บีจี ปทุม, การท่าเรือ และ ราชบุรี ส่วนเชียงราย ที่ไม่คิดว่าจะได้ส้มหล่นมาเล่นรอบแบ่งกลุ่มเลยไม่ได้เสนอตัวแต่แรก สุดท้ายต้องยกพลไปเตะไกลกันถึงอุซเบกิสถาน ที่เขียนมายืดยาวข้างต้นก็เพื่อจะเกริ่นและทำความเข้าใจเพื่อเป็นพื้นฐานให้ทุกคนเข้าใจตรงกันถึงที่มาที่ไป สำหรับการแข่งขันฟุตบอลเอเชียในปีนี้ จะได้ไม่งงกัน คราวนี้เราจะเข้าเรื่องที่อยากพูดถึงก็คือผลงานของสโมสรไทยใน 4-5 นัดที่ผ่านมา ซึ่งมันแสดงให้เห็นถึงมาตรฐานของฟุตบอลไทยลีกของเรา ว่ามันดีจริงอย่างที่เราคิดกันหรือเปล่า ถึงตอนนี้ทั้ง 4 ทีมลงเตะกันไป บ้างก็ 4 นัด 5 นัดกันไปแล้ว ทีมที่เตะเยอะสุดและตกรอบแน่นอนแล้วก็คือ ราชบุรี เอฟซี ที่ถือเป็นทีมที่ได้สัมผัสฟุตบอลรายการนี้เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์สโมสร ซึ่งล่าสุดพวกเขาเก็บแต้มแรกได้แล้วด้วย พูดถึงราชันมังกรถือเป็นทีมที่ถูกแฟนบอลในโลกโซเชี่ยลแซวและวิจารณ์ผลงานมากที่สุดในบรรดา 4 ทีม เนื่องด้วยผลงานก่อนหน้านี้ที่แพ้มารวด และผลงานในสนามก็ดูจะห่างชั้นจากทีมคู่แข่งร่วมสาย บวกกับประเด็นเรื่องนักเตะคนใหม่ที่เปิดตัวกันไปก่อนลงแข่งขัน มันก็จับประเด็นไปโยงกันมั่วตั้วไปหมด ขณะที่อีกทีมคือ การท่าเรือ เอฟซี ที่แม้จะยังไม่ตกรอบร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่ก็ยังต้องลุ้นเหนื่อยในสองเกมที่เหลือว่าจะดีพอผ่านเข้าสู่รอบต่อไปหรือไม่ สิงห์เจ้าท่า เป็นทีมที่ถูกคาดหมายว่าน่าจะทำผลงานได้ดี เนื่องจากขุมกำลังค่อนข้างปึ๊ก แต่ที่ขาดไปก็คือกองหน้า ถึงตรงนี้ถือว่าการท่าเรือ ยังทำผลงานได้น่าผิดหวัง แต่ถ้ามองถึงองค์ประกอบต่างๆ มันก็ไม่ได้น่าเกลียดอะไร เรียกว่าตามสภาพละกัน ส่วนอีกสองทีมยังมีลุ้นเข้ารอบ และถือเป้นสองทีมที่ดชว์ฟอร์มได้ดีที่สุดในบรรดา 4 ทีม เริ่มที่ บีจี ปทุมฯ ด้วยศักดิ์ศรีการเป้นแชมป์ไทยลีก บวกกับเพื่อนร่วมสายที่ดูจะอ่อนกว่าทุกทีม เพราะมี 2 ทีมจากอาเซียนรวมบีจีด้วย ก็เป็น 3 ทีมจากอาเซียนลงเตะกัน โดยมี อุลซาน ฮุนได แชมป์เก่าเป็นทีมรับเชิญ ผลงานบีจี ตอนนี้ดีก็จริงจากผลการแข่งขัน และน่าจะเป็นทีมที่มีโอกาสเข้ารอบมากที่สุด แต่ถ้าดูจากผลงานในสนามรูปแบบการเล่น ก็ยังไม่ได้ถึงกับประทับใจอะไรมาก แต่ทุกสิ่งทุกอย่างอยู่ที่ผลการแข่งขัน ก้ยังถือว่าโอเคอยู่ ขณะที่อีกทีมถือว่าเป็นทีมที่เซฮร์ไพรส์และผลงานดีที่สุดในบรรดา 4 ทีมก็ว่าได้ อันนี้เราไม่ได้พูดถึงผลการแข่งขันและโอกาสเข้ารอบ เราพูดถึงรูปแบบ วิธีการเล่นฟุตบอลระดับเชีย ทีมเชียงราย ยูไนเต็ด ถือว่าทำได้ดีที่สุด ทั้งๆ ที่พวกเขาต้องอยู่ในกลุ่มที่มีทั้ง ชุนบุค ฮุนได และ กัมบะ โอซาก้า แต่ก็ยังสามารถเกาะกลุ่มมีลุ้นเข้ารอบถึงเกมสุดท้าย จะว่าไปผลงานของทั้ง 4 สโมสรของไทย ไม่ได้มีอะไรที่เกินคาด หรือผิดคาดไปจากที่มันควรจะเป็น แม้บางทีเราอาจจะตั้งเป้าไว้สูงกว่านี้ โดยเฉพาะทีมอย่างราชบุรี กับ การท่าเรือ ที่เราก็คิดว่าน่าจะสู้กับทีมอื่นๆ ได้ดี สูสีกว่านี้ เนื่องด้วยเราคิดว่าทีมไทยเราไม่ได้เป็นรอง ไทยลีกของเราก็ดีกว่าหลายๆ ประเทศในเอเชีย แต่พอไปเตะจริงๆ แล้วต้องบอกว่ามันใช่อย่างนั้นเลย ยิ่งเราเจอกับทีมในเคลีก หรือเจลีก ถ้าพวกเขาจัดทีมชุดใหญ่ หรือเล่นแบบเอาจริงแล้ว ทีมจากไทยเราแทบสู้ไม่ได้เลย หรือแม้แต่การพบกับทีมในอาเซียนด้วยการ ที่เราคิดว่าหวานหมู ทีมพวกนี้เราน่าจะเก็บได้ เพราะคิดไปว่าไทยลีกของเราคือเบอร์หนึ่งของอาเซียน แต่พอเอาเข้าจริงบางทีมก้แพ้ บางทีมก็สูสี ชนะก็แบบหืดจับ ไม่ได้งานง่ายอย่างที่คิด สรุปก็คือ จริงๆ แล้วเกรดฟุตบอลของเราก็ยังเท่าๆ กับลีกอื่นๆ ในอาเซียนนั่นแหละ ไม่ได้เหนือกว่ามาก แต่ที่ดีกว่าก็อาจจะเป็นเรื่องของความสามารถเฉพาะตัว และการได้ลงเล่นในบ้านนี่แหละที่ช่วยให้เอาชนะ และดูจะเหนือกว่าคู่แข่งเล็กน้อย แต่ทั้งหมดทั้งมวลไม่ใช่ว่าจะมาดูถูกฟุตบอลไทยของเรา ก็แค่จะบอกว่าเราต้องยอมรับความจริง ว่าจริงๆ แล้วเราอยุ่ในระดับไหน การลงเล่นฟุตบอลเอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ลีก ครั้งนี้ทำให้เรารู้มาตรฐานของตัวเองอย่างชัดเจน แต่การไปเล่นถ้วยเอเชียแบบนี้ บางทีเรื่องฝีมือฝีเท้าอย่างเดียวก็ยังไม่พอ มันต้องอาศัยประสบการณ์ด้วย ซึ่งทีมจากไทยของเราต้องไปเล่นฟุตบอลรายการนี้บ่อยๆ เพื่อให้นักเตะของเราได้คุ้นชินกับฟุตบอลระดับสูง ที่ผ่านมาเรามีแค่บุรีรัมย์ กับ เมืองทอง สองทีมที่ผลัดกันไปเล่นรอบสุดท้าย นานๆ ทีจะได้ไปพร้อมกันสองทีม แต่หลังจากนี้ด้วยค่าค่าสัมประสิทธิ์ของไทยลีกที่ดีขึ้น ทีมจากไทยของเราก็จะได้ไปเตะถ้วยเอเชียอย่างต่อเนื่อง ซึ่งปีนี้ถือว่าเป็นการทดลองละกันอย่าไปซีเรียส ถือว่าเราได้กลับมามองตัวเอง และรู้ว่าเราอยู่ตรงไหน ในอนาคตข้างหน้า ถ้าทีมจากไทยเราได้ไปเล่นบ่อยๆ เข้ารอบลึกๆ เข้าไปได้ทุกปีๆ มาตรฐานของฟุตบอลไทยมันก็จะพัฒนาและยกระดับของมันขึ้นมาเอง และถ้าทีมที่ได้ไปเตะถ้วยเอเชีย มันเก่งขึ้น มันก็จะมาช่วยยกระดับเพื่อนร่วมไทยลีกให้สูงขึ้นตามไปด้วย และเมื่อทีมในไทยลีกพัฒนากันขึ้นไปเรื่อยๆ นักเตะไทยของเราก็จะเก่งขึ้น ซึ่งก็จะส่งผลหปถึงทีมชาติ ทำให้มีนักเตะที่ลงเล่นฟุตบอลในระดับสูงมากขึ้น ทุกอย่างมันก็จะพัฒนากันไปอย่างเป็นระบบ แต่กลับกันถ้าเรายิ่งไปเตะถ้วยเอเชีย แต่ผลงานมันไม่ดีขึ้น ตกรอบแรก ตกรอบเพลย์ออฟ ทุกปี ค่าสัมประสิทธิ์มันก็จะลดลง ทีมไทยเราก็จะได้ไปเล่นน้อยลง และผลงานมันก็จะต่ำลงๆ เช่นกัน ดังนั้นเราต้องช่วยกันเอาใจช่วย และเชียร์ให้สโมสรไทยของเรามีผลงานที่ดีในถ้วยเอเชีย ทุกปีที่ลงแข่งขัน ซึ่งถ้าทำได้อย่างที่บอก มาตรฐานของฟุตบอลไทยจะต้องดีขึ้นแน่นอน

ACL 2021 เวทีวัดฝีเท้าและมาตรฐานของไทยลีก

logoline