logo-heading

โค้งสุดท้ายของการเตรียมทีมปรีซีซั่นสำหรับฟุตบอลไทยลีก 2021/22 กำลังเข้มข้น โดยเฉพาะเรื่องของการเสริมทัพ และการแต่งตั้งกุนซือคนใหม่ก่อนเปิดฤดูกาล ทำให้ซีซั่นใหม่ที่จะถึงนี้ การแข่งขันจะน่าดูชมยิ่งขึ้นนักแล!!

นับถอยหลังอีกประมาณ 3 สัปดาห์กว่าๆ ฟุตบอลไทยลีก ฤดูกาลใหม่ 2021/22 ก็จะระเบิดขึ้นอย่างเป็นทางการ ถ้าหากไม่มีโรคเลื่อนมาทำให้การแข่งขันต้องเลื่อนออกไปอีก ซึ่งทั้งหมดทั้งมวลก็ขึ้นอยู่กับสถานการณ์โควิด และการประกาศของ ศบค. เราเองในฐานะแฟนบอลก็เท่าได้แค่รอดูสถานการณ์และดูแลตัวเองอย่างดีที่สุดเท่านั้น ถ้าให้พูดถึงสถานการณ์ล่าสุดตอนนี้ ก็ต้องยอมรับตามตรงว่ามีโอกาสสูงที่ไทยลีกอาจจะต้องเลื่อนออกไป จากเดิมที่จะเปิดสนามกันในวันที่ 13 ส.ค.นี้ (พร้อมๆ กับพรีเมียร์ลีกอังกฤษ) แต่ดูท่าแล้วคงจะไม่ได้เตะพร้อมกัน เนื่องจากไทยลีกของเรา แต่ละทีมยังไม่สามารถรวมตัวซ้อมกันได้เลย อย่างทีมที่อยู่ในกรุงเทพและจังหวัดอื่นที่เป็นพื้นที่สีแดงเข้ม ตอนนี้ทำได้แค่เวิร์คฟอร์มโฮม ฝึกซ้อมกันบ้านใครบ้านมัน ไม่สามารถมารวมทีม รวมกลุ่มกันได้ ซึ่งก็เป็นเรื่องยากที่จะกลับมาแข่งขันกันได้ตามกำหนด นอกจากนี้ยังไม่มีทีท่าว่าโควิดในบ้านเราจะลดลง และการล็อคดาวน์ก็คงจะไม่ได้ถูกยกเลิกในเร็ววันนี้ โดยแนวโน้มความเป็นไปได้ก็คือเลื่อนออกไปแน่นอน อยู่ที่ว่าไทยลีก และสมาคมจะประกาศออกมาเมื่อไหร่ รอฟังข่าวกันเอาก็แล้วกันครับ มาว่ากันที่เรื่องของการเตรียมทีมในช่วงนี้กันดีกว่า เพราะเข้าสู่ช่วงโค้งสุดท้ายกันแล้ว ซึ่งตลาดซื้อขายไทยลีกจะปิดตัวลงในวันที่ 3 ส.ค.นี้ นับจากตรงนี้ก็เหลือประมาณ 2 สัปดาห์ จริงๆ เรื่องการเสริมทัพน่าจะนิ่งกันหมดแล้วก่อนหน้านี้ แต่หลังจากที่ทีมสมุทรปราการ ซิตี้ มีปัญหาเรื่องงบประมาณการทำทีม ก้ทำให้ต้องระบายนักเตะซุปตาร์ภายในทีมออกไป จึงทำให้เกิดบิ๊กดีลที่น่าสนใจขึ้นเมื่อ 2-3 วันก่อน เริ่มจาก บีจี ปทุม แชมป์เก่าที่ได้ตัว จักพัน ไพรสุวรรณ ไปเสริมเกมรับ, บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด รองแชมป์ได้ พีรดนย์ ฉ่ำรัศมี ไปบัญชาเกมแดนกลาง, ทีมอย่าง ราชบุรี ได้หน้าเป้าคนใหม่อย่าง แดร์เลย์ พร้อมกับได้ แบรนด์ ชิพมันน์ นายทวารทีมชาติสิงคโปร์ ไปเฝ้าเสาอีกคน นอกจากนี้ยังมีดีลของ ธีระพล เยาะเย้ย ที่กำลังรอเซ็นกับต้นสังกัดใหม่ และเป็นไปได้ว่าก่อนเปิดฤดูกาลน่าจะมีบิ๊กดีลมาให้เซอร์ไพรส์กันอีกหรือเปล่า ต้องรอดูกัน แต่อีกการเปลี่ยนแปลงที่ทำให้ผมรู้สึกว่าจะทำให้การแข่งขันในฤดูกาลนี้ โดยเฉพาะการลุ้นแชมป์ของทีมหัวตารางสนุกเข้มข้นมากขึ้นก็คือ การย้ายค่ายของ "โค้ชโอ่ง" ดุสิต เฉลิมแสน ที่ออกจากบีจี กลับมารับงานคุมทีมในรั้วแพท สเตเดี้ยม กับสิงห์เจ้าท่า อีกครั้ง นี่คือสิ่งที่แฟนบอลการท่าเรือ ต้องการ คือการได้โค้ชคนใหม่ที่พวกเขาคิดว่าจะมีโอกาสพาทีมประสบความสำเร็จได้ ซึ่งการได้อดีตกุนซือแชมป์ไทยลีกปีล่าสุดมาคุมทีมก็ดูจะทำให้สาวกชาวคลองเตยแฮปปี้กันทุกคน ส่วนตัวมองว่า การท่าเรือ ตัดสินใจถูกต้องที่เลือก "โค้ชโอ่ง" เข้ามาคุมทีมครั้งนี้ ไม่ใช่ว่า "โค้ชอู๊ด" ไม่เก่งหรือไม่มีฝีมือนะครับ แต่สำหรับผมแล้ว คิดว่าคาแรคเตอร์ของ "พี่อู๊ด" เหมาะจะเป็นผู้ช่วยมากกว่า แม้จะพกดีกรีโปรไลเซนส์อยู่ในมือก็ตาม ในขณะที่ "โค้ชโอ่ง" แม้จะยังไม่มีโปรไลเซนส์ แต่ด้วยผลงานและอะไรหลายๆ อย่าง มันทำให้รู้สึกว่านี่คือคนที่เหมาะจะเป็นเฮดโค้ช บางทีเรื่องพวกนี้มันอยู่ที่โหงวเฮ้ง และวาสนาของแต่ละคนด้วย บางทีมันก็พูดยาก จากนี้ต้องรอดูการเปลี่ยนแปลงระลอกที่สองหลังจากโค้ชโอ่งเข้ามาทำทีมการท่าเรือ เชื่อว่าน่าจะมีการปรับทัพขุมกำลังพอสมควร โดยเฉพาะดควต้าต่างชาติ ที่ต้องรอติดตามดีๆ หลังจากนี้ ซึ่งสองปีที่แล้วอย่าลืมว่า "โค้ชโอ่ง" พาบีจี ได้แชมป์ลีกถึง 2 ปีติด ตั้งแต่แชมป์ T2 และล่าสุดกับไทยลีก นี่จึงการันตีฝีมือในระดับนึง แต่ก็ยังมีบางคนที่อาจจะคิดว่าอยู่บีจี มีแต่นักเตะดีๆ ใครคุมก็เป็นแชมป์ได้ ซึ่งสำหรับผมแค่นักเตะดี แต่ถ้าโค้ชไม่เก่งมันก็ยากที่จะประสบความสำเร็จ อย่างไรก็ดีการโยกมาคุมการท่าเรือของ "โค้ชโอ่ง" จึงเป็นโอกาสดีที่อดีตดาราเอเชียจะได้พิสูจน์ฝีมือตัวเองอีกครั้ง ว่าเก่งจริงหรือไม่ ซึ่งผมคิดว่ามีโอกาสเลยที่การท่าเรือ จะเป็นหนึ่งในทีมที่มีลุ้นแชมป์ในฤดูกาลนี้ต่อจาก บีจี ปทุม และ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด นอกจากการท่าเรือ ที่ได้โค้ชโอ่ง มาแล้วจะทำให้ไทยลีกลุ้นแชมป์กันสนุกยิ่งขึ้น อีกทีมที่น่าจับตามองมากๆ ในซีซั่นนี้ก็คือ ชลบุรี เอฟซี ของ "โค้ชเตี้ย" สะสม พบประเสริฐ ที่เสริมทัพได้เข้าตาที่สุดในบรรดา 16 ทีม การได้ จีดี้ คานยุค กับ เดนนิส มูริลโล่ เข้ามาก็ทำให้เกมรุกของทีมน่าสนใจมากยิ่งขึ้น บวกกับตัวเก่าๆ และดาวรุ่งที่มีอยู่ในทีมบอกเลยว่าจะประมาทฉลามชลเวอร์ชั่นใหม่นี้ไม่ได้ แต่ในส่วนของการเบียดลุ้นแย่งแชมป์ลีกเลยนั้น ก็อาจจะยังอยากอยู่เมื่อเอ่ยถึง 3 ทีมก่อนหน้านี้ และอีกทีมที่จะประมาทไม่ได้ก็คือ ทรู แบงค็อก ภายใต้การคุมทีมของ "โค้ชแบน" ธชตวัน ศรีปาน ก็พร้อมจะกลับมาเป็นทีมลุ้นแชมป์ด้วยเช่นกัน ไหนจะเมืองทอง ของ มาริโอ ยูรอฟสกี้ ที่เน้นสายเลือดใหม่สไตล์วิ่งสู้ฟัด ทีมจอมเก๋าอย่าง สิงห์ เชียงราย เจ้าของแชมป์เอฟเอคัพ ที่ไปโชว์ฝีเท้าในเวทีเอเชียให้ได้เห็น และนอกจากนี้ก็มีทีมม้ามืดอื่นๆ ที่พร้อมสอดแทรกขึ้นมาอีกในฤดูกาลนี้ บอกเลยว่าไทยลีก 2021/22 นี้ น่าดูอย่างยิ่ง จะมีสิ่งนึงที่จะทำให้เสียบรรยากาศก็คือเรื่องของโควิด ถ้ามันยังเป็นแบบนี้อยู่ ความมันส์ที่จะเกิดขึ้นก็คงจะลดลงไปหลายเท่า แต่กลับกันถ้าสถานการณ์ดีขึ้น และเมื่อไหร่ที่แฟนบอลกลับเข้าสนามได้ รับรองเลยว่า ไทยลีก ซีซั่นใหม่นี้ ความมันส์ระดับ 5 ดาวแน่นอน

ไทยลีก ซีซั่นใหม่ กับการเปลี่ยนแปลงที่น่าดู น่าเชียร์ มากขึ้น!!

logoline