logo-heading

หลังจาก จอร์จินิโอ ไวจ์นัลดุม หมดวันพักร้อน ตบเท้าเข้าเปิดตัวเป็นสมาชิกใหม่ ปารีส แซงต์-แชร์กแมง อย่างเป็นทางการ ด้วยใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใสตามสไตล์ของเจ้าตัว พร้อมกับมูดอารมณ์โลกทั้งใบที่เปลี่ยนมาเป็นสายเลือด “ปารีเซียง” เต็มตัว

อาจเป็นภาพที่ไม่ค่อยคุ้นตาสำหรับแฟนบอล ลิเวอร์พูล สักเท่าไหร่ เพราะว่า จีนี่ อยู่ใช้ชีวิตในถิ่นแอนฟิลด์ มานานถึง 5 ปี ดังนั้นการเห็นนักเตะรายนี้ ไปดี๊ด๊ากับเสื้อสโมสรอื่น มันจึงเป็นอะไรที่รู้สึกแปลกๆเหมือนกัน .. แต่กระนั้นสาวก เดอะ ค็อป ก็ไม่ได้โกรธเคืองอะไร เพราะเป็นการจากกันด้วยดี ถึงแม้จะผิดหวังเล็กๆ ที่ ไวจ์นัลดุม เลือกไม่ต่อสัญญาก็ตาม

แต่กระนั้นล่าสุด จากความคิดเห็นของ ไวจ์นัลดุม ถึงเหตุผลที่ตัดสินใจย้ายออกจากทัพ หงส์แดง เหมือนผ่ากลางดวงใจแฟนบอล เพราะมันกลายเป็นเรื่องราวดราม่าขึ้นมาทันที ย้อนกลับไปสักราวๆ 1 ปีที่ผ่านมา อนาคตของ ไวจ์นัลดุม กลายเป็นเครื่องหมายคำถามว่าจะตัดสินใจอยู่กับ หงส์แดง หรือไม่ เพราะสัญญาเข้าสู่ปีสุดท้ายกับสโมสร ถ้าปล่อยให้หมดลง จะทำให้เขาย้ายออกจากทีมได้แบบฟรีๆไม่มีค่าตัวทันที ไม่ว่าจะเป็นสื่อใด หรือ คนใกล้ชิดคนไหน ยื่นไมค์สอบสัมภาษณ์ ไวจ์นัลดุม เท่าไหร่ เขาก็ไม่ยอมเปิดปากเลยสักนิด โดยมีเพียงแค่รอยยิ้ม และ คำพูดที่ว่า "ขอโฟกัสอยู่ปัจจุบัน และ จะได้เห็นพร้อมกันเมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม"  เมื่อ ซีดุม ไม่เปิดปาก ทำให้เริ่มมีสื่อหลายกระแสๆ อ้างอิงเหตุผลที่นักเตะรายนี้ ไม่ต่อสัญญากับ ลิเวอร์พูล โดยเฉพาะการกุข่าวว่าที่ ไวจ์นัลดุม ตัดสินใจไม่ขยายข้อผูกมัดกับ หงส์แดง เพราะต้องการได้ค่าเหนื่อยมากกว่านี้ อยากได้เงินเยอะๆ หรือ ได้สัญญาจ้างที่มากกว่าเดิม ซึ่งแน่นอนว่ามันเป็นแค่การคาดเดา แต่การรายงานแบบนั้น มันเหมือนเป็นการ "ใส่ร้ายป้ายสี" ให้ดูเหมือน จีนี่ เป็นผู้ร้ายในสายตา ถึงแม้ว่า ไวจ์นัลดุม จะยังคงมุ่งมั่นเต็มที่ ลงสนามเป็นตัวหลักให้กับ ลิเวอร์พูล เล่นครบ 38 นัด บนเวที พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ไม่ป่วย ไม่ลา ไม่สาย ต่อให้ใครจะหมุนเวียนกันบาดเจ็บ แต่ จีนี่ ยังคงยืนหยัดช่วย หงส์แดง ในยามลำบากเสมอ กระนั้นใครจะทราบล่ะว่า การลงสนามช่วย ลิเวอร์พูล ในยามฟอร์มวิกฤต แพ้คาบ้าน 6 นัดติด หลุดจากโคจรท็อปโฟร์ มันจะเป็นการสร้างบาดแผลในใจให้กับ ไวจ์นัลดุม มากเหลือเกิน เขาอัดอั้น และ เก็บความในใจเหล่านี้ ไม่บอกใคร .. จนกระทั่งยอมเปิดปากพูดความในใจว่า สาเหตุที่ตัดสินใจย้ายออกจาก หงส์แดง  เป็นเพราะเขาไม่ได้รับความรัก จากกองเชียร์บางกลุ่มในโลกโซเชี่ยล มักโดนโจมตีเขาเป็น "แพะรับบาป" อยู่เสมอ เวลาทีมพ่ายแพ้ และ บทสัมภาษณ์ที่ร่ายยาวต่อไปนี้ แหละครับ ที่กลายเป็นกระแสดราม่า ระหว่างตัวนักเตะกับแฟนบอล "ทุกๆวันเวลาฝึกซ้อม และ ตอนลงสนาม ผมทุ่มเทอย่างเต็มที่เสมอ เพื่อให้ทุกอย่างผ่านไปด้วยดี เนื่องจาก ลิเวอร์พูล มีความหมายกับผมมากๆ รวมถึงวิธีที่แฟนบอลในสนามปฏิบัติต่อผม มันล้วนอะไรที่ยอดเยี่ยมเหลือเกิน" "แต่กระนั้นมันมีบางช่วงที่ผมกลับไม่ได้รู้สึกถึงความรัก และไม่ได้รับความชื่มชมมากพอ มันไม่ได้เกิดขึ้นจากเพื่อนร่วมทีม, ไม่ใช่ผู้คนในสโมสร เพราะผมรู้ว่าพวกเขาทุกคนรักผม และ ผมก็รักพวกเขา ดังนั้นมันไม่ใช่คนเหล่านี้ แต่มันมาจากอีกด้านหนึ่ง" “ในช่วง 2 ฤดูกาลสุดท้าย สื่อไม่ได้ช่วยอะไรผมเลย มีการเขียนข่าวที่ผมไม่ยอมรับข้อเสนอลิเวอร์พูล เพราะ ผมอยากได้เงินค่าจ้างเยอะๆ และแฟนบอลก็ทำแบบว่า ‘โอเค เขาไม่รับข้อเสนอ เขาก็เลยไม่พยายามทำผลงานให้ดี เพื่อพาทีมชนะ’ ทุกๆ อย่างดูเหมือนจะโจมตีผม" "แฟนบอลในสนาม กับ แฟนบอลจากทาง โซเชี่ยล มีเดีย ช่วงเป็น 2 สิ่งที่แตกต่างกัน โดยแฟนบอลในสนาม ผมสามารถพูดได้เต็มปากว่า ไม่มีอะไรแย่ๆให้พูดถึง พวกเขาซัพพอร์ทผมเสมอ ผิดกับแฟนบอลทาง โซเชี่ยล เพราะเวลาพวกเราแพ้ ผมจะเป็นคนที่กลายเป็น แพะรับบาป เสมอ โดยอ้างว่า เพราะผมอยากย้ายทีม และ บางช่วงเวลาก็เหมือนว่า 'ว้าว ผมอีกแล้วเหรอ พวกเขาจะรู้ไหมว่าต้องรักษาสภาพร่างกาย และ ลงเล่นทุกเกม'" "แต่คุณไม่สามารถบ่นได้หรอก เพราะมันคืองานของคุณ มันอาจจะมีนักเตะประเภทที่ว่า ปากบอกไม่ฟิต ไม่อยากลงเล่น เพราะเสี่ยงต่ออาการบาดเจ็บ และ จะไม่ได้ย้ายทีม แต่สำหรับผมไม่ใช่ จริงอยู่ที่ ผมไม่ได้เล่นดีทุกเกม แต่หลังจบการแข่งขัน ผมมักจะส่องกระจก และ พูดว่า ผมฝึกซ้อมอย่างหนัก เพื่อพัฒนาให้ดีขึ้น" เห็นไหมครับว่า ไวจ์นัลดุม เปิดปากให้สัมภาษณ์แบบยาวเหยียด เหมือนคนอัดอั้นตันใจ เก็บความรู้สึกมานาน และ ได้ระบายออกมาหมดเปลือกว่าทำไมเขาถึงตัดสินใจ อำลา ลิเวอร์พูล .. แน่นอนว่า คำพูดของ ซีดุม คงสร้างความไม่พอใจให้กับแฟนบอล หงส์แดง อยู่บ้าง และ ก็คงมีอีกหลายกลุ่ม ที่คงเห็นใจถึงอารมณ์ของนักเตะรายนี้ อย่างไรก็ตาม จากผลงานตลอด 5 ปีที่ผ่านมา มันก็บ่งชัดแล้วว่า ไวจ์นัลดุม ทุ่มเทเพื่อ ลิเวอร์พูล เสมอมา ฝึกซ้อมและลงเล่น ไม่เคยขาดตกบกพร่อง เผลอๆการลงเล่นมากกว่า 50 นัด เมื่อซีซั่นที่ผ่านมา ในช่วงโปรแกรมเตะถี่ยิบ ท่ามกลางโรคระบาด โควิด-19 มันมากเกินกว่าสำหรับนักเตะคนหนึ่งด้วยซ้ำ แต่เขาก็ไม่เคยมีท่าทีอิดออดให้เห็น  เกมสุดท้ายที่ ไวจ์นัลดุม ได้ลงเล่นต่อหน้าสาวก เดอะ ค็อป บนสนาม แอนฟิลด์ เขาได้รับการอำลาอย่างสมเกียรติ เพื่อนร่วมทีมและสตาฟฟ์ตั้งแถว รวมถึงแฟนบอลพร้อมใจกันปรบมือ อำลาตำนานรายนี้เป็นครั้งสุดท้าย ไม่ว่าบทสัมภาษณ์ของเขาจะสร้างความรู้สึกอย่างไร แต่ 2 ประตู ที่ จีนี่ ยิงให้ ลิเวอร์พูล พลิกนรกถล่ม บาร์เซโลน่า 4-0 จนก้าวไปถึงการคว้าแชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก เมื่อปี 2019 จะถูกกล่าวขานตลอดไป และ ไวจ์นัลดุม จะถูกจารึกไว้ว่าเป็นตำนานของสโมสร กับ แชมป์ พรีเมียร์ลีก อังกฤษ สมัยแรกในประวัติศาสตร์ ที่ตามมานานเกือบ 30 ปี จากเรื่องของ จีนี่ ในคราวนี้ก็คงต้องกลับมามองกันที่พวกเรากันล่ะครับว่า ธรรมชาติของแฟนบอลในยุคนี้ที่มีโซเชียล มีคีย์บอร์ดเป็นอาวุธ การแสดงความเห็นแต่ละครั้ง มันทำร้ายจิตใจนักฟุตบอลเกินไปหรือเปล่า เราอยู่ในความเหมาะสมไหม โลกมันเปลี่ยนไปมากครับ ทุกอย่างเข้าถึงรวดเร็ว แต่ว่าการให้เกียรติ การไม่ล้ำเส้น มันก็คือสิ่งที่สำคัญเช่นเดียวกันนะครับ

ฮาย ฮาวดี้-

 
logoline