logo-heading

ต้องยอมรับว่าในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาถือว่าเป็นห้วงเวลาที่แฟนบอล แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เริงร่าไม่ใช่น้อย เพราะทีมรักของพวกเขาเดินหน้าปิดดีลคว้านักเตะระดับบิ๊กเนมมาร่วมทัพได้แล้วถึง 2 ราย นั้นก็คือ จาดอน ซานโช่ และ ราฟาเอล วาราน ซึ่งถือว่าเป็นการเดินหมากเร็ว และเกาถูกที่คันเป็นอย่างมาก

แม้ในรายของ ซานโช่ จะมีข่าวเชื่อมโยงกันมาแรมปี กินเวลาไปหลายตลาดนักเตะ แต่ทว่าท้ายที่สุดก็สามารถปิดดีลได้ด้วยราคาที่ไม่ได้สูงมากนัก รวมไปถึงในรายของแนวรับทีมชาติฝรั่งเศสที่พวกเขามีข่าวด้วยกันเพียงไม่นานนัก ก็ทำการเปิดตัวเป็นสมาชิกใหม่ได้ในทันที ซึ่งจากสิ่งที่เกิดขึ้นส่วนหนึ่งต้องชื่นชมเหล่าคนเบื้องหลังที่ติดทองหลังพระอย่างแท้จริงอย่าง จอห์น เมอร์ทัฟ ผู้อำนวยการฟุตบอลคนแรกของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่เข้ามารับตำแหน่งเมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา รวมไปถึงพ่วงอดีตนักเตะของทัพ "ปีศาจแดง" อย่าง ดาร์เรน เฟล็ตเชอร์ ทำหน้าที่เป็นผู้อำนวยการเทคนิค แน่นอนทั้งคู่จะต้องทำงานร่วมกัน ในการพัฒนาเรื่องของฟุตบอลแบบล้วนๆ สดุดีผลงาน เมอร์ทัฟ & เฟลทเชอร์ เดินหน้าเร็ว ปิดดีลแข้งใหม่ แมนยูฯ ย้อนกลับไปเมื่อช่วงเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ข่าวที่สร้างแรงสั่นสะเทือนให้ แมนฯ ยูไนเต็ด ได้ไม่น้อย และดูเหมือนจะถูกใจแฟนบอลเป็นอย่างมากคือการที่พวกเขาทำการแต่งตั้ง จอห์น เมอร์ทัฟ เข้ารับตำแหน่งผู้อำนวยการกีฬาของสโมสร ซึ่งในตอนนั้นมีแคนดิเดตชื่อดังหลายคนไม่ว่าจะเป็น เอ็ดวิน ฟาน เดอ ซาร์, ปีเตอร์ ชไมเคิ่ล, ปาทริซ เอวร่า หรือ ราล์ฟ รังนิค  แต่ทว่าท้ายที่สุดหวยไปออกที่ เมอร์ทัฟ ท่ามกลางความงงงวยของแฟนบอลพอควรหาเจ้าหมอนี้เป็นใครชื่อเสียงเรียงนามก็ไม่ได้เป็นที่รู้จักในวงกว้าง จะทำหน้าที่ตรงนี้ได้สมศักดิ์ศรีมากขนาดไหน ? แท้จริงแล้ว เมอร์ทัฟ ย้ายมาทำงานให้ แมนฯ ยูไนต็ด ตั้งแต่ปี 2013 ซึ่งครั้งนั้นเขาย้ายตาม เดวิด มอยส์ มาจาก เอฟเวอร์ตัน เพื่อมาทำหน้าที่หัวหน้าฝ่ายพัฒนาฟุตบอล แน่นอนตำแหน่งดังกล่าวมันพอจะบ่งบอกว่าเขาเองคงเข้าใจฟุตบอลได้เป็นอย่างดี นอกจากนั้นยังได้ทำงานกับทีมเยาวชนที่ตอนนั้นมีนักเตะอย่าง มาร์คัส แรชฟอร์ด, สก็อตต์ แม็คโทมิเนย์ หรือ แบรนดอน วิลเลี่ยมส์ เรียนรู้ศาสตร์ลูกหนังอยู่ นอกจากนั้นวีรกรรมของ เมอร์ทัฟ ก็มีหลายอย่างที่เขาเป็นเงาอยู่เบื้องหลังทั้งดีลคว้าตัว อเล็กซิส ซานเชซ, ผลักดันจน แมนฯ ยูไนเต็ด มีทีมหญิง หรือเป็นคนส่งแมวมองไปตามฟอร์มของ ฮานนิบัล เมจบรี กองกลางดาวรุ่งชาวฝรั่งเศส ก่อนที่จะพาเข้ามาสู่ทีมได้สำเร็จ และด้วยผลงานที่กล่าวมาไม่แปลกที่ ยูไนเต็ด จะกล้ามอบหมายตำแหน่งผู้อำนวยการกีฬาให้กับเขา เพื่อที่จะช่วยดูแลในเรื่องของผลประโยชน์ของสโมสรในการซื้อ-ขาย นักเตะ เพราะที่ผ่านมาต้องยอมรับว่าคนที่ทำงานในตำแหน่งนี้อย่าง เอ็ด วู้ดเวิร์ด นั้นห่วยแตกเป็นอย่างมาก แม้จะหาเงินเข้าคลังสโมสรได้เก่ง แต่เรื่องของฟุตบอล "เฮียเอ็ด" แทบจะติดลบ และผลงานที่ผ่านมามีแต่โดนขูดรีดราคานักเตะอยู่บ่อยครั้ง จะซื้อใครแต่ละทีราคาคือโหดๆ ทั้งนั้น  แต่ทว่าพอมีคนเข้ามารับที่ดูแล และรู้เรื่องของฟุตบอลการเจรจามันเลยจะง่ายขึ้น อีกทั้งสโมสรก็จะเดินหน้าได้ง่ายมากขึ้นกว่าเดิม ซึ่งตอนที่ เมอร์ทัฟ เข้ามารับตำแหน่งภารกิจของเขานั้นมีมากมายเหลือเกินให้ต้องสะสาง โดยเฉพาะเรื่องนักเตะใหม่ที่เป็นโจทย์ให้เขาได้แสดงฝีมือออกมา ลิสต์เป็นข้อๆ ตอนนั้นก็จำพวกหากองหลังคนใหม่เข้าสู่ทีม, ปิดดีล ซานโช่ ให้ได้ หรือ เคลียร์อนาคตของ ป็อกบา ให้สำเร็จ สดุดีผลงาน เมอร์ทัฟ & เฟลทเชอร์ เดินหน้าเร็ว ปิดดีลแข้งใหม่ แมนยูฯ แน่นอนจากข้อย่อยที่กล่าวไปเท่ากับว่า เมอร์ทัฟ ทำสำเร็จลุล่วงไปแล้วถึง 2 อย่าง ... อย่างในรายของ ซานโช่ ก็ต้องยอมรับว่าส่วนหนึ่งต้องยกความดีความชอบให้กับ เอ็ด วู้ดเวิร์ด ด้วยที่เขาเป็นคนเจรจากรุยทางไว้บ้างแล้ว แต่ส่วนที่เหลือก็เหมือน เมอร์ทัฟ เข้ามาสานต่อ และเจรจาจนได้ราคาที่พออกพอใจที่ราว 73 ล้านปอนด์ ซึ่งเชื่อกันว่าถ้าดีลนี้ยังคงเป็น วู้ดเวิร์ด ในการตั้งโต๊ะเจรจาค่าตัวคงพุ่งทะยานไปสูงกว่านี้ เผลอๆ อาจแตะหลัก 100 ล้านปอนด์ก็เป็นได้ ส่วนในแผนกเกมรับแม้ที่ผ่านมาจะตกเป็นข่าวกับนักเตะหลายคน แต่ทว่าพอเอาเข้าจริงพวกเขาก็เลือกนักเตะที่คิดว่าเป็นจิ๊กซอว์สำคัญในการแต่งเติมสิ่งที่ขาดหาย และคนนั้นก็คือ ราฟาเอล วาราน ที่ปิดดีลได้อย่างรวดเร็ว ต่างจาก ยูไนเต็ด สมัยก่อนที่กว่าจะได้ใครสักคนต้องรอนู้นตลาดใกล้ปิด พร้อมค่าตัวที่โดนขูดเลือดกระจาย ซึ่งนอกจาก เมอร์ทัพ แล้วที่จะได้เสียงชื่นชมอย่างแพร่หลาย อีกหนึ่งคนที่ไม่พูดถึงคงไม่ได้นั้นก็คือ ดาร์เรน เฟร์ทเชอร์ ที่ตอนนี้นั่งตำแหน่งผู้อำนวยการฝ่ายเทคนิค โดยหน้าที่ของอดีตดาวเตะผู้นี้จะทำงานอย่างใกล้ชิดร่วมกับ เมอร์ทัฟ ทั้งในเรื่องของการประสานงาน, พัฒนาผู้้เล่น และทีม รวมไปถึงคอยประสานงานระหว่างทีมอคาเดมี่กับชุดใหญ่ นั้นเอง สดุดีผลงาน เมอร์ทัฟ & เฟลทเชอร์ เดินหน้าเร็ว ปิดดีลแข้งใหม่ แมนยูฯ จะว่าไปตำแหน่งของ เฟร์ทเชอร์ เองก็เจริญเติบโตรวดเร็วพอสมควร ทั้งที่ก่อนนี้ก้าวเข้ามารับงานดูแลทีมชุดยู-16 ปี ก่อนขยับมาเป็นทีมงานของ โซลชา ในทีมชุดใหญ่ และพัฒนาจนได้ตำแหน่งผู้อำนวยการเทคนิคในที่สุด ซึ่งทั้งหมดที่กล่าวมามันเหมือน "ปีศาจแดง" โฉมใหม่ที่เครื่องร้อนแรง และพิสูจน์ให้เห็นว่าการเปลี่ยนแปลงของพวกเขานั้นส่งผลต่อทีมเป็นอย่างมาก เมื่อใช้คนที่รู้เรื่องฟุตบอลจริงๆ มาบริหารมันแสดงผลออกมาให้เห็นอย่างแจ่มชัดเป็นที่สุด  แน่นอนต่อจากนี้ภารกิจของ เมอร์ทัฟ และทีมงานยังไม่จบยังมีอีกหลายประเด็นให้เคลียร์ทั้งเรื่องอนาคตของ ป็อกบา ที่แว่วๆ มาว่าจะย้ายทีม ภายหลังเหลือสัญญากับทีมอีกแค่ปีเดียว รวมไปถึงผู้เล่นใหม่ในตำแหน่งอื่นๆ ยกตัวอย่างแดนกลางที่อาจจะต้องใครสักคนเข้ามาแต่งเติมทีม ไม่ว่าจะเป็นในกรณีที่ขาย หรือไม่ขาย ป็อกบา ออกจากทีม  อีกเคสที่ต้องลงมือคือการปล่อยนักเตะส่วนเกินออกจากสโมสร เพราะต้องยอมรับว่า แมนฯ ยูไนเต็ด ตอนนี้มีนักเตะล้นทีมมากพอควรที่ต้องเจรจากันว่าอนาคตจะไปในทิศทางไหนไม่ว่าจะเป็น อันเดรส เปไรร่า, ฟิล โจนส์, ดิโอโก้ ดาโลต์ หรือแม้แต่ อ็องโตนี่ มาร์กซิยาล ที่อาจกลายเป็นแข้งส่วนเกินของทีมในฤดูกาลหน้า เชื่อเหลือเกินว่าถึงตอนนี้แฟนบอล "เร้ด เดวิลล์" คงอยากจะให้ม่านฤดูกาล 2021-22 เปิดฉากขึ้นมาเร็วๆ รวมไปถึงการฝันหวานถึงนักเตะรายใหม่ๆ ที่มีข่าวมาพัวพันกับทีมว่าจะสามารถปิดดีลกับใครได้เพิ่มอีกบ้าง เพราะอย่างที่กล่าวไป แมนฯ ยูไนเต็ด กับโฉมใหม่ในงานบริหารช่างไฉไล และรวดเร็วร้อนแรงมากเหลือเกิน  

- Paolinho -

logoline