เปิดพิกัด 5 สถานีต่อไป ! ของ จอห์น เทอร์รี่ ???
จอห์น เทอร์รี่ ตำนานปราการหลังกัปตันทีม เชลซี ได้ตัดสินใจอำลาตำแหน่งผู้ช่วยโค้ชที่ แอสตัน วิลล่า เป็นที่เรียบร้อยแล้ว เพื่อที่จะตามหาความท้าทายครั้งใหม่ในชีวิต
ไม่มีใครรู้ได้ว่าอนาคตนับจากนี้ "กัปตันเจที" จะเลือกเดินไปในเส้นทางไหนต่อ แต่มันก็มีสื่อนอกหลายๆ สำนักที่เริ่มทำนายทายทักแล้วว่ามันมีโอกาสจะเป็นที่ไหนได้บ้าง ? ซึ่งวันนี้ทาง "ขอบสนาม" ก็ได้เก็บข้อมูลตรงนั้นนำมาฝากๆ แฟนๆ กันครับ
สวอนซี ซิตี้
การย้ายออกจาก แอสตัน วิลล่า ของ จอห์น เทอร์รี่ มันช่างเหมาะเจาะพอดีกับเก้าอี้กุนซือ สวอนซี ซิตี้ ที่กำลังว่างอยู่ เพราะเมื่อสัปดาห์ก่อน สตีฟ คูเปอร์ ได้ตัดสินใจแยกทางไป ทั้งที่ผลงานโดยร่วมก็จัดว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ดีเลยกับการพาทัพ "หงส์ขาว" จบอันดับ 4 และไปแข่งเพลย์ออฟเพื่อลุ้นโควต้าเลื่อนชั้นสู่เวที พรีเมียร์ลีก เป็นปีที่ 2 ติดต่อกัน
แน่นอนว่าตัวของ จอห์น เทอร์รี่ เองก็ปรารถนาอยู่เสมอว่าอยากจะเป็นผู้จัดการทีมสโมสรฟุตบอลให้ได้สักวันหนึ่ง บางทีมันอาจจะเกิดขึ้นกับ สวอนซี ซิตี้ ก็เป็นได้ นอกจากเหตุผลในเรื่องตำแหน่งที่ว่างอยู่แล้ว ถ้าย้อนเวลากลับไปคุณจำได้ไหมว่าทาง สวอนซี เองก็เคยให้โอกาส แกรี่ มังค์ ได้ลองประเดิมคุมทีมครั้งแรกในชีวิตมาแล้วเช่นกันตอนปี 2014 ดังนั้นทำไมเคสนี้มันจะเกิดขึ้นกับ จอห์น เทอร์รี่ บ้างไม่ได้ล่ะ ?
ยิ่งไปกว่านั้นตอนนี้บ่อนรับพนันถูกกฏหมายของต่างประเทศอย่าง Betfair ก็ได้เปิดเผยอัตราต่อรองออกมาถึงผู้ที่จะเข้ามาทำหน้าที่เป็นนายใหญ่ทัพ "หงส์ขาว" คนใหม่ ผลปรากฏว่า จอห์น เทอร์รี่ ถูกวางไว้เป็นตัวเต็งที่สุดในเรทราคา 1/8 หรือ แทง 8 จ่าย 1
อังกฤษ ยู-21
มีอดีตนักเตะหลายคนที่ผ่านการทำงานกับ ทีมชาติอังกฤษ รุ่นอายุไม่เกิน 21 ปี เพื่อก้าวสู่เส้นทางการเป็นโค้ช อย่างยุคล่าสุดนี้ก็จะมี ไอดี้ บูธรอยน์ และก็ แกเร็ธ เซาธ์เกต ถึงจะไม่มีความสำเร็จใดๆ ติดไม้ติดมือมา แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือการพัฒนาตัวเองและการเก็บเกี่ยวประสบการณ์
ดูอย่าง แกเร็ธ เซาธ์เกต สิ ตอนนี้เขาคือผู้จัดการทีมที่ได้รับการยกย่องและคำชมมากมายกับการพา ทีมชาติอังกฤษ ชุดใหญ่ที่อาศัยแข้งพลังหนุ่มไปไกลถึงรอบรองชนะเลิศใน ฟุตบอลโลก ปี 2018 ตลอดจน ยูโร 2020 ที่ทะยานไปไกลถึงรอบชิงชนะเลิศได้เป็นครั้งแรกบนหน้าประวัติศาสตร์
สำหรับ จอห์น เทอร์รี่ ความสามารถด้านการเป็นโค้ชของเขาเป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม เขาได้ทำงานอย่างใกล้ชิดกับ แจ็ค กรีลิช มาตลอด 3 ปี และมีส่วนที่ทำให้นักเตะคนนี้ก้าวขึ้นไปเป็นซูเปอร์สตาร์และเป็นนักเตะที่มีพรสวรรค์มากที่สุดคนหนึ่ง เช่นเดียวกับอีกหลายๆ คน
บางทีมันก็ดูเข้าท่าดีถ้าจุดเริ่มต้นของ "เจที" ได้เกิดขึ้นกับทัพ "สิงโตคำราม" รุ่นอายุไม่เกิน 21 ปี แต่ดูเหมือนสิ่งที่เป็นตัวขัดแย้งเดียวที่จะทำให้เรื่องนี้ไม่เกิดขึ้นก็ความปัญหาด้านความสัมพันธ์กับ สมาคมฟุตบอล หรือ เอฟเอ เพราะถ้าย้อนกลับไปตอนปี 2012 จอห์น เทอร์รี่ โดนสั่งแบนและถูกปลดออกจากตำแหน่งกัปตัน ทีมชาติอังกฤษ ในข้อหาไปเหยียดผิวใส่เพื่อนร่วมชาติอย่าง แอนทอน เฟอร์ดินานด์
ดาร์บี้ เคาน์ตี้
ถึง ดาร์บี้ เคาน์ตี้ จะมีอดีตเพื่อนร่วมชาติอย่าง เวย์น รูนี่ย์ เป็นกุนซือใหญ่บัญชาทัพอยู่แล้วซึ่งมีส่วนสำคัญในการช่วยให้ทีมรอดตกชั้นเมื่อฤดูกาลที่ก่อนด้วย แต่ก็ไม่ใช่ จอห์น เทอร์รี่ จะไม่มีโอกาสเข้ามาแทนที่ เพราะในขณะเดียวกันอนาคตของ รูนี่ย์ ก็เหมือนจะไม่แน่ไม่นอนเหมือน เนื่องจากทางต้นสังกัดล้มเหลวในการดึง เอริค อลอนโซ่ เข้ามาเทคโอเวอร์สโมสร
เวย์น รูนี่ย์ กำลังเจอกับแรงกดดันมากมาย แฟนๆ หลายคนเริ่มอยากให้เขาเก็บข้าวของและย้ายออกไป ถ้าเกิดเขาไม่สามารถเซ็นสัญญานักเตะใหม่ๆ เข้ามาเสริมทัพได้ นอกจากนี้ด้านนอกสนาม รูนี่ย์ ก็กำลังมีปัญหาชีวิตอยู่เหมือนกัน หลังมีรูปหลุดไปนัวเนียสาวๆ แถมยังตามไปหลับนอนด้วยถึงที่โรงแรม จากสิ่งที่เกิดขึ้นมันทำให้สโมสร ดาร์บี้ เสียภาพลักษณ์สุดๆ และมันก็เป็นความประพฤติที่ไม่ดีพอจะทำให้พี่แกตกงานได้เลยเหมือนกัน
ถ้าเกิดขึ้น รูนี่ย์ ต้องไปการได้เข้ามานับหนึ่งบนเส้นทางกุนซือกับ ดาร์บี้ ก็ถือว่าไม่เลว เพราะอดีตเพื่อนร่วมทุกข์ร่วมสุขที่ เชลซี อย่าง แฟร้งค์ แลมพาร์ด ก็สร้างเนื้อสร้างตัวจากสโมสรแห่งนี้เช่นกัน
วัตฟอร์ด
ซิสโก้ มูนญอซ ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมกับ วัตฟอร์ด เมื่อปีที่ผ่านมา เขาได้โอกาสเข้ามาทำงานแทนที่ วลาดิเมียร์ ไอวิช ช่วงปลายปี 2020 ตอนที่ทีมรั้งอยู่อันดับ 5 บนตารางคะแนน เดอะ แชมเปี้ยนชิพ ผลสุดท้าย ซิสโก้ มูนญอซ สามารถพาทัพ "แตนอาละวาด" ตีตั๋วเลื่อนชั้นกลับสู่เวที พรีเมียร์ลีก ได้แบบอัติโนมัติ แถมยังเป็นโค้ชที่ได้รับการยกย่องในเรื่องของสไตล์เฉพาะตัว รวมถึงการนำพลังบวกกลับมาสู่ทีมด้วย
ถึงจะมีผลงานที่ยอดเยี่ยมแต่ก็ใช่ว่าเก้าอี้กุนซือของ ซิสโก้ มูนญอซ จะแข็งแรงคงทน เพราะอย่างที่ทราบกันว่า วัตฟอร์ด เป็นสโมสรที่มีสถิติการเปลี่ยนกุนซือที่บ่อยมากๆ มีผู้จัดการทีมถึง 13 คนวนเวียนเข้ามาและก็ออกไปในช่วง 9 ฤดูกาล ดังนั้นถ้าเกิด ซิสโซ้ มูนญอซ เจอความกดดันหนักๆ และมีผลตอบรับที่ไม่ดีในซีซั่นหน้าก็พร้อมที่จะตกงานได้ทุกเมื่อเช่นกัน
เมื่อถึงเวลานั้นถ้าเกิด จอห์น เทอร์รี่ ยังไม่มีงานใหม่มารองรับทางสื่อต่างประเทศอย่าง เดอะ มิร์เรอร์ ก็เชื่อว่าชื่อของเขาจะปรากฏขึ้นมาเป็นหนึ่งในแคนดิเดตอย่างแน่นอน ถึงแม้การไร้ประสบการณ์ในฐานะเฮดโค้ชแบบเต็มตัวจะเป็นเรื่องที่เสี่ยงก็ตาม
นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด
นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด น่าจะเป็นสโมสรหนึ่งที่แฟนบอลอยากให้มีการเปลี่ยนแปลงในตำแหน่งกุนซือมากที่สุด เพราะดูแล้ว สตีฟ บรูซ ไม่น่าจะมีศักยภาพมากพอในการพา "สาลิกาดง" กลับมาโลดแล่นบนหัวตารางเพื่อท้าทายความสำเร็จได้อีกครั้ง ถึงจะพาทีมรอดตายได้หวุดหวิดเมื่อปีก่อน แต่ถ้าปีนี้เกิดยังออกสตาร์ทได้ห่วยแตกอีกละก็ . . . แคมเปญการเรียกร้องเพื่อขับไล่ให้ออกไปอาจจะเกิดขึ้นอีกก็เป็นได้
เมื่อถึงเวลานั้นบางทีชื่อของ จอห์น เทอร์รี่ ก็อาจจะปรากฏขึ้นมาพัวพันด้วยก็เป็นได้ ถึงเขาจะไม่มีอะไรเกี่ยวพันกับ นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด โดยตรง แต่อย่างน้อยด้วยชื่อของ จอห์น เทอร์รี่, การได้ชื่อว่าเป็นตำนานผู้ยิ่งใหญ่คนหนึ่งของ พรีเมียร์ลีก และศักยภาพในด้านต่างๆ ก็น่าจะทำให้แฟนๆ "ทูน อาร์มี่" ยอมเปิดใจให้กับเขาได้พิสูจน์ตัวเอง
เพราะนักเตะรุ่นราวคราวเดียวกับ จอห์น เทอร์รี่ ในยุคนี้หลายๆ คนก็ได้โอกาสก้าวขึ้นมาเป็นกุนซืออย่างเต็มตัวแล้วไม่ว่าจะเป็น มิเกล อาร์เตต้า, พาทริค วิเอร่า รวมไปถึงเพื่อนซี้อย่าง แฟร้งค์ แลมพาร์ด ก็ด้วย ดังนั้นเดี๋ยวเราต้องมาจับตาดูกันว่าวันนั้นของ จอห์น เทอร์รี่ จะมาถึงเมื่อไหร่กันแน่
HaMu Dos Santos