logo-heading

คอมมิวนิตี้ ชิลด์ 2021 ศึกโหมโรง ก่อนที่ พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ฤดูกาลใหม่จะเริ่มขึ้น ได้ผู้ชนะเป็นที่เรียบร้อย เมื่อ เลสเตอร์ ซิตี้ มาซัดจุดโทษช่วงท้ายเกม เป็นประตูชัยเฉือนเอาชนะ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 1-0 คว้าแชมป์มาครองสำเร็จ

เกมนี้อาจจะไม่ได้สนุกตื่นเต้นระดับ 5 ดาว แต่ก็มีประเด็นหลายอย่างที่น่าสนใจ โดยเฉพาะนักเตะคนใหม่ของ เรือใบสีฟ้า อย่าง แจ็ค กรีลิช ที่ได้ประเดิมสนามกับทีมเรียบร้อย ส่วนเรื่องของเกมก็มีหลายช็อตที่ต้องพูดถึงกัน แมตช์นี้มีอะไรเกิดขึ้นบ้าง ไปติดตามกันครับ

- แมนฯ ซิตี้ ตัวไม่เต็ม ส่วน เลสเตอร์ ซิตี้ มาครบ

ก่อนเกมนี้จะเริ่มขึ้น คงได้เห็นรายชื่อ 11 ตัวจริงกันไปแล้ว ซึ่งต้องบอกเลยว่า เลสเตอร์ ซิตี้ มาเต็มมากกว่า นำโดย แคสเปอร์ ชไมเคิ่ล กัปตันทีม, เจมี่ วาร์ดี้ จอมถล่มประตู และ สองมิดฟิลด์ตัวเก่งอย่าง ยูริ ตีเลมันส์ กับ เจมส์ แม็ดดิสัน ทว่าตัดภาพมาทั้งฝั่ง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ขาดตัวหลักเพียบ ไม่ว่าจะเป็น เควิน เดอ บรอยน์ กับ ฟิล โฟเด้น ที่มีอาการบาดเจ็บ ไม่พร้อมลงสนาม รวมถึงแก๊งบราซิล อย่าง เอแดร์ซอน กับ กาเบรียล เชซุส ที่เพิ่งกลับมาจากช่วงพักร้อน ทำให้สภาพทีม เรือใบสีฟ้า ไม่เต็มสูบ

- แคสเปอร์ ต้องออกแรกเซฟ ยังไม่ถึง 10 นาทีแรก

แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เกือบได้ประตูขึ้นนำไปก่อน ตั้งแต่ยังไม่ถึง 10 นาทีแรก โดยเป็นจังหวะที่ ซามูเอล เอโดซี่ ดาวรุ่งของ เรือใบสีฟ้า เรียกฟรีคิกให้กับทีม ในระยะอันตรายประมาณ 25 หลา กลางประตูพอดิบพอดี คนที่รับหน้าที่สังหาร เป็น อิลคาย กุนโดกัน บรรจงปั่นโค้งๆด้วยเท้าขวา บอลย้อยข้ามกำแพง กำลังจะมุดลงเสียบใต้คานอยู่แล้ว แต่ว่า แคสเปอร์ ชไมเคิ่ล นายทวาร เลสเตอร์ ซิตี้ ติดปีกบิน ลอยตัวมากระโดดซูเปอร์เซฟปัดออกไปได้อย่างหวุดหวิด

- เลสเตอร์ มีโอกาสบ้าง แต่นายทวาร เรือใบ เซฟไว้ได้

ช่วงประมาณก่อน 20 นาทีแรก เป็น แมนฯ ซิตี้ ที่มีโอกาสบุกเข้าทำมากกว่า แต่ถ้านับจากลูกฟรีคิกของ กุนโดกัน ก็ยังไม่ลูกไหนที่ทำให้ แคสเปอร์ ต้องออกแรงเซฟ ยกเว้นลูกเกือบสกัดเข้าประตูตัวเองของ เลสเตอร์ ที่ข้ามคานไปนิดเดียวเท่านั้น  ซึ่งการบุกเพลินๆของ เรือใบสีฟ้า นี่แหละครับ มันกลายเป็นการเปิดช่องว่างให้กับ จิ้งจอกสีน้ำเงิน ได้เข้าทำบ้าง โดยเริ่มจาก เจมี่ วาร์ดี้ รับบอลจากเพื่อน แตะบอลหนีตัวประกบเข้าเท้าขวา บอลพุ่งแบบได้ลุ้น แต่ก็เป็น แซค สเตฟเฟ่น ผู้รักษาประตู เรือใบสีฟ้า พุ่งปัดออกหลังไปได้ หลังจากนั้นอีกไม่นาน เลสเตอร์ ซิตี้ ก็มาได้จังหวะยิงอีกครั้ง เมื่อ ริคาร์โด้ เปเรยร่า วิ่งควบมาเก็บบอลทางริมเส้นฝั่งขวา ก่อนจะปาดหักเข้ามาในกรอบเขตโทษให้กับ ยูริ ตีเลมันส์ วิ่งมายิงแป้กๆ แต่กลายเป็นกึ่งยิงกึ่งผ่านไปถึง อโยเซ่ เปเรซ พยายามสะกิดบอลเปลี่ยนทาง แต่ก็ตรงตัว แซค สเตฟเฟ่น รับไว้ได้ นาทีนี้เป็นนาทีทองของ เลสเตอร์ ซิตี้ จริงๆ เพราะบุกเป็นพายุใส่ แมนฯ ซิตี้ และ ได้จังหวะลุ้นทำประตูอีกครั้ง โดยเป็นช็อตที่ ฮาร์วี่ย์ บาร์นส์ ซัดไปติดบล็อค รูเบน ดิอาส บอลกระดอนอยู่ในกรอบเขตโทษ ซึ่ง เจมี่ วาร์ดี้ โชว์ความจมูกไว วิ่งมาตามซ้ำ และ พยายามดีดให้ผ่านมือ แต่  สเตฟเฟ่น ก็กางตัวใหญ่ ปิดมุม เซฟลูกนี้เอาไว้ได้อีกครั้ง

- วาร์ดี้ ซัดชนเสา น่าขึ้นนำแบบสุดๆ

ต้องบอกว่าการบุกของ เลสเตอร์ แต่ละครั้ง ได้น้ำได้เนื้อแบบสุดๆ และ น่าจะได้ประตูขึ้นนำเหลือเกิน ในช่วงทดเจ็บ 45 นาทีแรก โดยเป็นจังหวะที่ ไรอัน เบอร์ทรานด์ ลากพาบอลขึ้นมา และ ส่งสั้นๆให้กับ เจมส์ แม็ดดิสัน ก่อนจะปาดออกทางซ้ายให้กับ ฮาร์วี่ย์ บาร์นส์ ที่ยืนอยู่โล่งๆ จากนั้น บาร์นส์ บรรจงปาดถวายพานมาให้กับ เจมี่ วาร์ดี้ ในกรอบเขตโทษ บอลย้อนหลังนิดๆ แต่ยังทรงตัวได้ดี กดวอลเล่ย์ด้วยเท้าซ้าย หวังยิงสวนตัว สเตฟเฟ่น แต่กระนั้นนายทวาร เรือใบสีฟ้า รายนี้ ยังผวาปัดได้ปลายมือ บอลกระดอนไปชนเสา และ กระเด้งออกมา ก่อนจะมีนักเตะ แมนฯ ซิตี้ ช่วยสกัดทิ้งออกไปได้ รอดพ้นการเสียประตูแบบหวุดหวิด จบครึ่งแรก ด้วยสกอร์ 0-0 

- เริ่มครึ่งหลัง แมนฯ ซิตี้ มีจังหวะซัด 2 ดอก

ต้องบอกว่า ครึ่งหลังเป็นทางฝั่ง แมนฯ ซิตี้ ที่ได้น้ำได้เนื้อกว่าจริงๆ โดยเริ่มมาประมาณ 10 นาที ขุนพล เดอะ ซิตี้เซ่น มีโอกาสยิงถึง 2 ครั้ง 2 ครา โดยดอกแรกเป็นจังหวะเล่นเตะมุมสั้น ได้ผ่านบอลเข้าไปในกรอบเขตโทษ นักเตะ เลสเตอร์ สกัดไม่ขาด กลายเป็นตั้งบอลให้กับ อิลคาย กุนโดกัน ได้วิ่งมาซัดเต็มตีน ถ้าตรงกรอบมีหาย แต่กลายเป็นโด่งข้ามฟ้า ทะลุมิติ ออกไปไกล ส่วนอีกจังหวะเป็นช็อตที่ ริยาด มาห์เรซ กระชากบอลเข้าสู่เขตอันตราย โดน ไรอัน เบอร์ทรานด์ เตะล้มลงตรงบริเวณหัวกะโหลก เป็นระยะน่ารักน่าลุ้น คราวนี้ มาห์เรซ ขอลองปั่นเองบ้าง แต่ก็ปล่อยให้โอกาสหลุดลอยไปอีกครั้ง เพราะกดปุ่มสีเหลี่ยมแรงไปนิด บอลโด่งข้ามคานออกไปเช่นเดิม

- มาห์เรซ หลุดเดี่ยว

จากจังหวะที่นักเตะ เลสเตอร์ ซิตี้ ขึ้นไปลุ้นลูกเตะมุม แต่กลายเป็นว่าพวกเขาทิ้งหลังบ้านให้เป็นช่องโหว่  "เรือใบสีฟ้า" ใช้เกมสวนกลับ แทงบอลทะลุช่องให้กับ ริยาด มาห์เรซ สปีดกระชากบอล หลุดเดี่ยวเตรียมเข้าไปดวลกับ แคสเปอร์ ชไมเคิ่ล แต่กระนั้นมีนักเตะ เลสเตอร์ 2 คน วิ่งหน้าตั้งควบตามมาด้านหลัง กดดันไม่ให้ มาห์เรซ ได้มีสมาธิยิงง่ายๆ ซึ่งมันก็ได้ผลจริงๆครับ เพราะ มาห์เรซ ต้องกระชากเยื้องออกไปทางซ้าย เพื่อไม่ให้คู่แข่งตามกวดได้ทัน แต่กลายเป็นว่าโดนบีบมุม และ ต้องรีบยิง บอลจึงเหินข้ามคานออกไปอย่างน่าเสียดาย

- เวลาที่ทุกคนรอคอย แจ็ค กรีลิช เปิดซิงให้ เรือใบสีฟ้า

หนึ่งในไฮไลท์ของเกมนี้ ก็คือ แจ็ค กรีลิช ดาวเตะป้ายแดงของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เจ้าของ ค่าตัว 100 ล้านปอนด์ แพงสุดในศึก พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ณ ปัจจุบัน ซึ่งแมตช์นี้เจ้าตัวมีชื่อเป็นตัวสำรอง โดยมีเสียงอื้ออึงจากแฟนบอล ตั้งแต่ที่เจ้าตัวออกมาวิ่งวอร์มอยู่ข้างสนาม และแล้วเวลาที่ทุกคนรอคอยก็เกิดขึ้นในนาที 65 เมื่อ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ตัดสินใจส่ง กรีลิช ลงสนาม แทนที่ ซามูเอล เอโดซี่ ดาวรุ่งที่ตะคริวกิน ถึงกระนั้นก็ต้องเรียนตามตรงว่า กรีลิช คงต้องใช้เวลาอีกสักหน่อย ในการปรับจูนให้เข้าขากับเพื่อนร่วมทีม เพราะลงสนามมาก็ยังไม่สามารถทำอะไรได้เป็นชิ้นเป็นอัน

- จุดโทษ พา เลสเตอร์ คว้าแชมป์

เวลาเหลืออีกเพียงแค่ประมาณ 2 นาที จะเข้าสู่ช่วงทดเวลา และ เตรียมไปตัดสินด้วยการดวลลูกจุดโทษ แต่แล้วโมเมนตั้มสำคัญของเกมก็เกิดขึ้น เมื่อ นาธาน อาเก้ กองหลัง แมนฯ ซิตี้ ทำผิดพลาด ไปจับบอลปลิ้นเท้า และ ไปเสียเหลี่ยมรวบขา เคเลชี่ อิเฮียนาโช่ หัวหอกตัวสำรองของ เลสเตอร์ ที่วิ่งมาฉกแย่งบอล ล้มลงในกรอบเขตโทษ เดิมที ผู้ตัดสินปล่อยไหลให้ เลสเตอร์ ซิตี้ ได้เล่นต่อ โดย พัตสัน ดาก้า ดาวยิงคนใหม่ ซัดไปติดเซฟ สเตฟเฟ่น แต่ พอล เทียร์นี่ย์ ย้อนกลับมาให้ฟาวล์จากจังหวะแรกที่ อิเฮียนาโช่ โดนรวบ และ เป่าเป็นจุดโทษ ชนิดที่นักเตะ เรือใบสีฟ้า ไม่เห็นด้วย เพราะมองว่ากรรมการปล่อยให้เล่นต่อไปแล้ว สุดท้าย ไม่มีการเปลี่ยนคำตัดสิน เลสเตอร์ ซิตี้ ได้จุดโทษดังเดิม ก่อนจะเป็น อิเฮียนาโช่ ใช้กฎยิงทีมเก่า ซัดเข้าไปไม่เหลือ ทำให้ทีมขึ้นนำ 1-0 และ ก็เป็นประตูชัยพา เดอะ ฟ็อกซ์ คว้าแชมป์ คอมมิวนิตี้ ชิลด์ มาครองได้สำเร็จ เป็นการประเดิมซีซั่นใหม่ ได้อย่างสวยงาม สำหรับสาวก จิ้งจอกสีน้ำเงิน

ฮาย ฮาวดี้

logoline