logo-heading

เปิดตัวเป็นสมาชิกใหม่ของ ปารีส แซงต์-แชร์กแมง เรียบร้อยแล้วสำหรับ ลิโอเนล เมสซี่ ภายหลังกลายเป็นแข้งฟรีเอเยนต์ ปิดตำนานการค้าแข้งกับ บาร์เซโลน่า ลงอย่างสมบูรณ์แบบ

ซึ่งดีลครั้งนี้ถือว่าเป็นประวัติศาสตร์ของวงการลูกหนังเลยก็ว่าได้ เนื่องด้วยความเป็น เมสซี่ ที่ไม่มีใครคาดคิดว่าเขาจะไม่ได้อยู่ในสีเสื้อของทัพ "อาซูลกราน่า" อีกต่อไปแล้ว โดยที่ผ่านมาก็มีนักเตะหลายคนที่เคยค้าแข้งกับทั้ง 2 สโมสรอย่าง บาร์เซโลน่า กับ เปแอสเช มาแล้ว แม้จะไม่ได้ย้ายกันโดยตรงก็ตาม ว่าแล้ว ขอบสนาม ของเราจะพาไปย้อนรอยดูกันหน่อยว่ามีนักเตะคนไหนบ้างที่เคยลงเล่นมาแล้วกับ 2 สโมสร ก่อนที่ เมสซี่ กำลังจะเป็นแข้งรายล่าสุดที่เจริญรอยตาม

ติอาโก้ ม็อตต้า

เชื่อว่าแฟนบอลหลายคนคงจำภาพของ ม็อตต้า ในสีเสื้อของ เปแอสเช ได้มากกว่าเนื่องด้วยค้าแข้งกับทีมมาอย่างยาวนาน และลงสนามไปมากกว่า 230 เกม แถมสอยแชมป์ลีก เอิง ฝรั่งเศส มาครองได้มากถึง 5 สมัย แต่ทว่าแท้จริงแล้วกองกลางทีมชาติอิตาลีเติบโต และแจ้งเกิดมาจาก บาร์เซโลน่า แบบขนานแท้ โดย ม็อตต้า ย้ายมาเป็นสมาชิกของทัพ "อาซูลกราน่า" ในช่วงปี 1999 ก่อนที่จะขัดเกลาฝีเท้าอยู่ทีมชุดเยาวชน และถูกยกระดับขึ้นมาเล่นกับทีมชุดใหญ่ในช่วงปี 2001 ซึ่งในฤดูกาลแรกเจ้าตัวก็ได้รับโอกาสลงสนามไป 26 นัดจากทุกรายการ ก่อนที่ขึ้นฤดูกาลใหม่จะสถาปนาตัวเองเป็นกองกลางตัวหลักของทีมได้สำเร็จ  รวมแล้ว ม็อตต้า ลงเล่นให้ บาร์ซ่า ไปทั้งหมด 147 เกม จากระยะเวลาราว 6 ปี กวาดแชมป์ไปได้มากถึง 4 โทรฟี่ แบ่งเป็นลาลีกา 2 สมัย, แชมเปี้ยนส์ลีก 1 สมัย และ สแปนิช ซุปเปอร์ คัพ อีก 1 สมัย จากนั้นในช่วงซัมเมอร์ 2007 ก็ถูกปล่อยตัวไปให้ แอต.มาดริด ก่อนย้ายไปอีกหลายสโมสรไม่ว่าจะเป็น เจนัว, อินเตอร์ มิลาน และมาลงเอยที เปแอสเช ในปี 2012 และค้าแข้งอยู่นาน 6 ปี ก่อนแขวนสตั๊ดไปหลังจบฤดูกาล 2017-18 ย้อนรอย! แข้งที่เคยลงเล่นให้กับทั้ง บาร์ซ่า และ เปแอสเช

แม็กซ์เวลล์

แบ็คซ้ายที่ไม่ค่อยมีใครกล่าวถึงสักเท่าไหร่ แต่ทว่าเส้นทางการค้าแข้งของเขารวมไปถึงโทรฟี่แห่งความสำเร็จก็มีมาให้เชยชมได้อยู่เรื่อยๆ โดย แม็กซ์เวลล์ แจ้งเกิดจากเป็นนักเตะของ ครูไซโร่ ก่อนที่จะโยกย้ายมาค้าแข้งในยุโรปกับ อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม ในช่วงปี 2001 ก่อนที่จะทำผลงานได้อย่างโดดเด่น ทำให้ อินเตอร์ มิลาน มาสอยตัวไปร่วมทัพ หลังลงเล่นในประเทศเนเธอร์แลนด์ได้ 5 ปีเต็ม โดยชีวิตที่อิตาลี แม็กซ์เวลล์ คว้าแชมป์กัลโช่ เซเรีย อา มาครองได้มากถึง 3 สมัย ก่อนที่ในช่วงซัมเมอร์ปี 2009 บาร์เซโลน่า จะมาดึงตัวไปร่วมทัพด้วยค่าตัว 5 ล้านยูโร ซึ่งตลอด 3 ปีในถิ่น คัมป์ นู ถือว่าเจ้าตัวเป็นกำลังสำคัญของทีมตลอด และเป็นส่วนสำคัญในการช่วยทีมซิวแชมป์ แชมเปี้ยนส์ลีก เมื่อซีซั่น 2010-11 จากนั้นช่วงตลาดนักเตะเดือนมกราคมปี 2012 เปแอสเช ก็มาเจรจาดึงตัวไปร่วมทัพ ซึ่งที่นี่เอง แม็กซ์เวลล์ มีโอกาสซิวโทรฟี่แชมป์มากถึง 15 แชมป์ ตลอดระยะเวลา 5 ปี ในถิ่น ปาร์ค เดส์ แปรงซ์ ก่อนที่จะประกาศแขวนสตั๊ดอย่างเป็นทางการไปเมื่อปี 2017

ลูก้าส์ ดีญ

ฟูลแบ็คอีกหนึ่งรายที่เคยผ่านการค้าแข้งมาแล้วกับทั้ง เปแอสเช และ บาร์เซโลน่า แม้จะเป็นเพียงช่วงเวลาสั้นๆ กับทั้ง 2 สโมสรก็ตาม โดย ดีญ แจ้งเกิดมาจากการลงเล่นให้กับ ลีลล์ ก่อนที่จะถูก เปแอสเช ดึงตัวไปร่วมทัพในช่วงปี 2013 ด้วยค่าตัวราว 15 ล้านยูโร ซึ่งในช่วง 2 ซีซั่นแรกเจ้าตัวไม่สามารถยึดเป็นแบ็คซ้ายตัวจริงของทีมได้ ต้องสลับลงเล่นกับ แม็กเวลล์ มาตลอด ก่อนที่ในช่วงปี 2015 โรม่า จะดึงตัวไปเสริมทัพด้วยสัญญายืมตัว ซึ่งเจ้าตัวก็ถือว่าทำผลงานได้อย่างน่าประทับใจ ทำให้ในช่วงซัมเมอร์ปีถัดมา บาร์เซโลน่า ควักกระเป๋า 16.5 ล้านยูโร คว้าตัวไปเสริมแกร่งให้กับทีม  ซึ่งมันเหมือนเป็นการวนลูปของตัวเองอีกครั้ง เพราะไม่ได้รับโอกาสลงสนามแบบสม่ำเสมอ ต้องเบียดแย่งตำแหน่งกับ จอร์ดี้ อัลบา ทำให้สุดท้ายต้องย้ายออกมา และเป็น เอฟเวอร์ตัน ที่คว้าตัวมาครองในช่วงซัมเมอร์ปี 2018 ด้วยค่าตัว 20 ล้านยูโร ซึ่งเจ้าตัวก็สามารถยึดเป็นตัวหลักของทัพ "ทอฟฟี่" อยู่ในขณะนี้

ราฟินญ่า

เด็กปั้นจากศูนย์ฝึก ลา มาเซีย ที่สามารถพัฒนา และเติบโตก้าวขึ้นมาสู่ทีมชุดใหญ่ของ บาร์เซโลน่า ได้สำเร็จ โดย ราฟินญ่า ย้ายเข้ามาเป็นสมาชิกของทัพ "อาซูลกราน่า" ในปี 2006 ก่อนใช้เวลาเรียนรู้ศาสตร์ลูกหนังอยู่นาน 5 ปี ถึงจะได้โอกาสประเดิมเปิดซิงกับทีมชุดใหญ่ แต่หลังจากนั้นเขาต้องใช้เวลาอีกถึง 2 ซีซั่น กว่าจะได้โอกาสลงเล่นแบบสม่ำเสมอกับทีมชุดใหญ่ แต่ทว่าพอได้รับโอกาสมากยิ่งขึ้นเจ้าตัวก็ดันมาพบเจอกับอาการบาดเจ็บบริเวณเอ็นทำให้ต้องพักยาวหลายเดือน ทำให้หลังรักษาตัวกลับมาโอกาสที่เคยมีก็เริ่มหายไป ก่อนถูกปล่อยยืมตัวไปให้กับ อินเตอร์ มิลาน และ เซลต้า บีโก้ ใช้งาน หลังจากนั้น บาร์เซโลน่า ก็ขายขาดไปให้ เปแอสเช ในช่วงซัมเมอร์ 2020 ด้วยค่าตัว 1.5 ล้านยูโร ซึ่งขวบปีแรกกับ เปแอสเช ในเรื่องของโอกาสลงสนามก็ถือว่าสม่ำเสมอกว่าแต่ก่อนได้ลงเล่นทุกรายการไปมากถึง 34 นัด ถ้าจะมีอะไรผิดพลาดคือเขาไม่อาจผลิตสกอร์ได้เลย และทีมก็พลาดคว้าแชมป์ลีก เอิง ไปแบบน่าเจ็บปวด ย้อนรอย! แข้งที่เคยลงเล่นให้กับทั้ง บาร์ซ่า และ เปแอสเช

โรนัลดินโญ่

หนึ่งในนักเตะระดับตำนานของ บาร์เซโลน่า ที่ปฎิเสธไม่ได้เลยว่าเขาคือสุดยอด และเป็นคนที่แฟนบอล "อาซูลกราน่า" ยังคงรัก และเทิดทูนจนถึงวันนี้ เพราะเนื่องจากลีลาในสนามที่พริ้วไหว ชวนให้รื่นรมย์แล้ว ความสำเร็จคืออีกเครื่องการันตีว่า โรนัลดินโญ่ เป็นที่สุดของสโมสรแห่งนี้เช่นกัน โรนัลดินโญ่ ย้ายมาค้าแข้งในยุโรปเมื่อปี 2001 ภายหลังโชว์ผลงานได้อย่างโดดเด่นกับ เกรมิโอ ซึ่งทีมที่ได้ตัวไปครองนั้นก็คือ เปแอสเช โดยชีวิตในประเทศฝรั่งเศส "เจ้าเหยินน้อย" ก็ร่ายลีลาออกมาได้อย่างสุดสะเด่า ด้วยการซัดไป 25 ประตู พ่วงด้วย 17 แอสซิสต์ จากการลงเล่นทุกรายการ 77 นัด ตลอด 2 ปีในถิ่น ปาร์ค เดส์ แปรงซ์ ก่อนที่ในซัมเมอร์ 2003 บาร์เซโลน่า จะทุ่มเงินจำนวน 32 ล้านยูโร กระชากตัวไปโชว์ลีลาในถิ่นคัมป์ นู ซึ่งกับทีมนี้ โรนัลดินโญ่ ได้โชว์พิษสงออกมาแบบเพลินลูกตาแฟนบอลได้อย่างดีนักแล ก่อนที่จะเป็นกำลังสำคัญพาทีมกวาด 3 แชมป์ในฤดูกาล 2005-06 ประกอบไปด้วย ลาลีกา สเปน, สแปนิช ซุปเปอร์คัพ และ แชมเปี้ยนส์ รวมแล้ว โรนัลดินโญ่ ลงสนามให้ บาร์เซโลน่า ไปทั้งหมด 207 นัด ซัดไป 94 ประตู พ่วงด้วย 71 แอสซิสต์ ซึ่งถือว่าเป็นตัวเลขที่ยอดเยี่ยมไม่ใช่น้อย ก่อนที่จะย้ายออกจากสโมรไปในช่วงซัมเมอร์ 2008 ด้วยการไปซบอก เอซี มิลาน ด้วยค่าตัว 24 ล้านยูโร ซึ่งหลังจากนั้นเจ้าตัวก็ได้กลับไปเล่นในอเมริกาใต้ในปี 2011 ตระเวนเล่นให้กับทั้ง ฟูลมิเนนเซ่, แอตเลติโก มิเนโร่, เกเรตาโร่ ก่อนกลับมาปิดฉากอาชีพค้าแข้งกับ ฟูลมิเนนเซ่ ในปี 2015

ดานี่ อัลเวส

หนึ่งในดาวเตะที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดคนหนึ่งในโลกลูกหนัง เพราะไม่ว่าจะย้ายไปค้าแข้งกับสโมสรไหนสิ่งที่เราเห็นจนเป็นภาพชินตาแล้วก็คือการถ่ายรูปคู่กับโทรฟี่แชมป์ของเขา ดานี่ อัลเวส แจ้งเกิดอย่างเต็มตัวกับ เซบีย่า ภายหลังพาทีมโกยความสำเร็จในศึกยูโรปา ลีก ไปได้ถึง 2 สมัย รวมไปถึงแชมป์โก ปา เดล เรย์ ก่อนที่ บาร์เซโลน่า จะไปดึงตัวมาร่วมทัพในช่วงซัมเมอร์ปี 2008 ด้วยค่าตัว 35 ล้านยูโร ซึ่งช่วงเวลา 8 ปีในถิ่นคัมป์ นู บอกได้เลยว่า อัลเวส ได้สัมผัสทุกแชมป์ที่ได้ลงเล่นรวมแล้วมากถึง 23 โทรฟี่แชมป์ ก่อนที่จะหมดสัญญากับสโมสรในปี 2016 และย้ายไปร่วมทัพ ยูเวนตุส แบบฟรีเอเยนต์ หลังค้าแข้งในอิตาลีได้ปีเดียวเขาก็ถูก เปแอสเช ดึงตัวไปเสริมทัพ แม้ตอนนั้นจะอายุ 34 ปีแล้วก็ตาม แต่ทว่าเขายังคงไล่วิ่งกวดคู่แข่งราวกับเด็ก 25 ที่เพิ่งแจ้งเกิดก่อนนำมาซึ่งอีก 6 โทรฟี่แชมป์ในประเทศฝรั่งเศส จากนั้นอีก 2 ซีซั่นเจ้าตัวก็ย้ายกลับไปเล่นในบ้านเกิดกับ เซา เปาโล ก็ไม่วายคว้าแชมป์ คัมปิโอนาโต เปาลิสตา มาครองได้อีก 1 สมัย ย้อนรอย! แข้งที่เคยลงเล่นให้กับทั้ง บาร์ซ่า และ เปแอสเช

ซลาตัน อิบราฮิโมวิช

"พระเจ้า" ฉายาที่ อิบราฮิโมวิช หยิบยกขึ้นมาเพื่อสถาปนาตัวเอง ซึ่งมันก็ไม่มีใครกล้ายกมือเถียงถึงความยิ่งใหญ่ของเขาได้ เพราะไม่ได้เพียงเก่งแค่ฝีปาก แต่ฝีเท้าและความสำเร็จมันคือเครื่องการันตี  ซลาตัน แจ้งเกิดมาจากทีมในบ้านเกิดอย่าง มัลโม่ ก่อนเดินทางมาวาดลวดลายกับ อาแจ็กซ์ ซึ่งที่แห่งนี้ทำให้แฟนบอลได้รู้จักเขามากยิ่งขึ้น ก่อนที่จะถูก ยูเวนตุส ดึงตัวไปเสริมแกร่งในปี 2004 หลังจากนั้นได้ 2 ปี ด้วยกรณีที่ไม่ค่อยสวยงามส่งผลให้ทัพ "ม้าลาย" ต้องร่วงกลับไปเริ่มต้นใหม่ที่ลีกล่าง หัวหอกชาวสวีเดนก็ถูก อินเตอร์ มิลาน ดึงตัวไปเสริมทัพ จากนั้นในช่วงซัมเมอร์ 2009 บาร์เซโลน่า ก็จัดการดึงตัวหัวหอกรายนี้ไปร่วมทัพด้วยการทุ่มงบราว 65 ล้านยูโร เพื่อนำเข้ามาเป็นผู้ไล่ล่าประตูให้ทีม แต่ทว่าด้วยปัญหานอกสนามโดยเฉพาะกับ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า กุนซือของทัพ "อาซูลกราน่า" ในตอนนั้นทำให้เขาลงเล่นให้ บาร์ซ่า เพียงซีซั่นเดียวเท่านั้น ก่อนจะปล่อยไปให้ เอซี มิลาน ยืมตัว และปล่อยขาดในอีก 2 ปีให้หลัง จากนั้นช่วงซัมเมอร์ 2012 ก็เป็น เปแอสเช ที่ดึงตัวเข้ามาเสริมแกร่งให้กับทีม และ ซลาตัน ก็โชว์ลีลา ความเก๋าต่างๆ พาต้นสังกัดกวาดแชมป์ไปได้มากถึง 12 โทรฟี่แชมป์ ส่วนตัวของ ซลาตัน ก็รั้งเป็นดาวซัลโวตลอดกาลอันดับ 2 ของทีมด้วยจำนวน 156 ประตู  ซึ่งหลังหมดสัญญากับทีมในชัมเมอร์ปี 2016 ก็ย้ายไปร่วมทัพ แมนฯ ยูไนเต็ด ก่อนตะลอนไปถึงศึกเมเจอร์ลีก ซอคเกอร์กับ แอลเอ กาแล็คซี่ ก่อนกลับมาค้าแข้งในยุโรปอีกครั้งกับ เอซี มิลาน เมื่อฤดูกาลที่ผ่านมา

เนย์มาร์

ซุปเปอร์สตาร์ชาวบราซิลที่ปัจจุบันยังคงถือครองความเป็นนักเตะค่าตัวแพงที่สุดในโลกจำนวน 222 ล้านยูโร เมื่อครั้งย้ายจาก บาร์เซโลน่า มาร่วมทัพ เปแอสเช เมื่อซัมเมอร์ปี 2017 ย้อนกลับไปเมื่อครั้งที่ เนย์มาร์ ยังคงสวมใส่เครื่องแบบของ บาร์เซโลน่า เขาคือหนึ่งในฟันเฟืองสำคัญของ 3 ประสาน MSN ที่มีรุ่นพี่สมาชิกใหม่ของ เปแอสเช อย่าง เมสซี่ รวมอยู่ด้วย ซึ่งการประสานงานกันครั้งนั้นถือว่าเป็นแนวรุกที่ดีที่สุดในโลกลูกหนังทีมนึงเลยก็ว่า ทั้งลีลาการเล่น, การประสาน และจำนวนประตู ทุกอย่างมันออกมาลงตัว พร้อมด้วยโทรฟี่แชมป์ที่เป็นเครื่องยืนยันถึงความยอดเยี่ยม แต่ทว่า เนย์มาร์ ถึงซัมเมอร์ 2017 เจ้าตัวตัดสินใจที่จะย้ายสโมสรก่อนที่จะเป็น เปแอสเช ที่เข้ามาเจรจาพร้อมจบดีลด้วยราคา 22 ล้านยูโร และยืนยงคงกระพันเป็นสถิติโลกจวบจนทุกวันนี้ ทิ้งสถิติการลงเล่นให้กับ บาร์ซ่า ไว้ทั้งหมด 186 นัด ซัดไป 105 ประตู กับทำอีก 76 แอสซิสต์ ส่วนชีวิตในกรุงปารีสแม้จะมีเรื่องราวเข้ามารบกวนอยู่ตลอดเวลา แต่ทว่าเขาก็พิสูจน์ตัวเองให้เห็นแล้วว่าพร้อมก้าวขึ้นมาเป็นพี่ใหญ่ของทีม และใช้ผลงานในสนามเป็นเครื่องพิสูจน์ถึงความทะเยอทะยานโดยเฉพาะความสำเร็จที่สโมสรโหยหาเป็นอย่างมากอย่างโทรฟี่ แชมเปี้ยนส์ลีก ย้อนรอย! แข้งที่เคยลงเล่นให้กับทั้ง บาร์ซ่า และ เปแอสเช

ลิโอเนล เมสซี่

ดีลที่เพิ่งเกิดขึ้นแบบสดๆ ร้อนๆ ท่ามกลางความสนใจของแฟนบอลทั่วโลก การย้ายมายัง เปแอสเช ของ ลิโอเนล เมสซี่ ถือว่าเป็นอีกหนึ่งหน้าประวัติศาสตร์ของวงการฟุตบอลเลยก็ว่าได้ เพราะตลอดระยะเวลาหลายปีปฎิเสธไม่ได้เลยว่า เมสซี่ คือไอคอนของ บาร์เซโลน่า ที่แฟนบอลนึกถึงสโมสรแห่งนี้เมื่อไหร่ ชายชาวอาร์เจนติน่าผู้นี้จะถูกหยิบยก และนึกถึงเป็นอย่างแรกเสมอ แม้จะไม่เคยคาดคิดจะจะต้องแยกทางกัน แต่ทว่าทุกอย่างมันมีวิถีทาง และการก้าวเดินต่อไปข้างหน้า ความสำเร็จของ เมสซี่ ในคราบของ บาร์เซโลน่า ไม่ต้องพูดอะไรให้มากความทั้งเรื่องสถิติต่างๆ, จำนวนประตู และ โทรฟี่แชมป์ เพราะเชื่อว่าทุกคนรับรู้ถึงความยิ่งใหญ่ของตำนานผู้นี้เป็นอย่างดี ต่อจากนี้สิ่งที่น่าสนใจคือ เปแอสเช จะเดินไปข้างหน้าได้สุดท้ายหรือไม่ในเรื่องของการประสบความสำเร็จเมื่อมีสตาร์ผู้นี้เข้าสู่ทีม โดยเฉพาะโทรฟี่ แชมเปี้ยนส์ลีก ที่เหล่าผู้บริหาร และแฟนบอลต่างถวิลหามาแสนนาน รวมไปถึงสิ่งต่างๆ ที่กำลังจะตามมาจากอิทธิของ เมสซี่ ในวันที่เขาย่างก้าวมายังศึกลีก เอิง ฝรั่งเศส

- Paolinho -

logoline