logo-heading

ประเด็นใหญ่ที่กำลังเป็น ทอล์ค ออฟ เดอะ ทาวน์ ณ เวลานี้ในช่วงโค้งสุดท้ายของตลาดนักเตะก็คือเรื่องราวของ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ที่ปฏิเสธ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ แล้วกลับไปซบอก แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ชนิดพลิกกันหลายตลบ

Wayne Rooney: The season defining moments from his decade at Manchester  United | The Independent | The Independent ย้อนอดีตกลับไปจริงๆ ก็มีตำนานและอดีตผู้เล่นของพลพรรค "ปีศาจแดง" อยู่หลายคนที่ได้โอกาสทั้งการค้าแข้งกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ไม่ว่าจะเป็น ไบรอัน คิดด์, แอนดี้ โคล, โอเว่น ฮาร์กรีฟส์, ปีเตอร์ ชไมเคิ่ล, เดนิส ลอว์ และ คาร์ลอส เตเวซ รวมไปถึง จาดอน ซานโช่ ที่เพิ่งเซ็นสัญญากระชากตัวมาสดๆ ร้อนๆ ก็เคยเป็นเด็กเก่าในรั้วอคาเดมี่ของ "เรือใบสีฟ้า" เช่นกัน นอกเหนือจากที่เอ่ยมาแล้วมันก็ยังมีผู้เล่นคนดังของ แมนฯ ยูไนเต็ด อีกหลายต่อหลายคนที่เคยเข้าข่ายว่าเกือบเก็บข้าวของ เซย์ กู๊ดบาย และย้ายไปค้าแข้งกับคู่ปรับร่วมเมืองเช่นกันซึ่งหนึ่งในนั้นก็มีชื่อของ เวย์น รูนี่ย์ อยู่ด้วย และนี่ก็คือสิ่งที่วันนี้ทางเรา "ขอบสนาม" จะนำอดีตของผู้ชายคนนี้นี้มาเล่าสู่กันฟังแด่เพื่อนพี่น้องทุกคนกันครับ ถึงจะเป็นผลผลิตที่เติบโตจากอคาเดมี่ของ "ทอฟฟี่สีน้ำเงิน" เอฟเวอร์ตัน แต่ช่วงชีวิตบนเส้นทางอาชีพค้าแข้งส่วนใหญ่ของ เวย์น รูนี่ย์ นั้นอยู่ที่ โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จน "เสี่ยหมู" คนนี้ถูกจดจำในฐานะหนึ่งในตำนานผู้ยิ่งใหญ่ และเป็นหนึ่งในไอคอนตลอดกาลของ "ปีศาจแดง" กับช่วงเวลา 13 ฤดูกาล ลงสนามรับใช้ต้นสังกัดไปทั้งหมด 559 นัด ยิงได้ 253 ประตู ครองตำแหน่งดาวซัลโวสูงสุดตลอดกาลบนหน้าประวัติศาสตร์ของสโมสรแต่เพียงผู้เดียว  การระเบิดสกอร์ที่ถล่มทลาย การสร้างความแตกต่างบนสนามต่างๆ นาๆ บวกกับการเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยให้ แมนฯ ยูไนเต็ด เถลิงบัลลังก์แชมป์ถึง 16 โทรฟี่ แน่นอนว่านั่นได้ทำให้เขาถูกจดจำในฐานะฮีโร่ แต่ด้วยวีรกรรมหรือนิสัยไม่ดีในบ้างเรื่องมันก็ทำให้เขาถูกมองว่าเป็นผู้ร้ายเช่นกัน หนึ่งในเหตุการณ์ที่น่าจดจำต้องย้อนกลับไปตอนปี 2010 เมื่อจู่ๆ เวย์น รูนี่ย์ ได้เข้าไปแจ้งกับทางสโมสรและตัวของ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน พาพี่แกต้องการขึ้นบัญชีย้ายออกจากทีมซึ่งนั่นได้สร้างความตกตะลึงให้แก่แฟนบอลทั่วทั้งโลก ไม่ใช่แค่สาวก "เร้ด เดวิลส์" เท่านั้น ส่วนเรื่องของที่มาที่ไปว่ากันว่ามีหลายสิ่งที่เชื่อมโยงกัน แต่หลักๆ ก็คือการเสริมทัพที่น่าผิดหวัง เพราะเหมือนกับว่าตอนนั้น รูนี่ย์ จะรู้สึกเคืองสุดๆ กับการที่ แมนฯ ยูไนเต็ด ไม่สามารถเซ็นสัญญาคว้าตัวนักเตะระดับท็อปได้เลย ก่อนจะลามไปถึง ตระกูลเกลเซอร์ ที่บริหารทีมได้ห่วยแตก ไม่ทุ่มเทแรงใจอะไรเลยนอกจากสนใจแค่เรื่องของ เงิน และผลกำไรเท่านั้น จากที่คิดว่าแน่ ๆ กลายเป็น อะไรก็เกิดขึ้นได้ ผิดกับทาง แมนฯ ซิตี้ ที่กำลังอยู่ในยุคสร้างทีมใหม่โดยใช้เงินซื้อความสำเร็จ หลังจากได้มหาเศรษฐีอย่าง ท่าน ชีค มานซูร์ มาเทคโอเวอร์ ก่อนจะเล่นกวาดเหล่าแข้งดังๆ ไปร่วมทีมกันยกใหญ่โครมครามและแน่นอนว่า เวย์น รูนี่ย์ ก็ตกเป็นหนึ่งในทาร์เก็ตด้วย ในช่วงที่ เวย์น รูนี่ย์ เหมือนจะมีปัญหาด้านความสัมพันธ์กับ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน รวมไปถึงเหล่าบุคลากรจากทางทีมสปอนเซอร์อย่าง ไนกี้ ท่ามกลางข่าวขอย้ายออกจาก แมนฯ ยูไนเต็ด ตอนนั้น แมนฯ ซิตี้ ตกเป็นข่าวพร้อมทุ่มเงินจำนวนมหาศาล พร้อมกับเปย์ค่าเหนื่อยให้ในจำนวนมหาศาลที่ 250,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์ ด้วยการเสริมทัพที่โดดเด่นเกินหน้าเกินตาชาวบ้านเขามันก็ทำให้ แมนฯ ซิตี้ เจอกับความกดดันจากทาง ยูฟ่า เกี่ยวกับความเสี่ยงที่จะละเมิดกฏ "ไฟแนนเชี่ยล แฟร์ เพลย์" นั่นก็เลยทำให้ "เรือใบสีฟ้า" ต้องจัดการกับเรื่องรายจ่ายและเพดานค่าเหนื่อย ว่ากันว่าพวกเขาพร้อมโละ โรเก้ ซานตา ครูซ กับ เครก เบลลามี่ ทิ้งทันที เพื่อเปิดทางให้กับการมาของ เวย์น รูนี่ย์ อย่างไรก็ตาม แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ไม่ใช่สโมสรเดียวที่มีข่าวว่าอยากได้ เวย์น รูนี่ย์ เพราะมันยังมี เชลซี ของ คาร์โล อันเชล็อตติ, เรอัล มาดริด ของ โชเซ่ มูรินโญ่ รวมถึง บาร์เซโลน่า ร่วมวงอยู่ด้วย ก่อนที่สุดท้ายเรื่องทุกอย่างจะจบลงด้วยการที่ เวย์น รูนี่ย์ ต่อสัญญาฉบับใหม่กับทาง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และอยู่โลดแล่นยาวๆ จนกลายเป็นตำนานของสโมสร "ผมคิดว่าทุกคนทราบดีว่า เชลซี กับ มูรินโญ่ เคยอยากได้ผมไปร่วมทีม และมันยังมี เรอัล มาดริด กับ บาร์เซโลน่า ด้วย ส่วนข่าวกับ แมนฯ ซิตี้ มันเคยโผล่ออกมาเรื่อยๆ ก็จริง แต่ผมไม่เคยมีความคิดที่จะย้ายไปเล่นกับที่นั่นเลย จริงอยู่ที่ว่ามันมีข่าวลือเกี่ยวกับ แมนฯ ซิตี้ อยู่บ้าง แต่อีก 3 ทีมเป็นทางเลือกที่ดูมีโอกาสเป็นไปได้จริงๆ มากกว่า" "ตอนนั้นในช่วง 2 วันที่ทำการเจรจากับทีม ผมพร้อมที่จะย้ายไปเล่นใน สเปน มากๆ ส่วนตัวแล้วผมอยากย้ายไปอยู่กับ บาร์เซโลน่า แต่ถ้ามองตามความเป็นจริง มันดูเหมือนกับว่าผมจะมีโอกาสไป เรอัล มาดริด มากกว่า ขณะที่ เชลซี ก็อยู่ในกลุ่มทีมที่มีลุ้นอยู่เหมือนกัน พูดตรงๆ เลยก็แล้วกัน มันเป็นช่วง 2-3 วันที่มีแต่การเจรจาระหว่างผมกับพวกเขา หรือไม่ก็ระหว่างเอเยนต์ของผมกับทีม" "ผมเคยวาดฝันไปแล้วว่าผมกำลังเล่นให้ บาร์เซโลน่า ชุดที่มีทั้ง เมสซี่, ชาบี, อิเนียสต้า และ บุสเก็ตส์ ตอนนั้น เมสซี่ ไม่ได้เล่นด้วยแนวทางอย่างตอนนี้ สมัยนั้นเขาเล่นตรงริมเส้น ผมคิดด้วยซ้ำว่าผมจะเข้ากับทีมได้อย่างสมบูรณ์แบบ ผมน่าจะปรับตัวเข้ากับเรื่องต่างๆ ได้ดี และจะมีอีกหลายคนคอยวิ่งสนับสนุนอยู่ด้านหลัง" นี่คือความในใจและเป็นการสรุปเรื่องราวทั้งหมดจากปากของตัว เวย์น รูนี่ย์ เองเลย พี่แกยอมรับออกมาตรงๆ ว่า มีช่วงหน้ามืดและอยากย้ายออกจาก แมนฯ ยูไนเต็ด จริงๆ และความสนใจพวก แมนฯ ซิตี้, เชลซี, เรอัล มาดริด และ บาร์เซโลน่า มันก็เป็นเรื่องจริง มีเพียงเรื่องของเหตุผลที่ รูนี่ย์ ไม่ได้แจ้งว่าทำไมถึงอยากไปจาก "ปีศาจแดง" ที่ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ไม่ถูกมองว่าเป็นสถานีต่อไปของ เวย์น รูนี่ย์ ณ ตอนนั้นอาจจะเป็นเพราะเจอกระแสการโต้แย้งและกดดันจากแฟนบอล หลายคนมองว่าการย้ายไป "เรือใบสีฟ้า" เพื่อเงิน จะเป็นการก้าวถอยหลังในอาชีพ และหลายๆ คนก็ไม่อยากให้เขาต้องเจอชะตากรรมเดียวกับ คาร์ลอส เตเวซ ที่ถูกตราหน้าว่าเป็น "ไอ้คนทรยศ" ซึ่งมันก็คล้าย ๆ กับ กรณีของพี่โด้ล่าสุดนี่ล่ะครับ ที่สุดท้ายก็เกือบอยู่แล้ว แต่ว่าก็กลับมาครองรักกับทีมเดิม แบบ แฮปปี้ เอนดิ้ง

HaMu Dos Santos 

logoline