logo-heading

ถ้าพูดถึงดีลการยื่นข้อเสนอที่แปลกประหลาด แต่เป็นตำนานจนถึงทุกวันนี้ คงต้องยกให้เป็นดีล อาร์เซน่อล ที่เคยคิดคว้าตัว หลุยส์ ซัวเรซ อดีตหัวหอก ลิเวอร์พูล สนนราคา 40 ล้านปอนด์ กับอีก 1 ปอนด์

ปกติแล้ว ในศึก พรีเมียร์ลีก อังกฤษ บรรดาทีมยักษ์ใหญ่ ไม่ค่อยยื่นหอกให้กับศัตรูกันหรอกครับ เพราะมันอาจเกิดเคสแบบ โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ ที่ย้ายจาก ไอ้ปืนใหญ่ ไปคว้าแชมป์กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด หรือ แบบที่ ลิเวอร์พูล ไม่มีทางเลือก ต้องจำใจเสีย เฟร์นานโด ตอร์เรส ไปให้กับ เชลซี

แต่ในดีลของ ซัวเรซ นั้น ทางบอร์ดบริหาร หงส์แดง เหมือนเต็มใจพร้อมขายให้ อาร์เซน่อล ถ้าหากยื่นมาในราคาที่ตั้งไว้ แต่กระนั้นกลับมีเสียงกระซิบทำให้ ไอ้ปืนใหญ่ ยื่นข้อเสนอที่แปลกประหลาดครั้งหนึ่งชนิดที่โลกฟุตบอลต้องจดจำ ย้อนกลับไปปลายฤดูกาล 2012-13 หลุยส์ ซัวเรซ สร้างวีรกรรมฉาวไปทั่วโลก เมื่อเขาไปกัดไหล บรานิสลาฟ อิวาโนวิช กองหลัง เชลซี จนถูก สมาคมฟุตบอลอังกฤษ สั่งแบนห้ามลงสนาม 10 นัด ซึ่งตอนนั้นเหลืออีก 4 นัดจะจบซีซั่น เท่ากับว่าบทลงโทษ มันจะลากยาวมาจนถึงซีซั่นใหม่ อีก 6 นัด ตอนนั้น สโมสรและแฟนบอล เดอะ ค็อป เริ่มมีบางกลุ่มที่ไม่พอใจพฤติกรรมของ ซัวเรซ สักเท่าไหร่ เพราะต่อให้เขาจะเป็นกองหน้าตัวความหวัง แต่ก่อนหน้านี้ทั้งคดีเหยียดผิวกับ ปาทริซ เอวร่า และ ไหนจะมีงับแขน อิวาโนวิช แบบจมเขี้ยว ซึ่งมันส่งต่อภาพลักษณ์ ลิเวอร์พูล ที่มีชื่อเสียงไปทั่วทุกมุมโลกล้วนๆ จึงเริ่มมีกระแสให้ปล่อยตัว ซัวเรซ ออกจากทีม อย่างไรก็ตาม ขณะเดียวกัน ใจของ "คิงหลุยส์" ก็คิดที่จะขยับขยายออกจากถิ่นแอนฟิลด์ เหมือนกัน เพราะตอนนั้นไม่มีวี่แววเลยว่า ลิเวอร์พูล จะใกล้เคียงกับความสำเร็จ ในฤดูกาล 2012-13 หลุยส์ ซัวเรซ ในสีเสื้อของ ลิเวอร์พูล โชว์ฟอร์มยิงระเบิดไปถึง 30 ประตู รวมทุกรายการ ถึงแม้จะเป็นสถิติการซัลโวอันสุดยอด แต่ในด้านความสำเร็จของสโมสร กลับล้มเหลวไม่มีชิ้นดี เพราะ หงส์แดง ในยุค เบรนแดน ร็อดเจอร์ส จบเพียงอันดับ 7 ของตาราง เท่านั้น เก็บไปได้แค่ 61 คะแนน ตามหลัง แมนฯ ยูไนเต็ด คู่ปรับตลอดกาล ที่เป็นแชมป์ปีนั้น ถึง 28 คะแนน พลาดแชมป์ พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ยังไม่พอ ยังไม่ได้โควต้าไปเล่นเกมยุโรป แม้กระทั่ง ยูโรปา ลีก ฟุตบอลถ้วยก็กระเด็นตกรอบไปหมด ดังนั้นมันจึงเป็นเหมือนสัจธรรมที่ ซัวเรซ อาจจะคิดย้ายทีม เพื่อโอกาสประสบความสำเร็จในชีวิตค้าแข้ง ไม่ใช่ว่า ซัวเรซ ไม่รักสโมสร เขาทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมกับ ลิเวอร์พูล จนมีชื่อติดทีมยอดเยี่ยม พรีเมียร์ลีก ในฤดูกาลนั้น ต่อให้จะต้องโดนแบน 4 นัดสุดท้าย แต่เขาคงคิดในใจว่า สถานการณ์ของ หงส์แดง กำลังย่ำแย่ ยากมากที่จะประสบความสำเร็จในเวทีใหญ่ๆ หรือ แค่ได้ลงเล่น ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ก็ยังไม่มีวี่แวว การย้ายทีมอาจเป็นเเรื่องตอบโจทย์ เมื่อเป็นเช่นนั้น ทีมยักษ์ใหญ่ที่มีโควต้า ยูซีแอล ตามที่ ซัวเรซ ก็ยื่นเข้ามา ซึ่งทีมนั้นก็คือ อาร์เซน่อล เนื่องจาก อาร์แซน เวนเกอร์ อยากได้หัวหอกตัวเทพ เข้ามาทดแทนการจากไปของ โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ จากพฤติกรรมของ ซัวเรซ บวกกับ นักเตะอยากย้ายทีม ทำให้ ลิเวอร์พูล เริ่มมีความคิดที่จะปล่อยตัวดาวเตะทีมชาติอุรุกวัย ออกไป ไอ้ปืนใหญ่ เดินเกมหมากแรก ด้วยการหยั่งเชิงยื่นข้อเสนอไปที่ 25 ล้านปอนด์ อาจจะดูเป็นเงินน้อยนิด หากเทียบกับฝีเท้า และ ราคานักเตะสมัยนี้ แต่ตอนนั้นหากได้ตัว นับว่าเป็นราคาที่เป็นสถิติสโมสร อาร์เซน่อล และ ลิเวอร์พูล จะได้กำไรประมาณ 3 ล้านปอนด์ จากตอนที่ซื้อตัวมาจาก อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม อย่างไรก็ตาม หงส์แดง ได้ปฏิเสธข้อเสนอทันที โดย บีร็อด ได้ให้สัมภาษณ์ไว้ว่า "คุณลองพิจารณาดูนะ ถ้าหาก เอดินสัน คาวานี่ ย้ายไปอยู่กับ ปารีส ด้วยราคา 55 ล้านปอนด์ ซึ่ง หลุยส์ อยู่ในระดับฝีเท้าเดียวกัน ฉะนั้นค่าตัวก็ต้องสมเหตุสมผลกัน เพราะข้อเสนอที่ยื่นมาไม่ได้ใกล้เคียงกับฝีเท้าของนักเตะเลย" เห็นไหมครับว่า การให้สัมภาษณ์ของ ร็อดเจอร์ส ก็ไม่ได้ปฏิเสธเรื่องการย้ายทีม แค่ขอให้ อาร์เซน่อล ยกระดับข้อเสนอขึ้นมาหน่อย ว่ากันว่าตอนนั้น ลิเวอร์พูล มีราคาปล่อย ซัวเรซ อยู่ในใจประมาณ 50 ล้านปอนด์  อย่างที่บอกครับ ยุคนั้น 50 ล้านปอนด์ ถือว่าแพงเว่อมาก ทำให้ อาร์เซน่อล ไม่กล้าเพิ่มเม็ดเงินขนาดมหาศาล โดยครั้งที่ 2 จึงยื่นไปที่เรตราคา 35 ล้านปอนด์ แต่แน่นอนครับ ข้อเสนอนี้ ลิเวอร์พูล ปัดตกโต๊ะไปในทันที โดยไม่ยอมเจรจารต่อรองด้วย การปฏิเสธข้อเสนอจาก อาร์เซน่อล ของ ลิเวอร์พูล สร้างความไม่พอใจให้กับนักเตะ รวมถึงบอร์ดบริหาร "ไอ้ปืนใหญ่" เพราะยื่นไปแค่ไหน หงส์แดง ก็ไม่ยอมสักที จึงถือกำเนิดตัวละครที่ 3 ขึ้นมา ชื่อว่า เปเร่ กวาร์ดิโอล่า เอเยนต์ส่วนตัวของ ซัวเรซ เปเร่ กวาร์ดิโอล่า เป็นคนคาบข้อมูลไปบอก อาร์เซน่อล ว่า หลุยส์ ซัวเรซ มีเงื่อนไขอยู่ในสัญญาว่า "สามารถไปเจรจากับทีมไหนก็ได้ โดยที่ ลิเวอร์พูล ไม่มีสิทธิ์ขัดขวาง ถ้าหากสโมสรไม่ผ่านไปเล่น ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก และ ได้รับข้อเสนอเป็นเงินมากกว่า 40 ล้านปอนด์ " เมื่อทราบเช่นนั้น ไอ้ปืนใหญ่ ไม่ยอมเอาเงิน 50 ล้านปอนด์ ไปให้ตามที่ ลิเวอร์พูล ต้องการแน่นอน จึงปฏิบัติการอันลือลั่น แฝงความกวนบาทา ที่ หงส์แดง มัวแต่ดึงเชิง ด้วยการยื่นข้อเสนอแบบหัวหมอ แบบที่ไม่เคยมีใครทำมาก่อนคือ 40 ล้านปอนด์ + 1 ปอนด์ เป็นอันว่าเกินเงื่อนไขแบบที่ เอเย่นต์ แจ้งไว้ มา 1 ปอนด์ สามารถเจรจากับ ซัวเรซ ได้ทันที ถึงแม้มันจะเป็นดีลที่ตลกโปกฮา แต่ว่าการเจรจาระหว่าง อาร์เซน่อล กับ ซัวเรซ ได้เกิดขึ้นจริง ถึงขั้นที่สามารถบรรลุข้อตกลงส่วนตัวกันได้แล้ว โดย หม่อมเหยิน จะได้เงินค่าจ้าง 150,000 ต่อสัปดาห์ นับว่าสูงกว่าที่รับกับ ลิเวอร์พูล อีกด้วย ส่วนใหญ่ เวลาตกลงสัญญาส่วนตัวกันแล้ว เรื่องการย้ายทีมก็ไม่น่าผิดพลาดใช่ไหมครับ ? แต่กับเคสนี้ ผิดมหันต์ เพราะมันมีการสืบสาวราวเรื่องว่า ลิเวอร์พูล ไม่เคยใส่เงื่อนไขฉีกสัญญา เพียงแต่ออปชั่นที่ระบุไว้นั้น มันคือ "แค่เริ่มเจรจา หากมีทีมไหนยื่นมามากกว่า 40 ล้านปอนด์" ดังนั้น ซัวเรซ จะได้ย้ายทีมหรือไม่ ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของ บอร์ดบริหาร หงส์แดง แต่เพียงผู้เดียว นั่นแหละครับ ข้อเสนอที่ อาร์เซน่อล ยื่นมา มันไม่มีใครทำกัน และ มันเป็นเหมือนไม่ให้ความเคารพต่อคู่ค้า ยิ่งยื่นมาแบบนี้ กลับทำให้ ลิเวอร์พูล โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ เพราะเหมือนเป็นการเหยียดหยาม จากนั้น หงส์แดง ปฏิเสธทุกข้อเสนอจาก เดอะ กันเนอร์ส ที่ยื่นมา ความหวังของ ซัวเรซ ที่จะออกจากแอนฟิลด์ พังทลาย เมื่อ อาร์เซน่อล ไม่ได้ด้วยเล่ห์ ก็ตัดสินใจ "เอาด้วยกล" โดยการไปบีบคั้นนักเตะให้งอแงขอย้ายสโมสร ซึ่งเหมือนจะได้ผล เพราะ คิงหลุยส์ ดูเป็นคนซังกะตาย ไม่มีจิตใจจะซ้อมบอล พร้อมกับหักหน้า "ร็อดเจอร์ส" ผ่านสื่อว่า "บอสไม่รักษาสัญญา ไหนว่าจะปล่อยให้ตนเองย้ายทีม" เท่านั้นแหละครับ ซัวเรซ ถูกจับแยกไปซ้อมเดี่ยว เพื่อปรับพฤติกรรม เรื่องราวเหมือนจะบานปลาย แต่แล้วก็มีพระเอกขี่ม้าขาว มาช่วยให้เรื่องการย้ายทีม 40 ล้านปอนด์ + 1 ปอนด์ สิ้นสุดลง ก็คือ สตีเว่น เจอร์ราร์ด ตำนานกัปตันทีม ลิเวอร์พูล ที่เป็นคนโน้มน้าวใจให้ ซัวเรซ เลือกอยู่กับทีมต่อ ซัวเรซ ได้ย้อนถึงคำพูดของ เจอร์ราร์ด ไว้ว่า "สตีเว่น ได้บอกผมกับว่า ถ้าหากคุณอยู่ที่นี่ต่อ อนาคตของคุณจะได้ไปเล่นกับ บาเยิร์น มิวนิค, บาร์เซโลน่า, เรอัล มาดริด หรือ ที่ไหนก็ได้ที่คุณต้องการ แต่อยู่กับ ลิเวอร์พูล อีกสักปีเถอะ เพราะต่อให้ไปอยู่กับ อาร์เซน่อล มันก็ไม่ได้ถือว่าดีขึ้นสำหรับนายหรอกนะ ซึ่งคำพูดของ สตีเว่น มันโน้มน้าวใจผมมากในตอนนั้น เพราะมันมาจากคนหนึ่งคนที่ใส่ใจผมแบบสุดๆ และมันคือคำที่ออกมาจากปากกัปตัน" เพียงไม่กี่วันหลังจากนั้น ดีลระหว่าง อาร์เซน่อล กับ ซัวเรซ ก็จบลง เขากลับมาซ้อมกับ ลิเวอร์พูล ด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม และ ต่อมา คิงหลุยส์ ก็สร้างผลงานอันลือลั่น ยิงไป 31 ประตู จาก 33 นัด บนเวที พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ทั้งๆที่ต้องชดใช้โทษแบนถึง 6 นัด ในช่วงออกสตาร์ทซีซั่น 2013-14 เขาเกือบนำ ลิเวอร์พูล เป็นแชมป์ พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ครั้งแรกในประวัติศาสตร์ แต่ไปสะดุดหกล้มในช่วงท้าย ทำให้ต้องเข้าป้ายเป็นรองแชมป์เท่านั้น โดยในปีต่อมา ซัวเรซ ก็ได้ย้ายไปอยู่กับ บาร์เซโลน่า และ สร้างตำนานไว้มากมาย โดยเฉพาะการสถาปนาตัวเองเป็นดาวยิงระดับโลก เหมือนอย่างที่ เจอร์ราร์ด เคยพูดเอาไว้ และ สุดท้าย ดีล 40 ล้าน กับอีก 1 ปอนด์ ก็ถูกทิ้งไว้เป็นเพียงแค่ความหลัง ให้ผู้คนได้ย้อนนึกถึง ว่าครั้งหนึ่งก็เคยมีการยื่นข้อเสนอแบบนี้เกิดขึ้นในโลก วันนั้นถ้า อาร์เซน่อล ตัดสินใจยื่นข้อเสนอ 50 ล้านปอนด์ ตามที่ ลิเวอร์พูล ต้องการ ประวัติศาสตร์ก็อาจจะเปลี่ยนไปอีกรูปแบบหนึ่ง

ฮาย ฮาวดี้

logoline