logo-heading

ขึ้นแท่นเป็นนักเตะหมายเลข 1 ของโลกที่กระหน่ำประตูในนามทีมชาติได้มากที่สุดตลอดกาลสำหรับ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ภายหลังเหมาคนเดียว 2 ประตู ในเกมคัดบอลโลกเมื่อค่ำคืน (1 ก.ย.) ที่ผ่านมา

ทำให้ยอดรวมของ CR7 ในตอนนี้กับทีมชาติโปรตุเกสขึ้นไปแตะอยู่ที่ 111 ประตู แซงหน้าเจ้าของสถิติเดิมอย่าง อาลี ดาอี ตำนานดาวยิงทีมชาติอิหร่านที่เคยทำให้ 109 เป็นที่เรียบร้อย ซึ่งแน่นอนตัวเลขมันจะไม่ได้หยุดแค่เพียงเท่านั้น หนำซ้ำมันจะยังคงเดินหน้าเก็บสถิติไปเรื่อยๆ แบบไม่มีทางคาดเดาได้ว่าจะไปสิ้นสุดที่ตรงไหน ย้อนกลับไปเส้นทางทีมชาติของ โรนัลโด้ ถือว่าออกจากจุดสตาร์ทเร็วมากพอสมควรเพราะเขาถูกเรียกตัวมาติดทัพ "ฝอยทอง" ครั้งแรกตอนนั้นเพิ่งอายุเพียง 18 ปี เท่านั้น ซึ่งเกิดขึ้นในเกมอุ่นเครื่องที่พบกับ คาซัคสถาน โดยเขาถูกส่งลงสนามในฐานะตัวสำรองในช่วงครึ่งหลังแทนที่ของ หลุยส์ ฟิโก้  ซึ่งนั่นคือจุดเริ่มต้นของตำนานบทใหม่ ที่ตอนนั้นไม่มีใครคาดคิดว่าเด็กหนุ่มผอมแห้งคนนั้นจะก้าวเดินมาได้ไกลมากขนาดนี้ จากนั้นเขาก็ถูกเรียกใช้บริการจาก หลุยส์ ฟิลิปเป้ สโคลารี่ อยู่บ่อยครั้ง ซึ่งก็เหมือนเป็นการลองเชิง ลองทีมไปในตัวก่อนที่ศึกยูโร 2004 ที่โปรตุเกสเป็นเจ้าภาพ แม้ช่วงแรกๆ จะยังไม่มีประตูมาฝากแฟนบอล แต่ผลงานโดยรวมของ โรนัลโด้ จัดได้ว่ายอดเยี่ยม และถูกจริตของผู้เป็นโค้ชมากเลยทีเดียว ว่าแล้วในศึกชิงแชมป์ยุโรปปี 2004 โรนัลโด้ มีชื่อติดทีมชาติโปรตุเกสในชุดไล่ล่าความสำเร็จบนแผ่นดินเกิดของตัวเอง แน่นอนว่าในวันนั้นแสงสปอร์ตไลท์ยังไม่ได้สอดส่องไปที่ตัวเขามากเท่าไหร่นัก เนื่องด้วยคำว่า "ดาวรุ่ง" มันยังคงมีอะไรหลายๆ อย่างให้พิสูจน์โดยเฉพาะความสำเร็จ และการเป็นแข้งความหวังของทีมชาติ แต่เพียงเกมแรกที่ออกสตาร์ทในทัวร์นาเมนต์ใหญ่ โรนัลโด้ ก็สามารถจัดการเปิดซิงประตูแรกได้สำเร็จ แพ้เกมในวันนั้นทัพ "ฝอยทอง" จะพ่ายให้ กรีซ 1-2 แต่นั่นคือประตูแรกจาก 111 ประตูในวันนี้ที่เขาเริ่มขีดเขียนประวัติศาสตร์ด้วยสองเท้าของตัวเอง แม้ในศึกครั้งนั้น โปรตุเกส จะไปไม่ถึงฝั่งฝันเพราะต้องเป็นฝ่ายอกหักพ่ายในรอบชิงชนะเลิศต่อ กรีซ 1-0 ภาพเด็กหนุ่มที่ร่ำไห้อยู่กลางสนาม พร้อมใบหน้าที่แดงก่ำแสดงความผิดหวังออกมาแบบขั้นสุด ใครจะรู้ว่าการไม่ได้เอื้อมมือไปสัมผัสโทรฟี่แชมป์ในวันนั้น มันจะเหมือนเป็นส่วนหนึ่งของแรงผลักดันให้เขาทำงานอย่างหนักเพื่อกลับมาล้างแค้น และคว้าแชมป์ใบนี้มาครองให้ได้ในสักวัน โค้งคำนับ! สดุดี โรนัลโด้ ในวันขึ้นแท่นดาวยิงสูงสุดในนามทีมชาติ จากทัวร์นาเมนต์แรกในนามทีมชาติ โรนัลโด้ แจ้งเกิดได้อย่างเป็นทางการ ก่อนที่หลังจากนั้นเขาจะเป็นขาประจำของทีมชาติที่ทีมไม่อาจขาดเขาไปได้ จากประตูแรกที่ทำได้ หลังจากนั้นก็เริ่มหลั่งไหลเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนกลายเป็นภาพชินตากับการที่ โปรตุเกส ต้องมี โรนัลโด้ เป็นเหมือน "เดอะ แบก" ในการทำประตู ไม่ว่าจะการแข่งขันในรายการอะไร โรนัลโด้ เต็มที่เสมอเพื่อทีมชาติของตัวเองอยู่เสมอ จากความผิดหวังเมื่อครั้งนั้น สู่ความสำเร็จในศึกยูโรในอีก 12 ปี ให้หลัง ด้วยการพาทัพ "ฝอยทอง" ที่ไม่ได้ถูกยกย่องว่าเป็นเต็งแชมป์เถลิงบังลังก์แชมป์ยูโร 2012 ได้อย่างสมเกียรติ พร้อมปิดปากคำวิจารณ์ต่างๆ ว่าเขาไม่ประสบความสำเร็จกับทีมชาติได้อย่างสวยงาม จากนั้นถ้วยรางวัลกับทีมชาติ โรนัลโด้ ก็ซิวโทรฟี่เนชั่นส์ ลีก มาครองได้อีก 1 สมัย แม้จะไม่ได้รับการพูดถึงมากเท่าไหร่ แต่ก็เป็นอีกเครื่องพิสูจน์ความสำเร็จของเขาในนามทีมชาติอีกครั้ง ส่วนในเครื่องผลงานส่วนการเดินหน้าสร้างสถิติยิงประตูอาจเป็นหนึ่งในจุดหมายที่เขาวางไว้ ว่าสักวันจะก้าวขึ้นมาเป็นหมายเลข 1 ให้ได้ ตัวเลขที่เจ้าของเก่าอย่าง อาลี ดาอี ทำไว้นั้นยากมากกว่าจะหาใครสักคนมาทำลาย แต่เมื่อถึงวันที่ถูกโค่นล้มลงมาโดยชายที่ชื่อ โรนัลโด้ มันก็ไม่แปลกที่แฟนบอลจะสดุดีวีรกรรมอันยอดเยี่ยมในครั้งนี้ แท้จริงเจ้าตัวทำสถิติทาบ 109 ประตู ได้ตั้งแต่ศึกยูโร 2020 ที่ผ่านมาแล้ว เมื่อเขาซัดในรายการดังกล่าวได้ 5 ประตู พร้อมได้รางวัลดาวซัลโวมาครอง ก่อนที่ในเกมล่าสุดจะเหมาคนเดียว 2 ประตู พร้อมก้าวขึ้นมาเป็นเบอร์ 1 แต่เพียงผู้เดียว พร้อมยังคงเดินหน้าทิ้งความห่างจากเจ้าของเดิมให้มากขึ้นเรื่อยๆ ว่าแล้วขอแจกแจงกันหน่อยว่า 111 ประตูของ โรนัลโด้ เขากระหน่ำไปในการแข่งขันรายการไหนไปบ้าง  – ฟุตบอลโลก รอบคัดเลือก : ลงสนาม 42 นัด, ยิง 33 ประตู – ฟุตบอลยูโร รอบคัดเลือก : ลงสนาม 35 นัด, ยิง 31 ประตู – เกมอุ่นเครื่อง : ลงสนาม 51 นัด, ยิง 19 ประตู – ยูโร : ลงสนาม 25 นัด, ยิง 14 ประตู – ฟุตบอลโลก : ลงสนาม 17 นัด, ยิง 7 ประตู – ยูฟ่า เนชั่นส์ลีก : ลงสนาม 6 นัด, ยิง 5 ประตู – คอนเฟดเดอเรชั่นส์ คัพ : ลงสนาม 4 นัด, ยิง 2 ประตู โค้งคำนับ! สดุดี โรนัลโด้ ในวันขึ้นแท่นดาวยิงสูงสุดในนามทีมชาติ ถามว่าในอนาคตมีโอกาสที่ โรนัลโด้ จะถูกแซงไหม? ก็คงต้องยอมรับว่าโอกาสมันก็มี แต่ว่ามันคงไม่ใช่เร็ว ๆ นี้แน่นอน เพราะกับเกมทีมชาติคุณต้องมีมาตรฐานการเล่นที่ยอดเยี่ยมมาจากสโมสร และรักษาสภาพร่างกายให้พร้อมอยู่เสมอ อีกทั้งต้องมีแววเด่นมาตั้งแต่อายุยังน้อย เพราะด้วยโปรแกรมลงสนามในแต่ละหน้าปีปฎิทินมันไม่ได้มากมายอะไรนัก ซึ่งจากลิสต์ดาวซัลโวสูงสุดในตอนนี้ 10 คน ที่ดูใกล้เคียง และยังคงลงเล่นอยู่นั้นก็คือ ลิโอเนล เมสซี่ ที่ตะบันยิงให้กับทีมชาติอาร์เจนติน่าไปได้แล้ว 76 ประตู ส่วนเรื่องของวันข้างหน้า เออร์ลิ่ง ฮาแลนด์ หรือ คีเลียน เอ็มบัปเป้ ยังคงต้องการเวลา และผลงานในการพิสูจน์ตัวเองเป็นอย่างมาก วกกลับมาที่ โรนัลโด้ ปัจจัยสำคัญที่ทำให้เขายืนหยัดบนฟุตบอลระดับสูงได้นานขนาดนี้ปัจจัยสำคัญที่สุดคือความเป็นมืออาชีพ และมีวินัยต่อตัวเองแบบขั้นสุด เราจะได้เห็นตามหน้าสื่อว่า โรนัลโด้ ในวัย 36 ปี เขาเคร่งครัดกับตัวเองมากขนาดไหนทั้งการฝึกซ้อม, อาหารการกิน และการพักผ่อน ทุกอย่างต้องเดินหน้าไปแบบควบคู่กัน และสำคัญเลยคือการไม่สนใจคำวิจารณ์ หรือเสียงนกเสียงกาที่ผ่านเข้ามาเพื่อตำหนิแบบสนุกปาก เพราะสุดท้ายเขาเองก็ใช้ผลงานในสนามเป็นเครื่องพิสูจน์ความยอดเยี่ยม และตบปากเหล่านักเสียดสีพวกนั้นเอง “ผมพยายามจะแสดงออกถึงตัวผมในเวอร์ชันที่ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้เสมอ พวกคุณให้ความรักและความชื่นชมแก่ผม การสนับสนุนอย่างไม่มีเงื่อนไขของพวกคุณเป็นการตอบแทน และสำหรับเรื่องนั้น ผมไม่มีทางที่จะขอบคุณได้หมด ผมคงทำไม่ได้ถ้าไม่มีพวกคุณ” คำกล่าวของ โรนัลโด้ ในวันที่เขามีอายุครบ 36 ปี สุดท้ายถ้าใจเป็นกลางมากพอ ลดวางอคติต่างๆ ลงไป เราจะมองเห็นชายคนหนึ่งที่เคารพ และทุ่มเทต่ออาชีพของตัวเองเป็นอย่างมาก และเขารักษามาตรฐานแบบนี้มานานกว่า 20 ปี แล้ว  จากผลงานล่าสุด 111 ประตู ในนามทีมชาติโปรตุเกส มันเป็นอีกความสำเร็จที่น่าโค้งหัวคารวะให้กับชายผู้นี้จริงๆ 

ชายที่เป็นตำนานของวงการลูกหนัง 

ชายผู้ที่พิสูจน์ให้เห็นถึงความเป็นมืออาชีพ 

และ ชายผู้เป็นสัญลักษณ์ของการใช้พรแสวงในการเติบโตตามเส้นทางของตัวเอง

 

- Paolinho -

logoline