logo-heading

โธมัส ทูเคิ่ล โชว์กึ๋นความเป็นยอดกุนซืออีกครั้ง หลังเปลี่ยนแท็คติคช่วงพักครึ่ง จนทำให้ เชลซี บุกไปถล่ม ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ แบบยับเยิน 3-0 โดยเฉพาะการส่ง เอ็นโกโล่ ก็องเต้ ลงมาเล่นในครึ่งหลัง เรียกว่า ตัวเดียวเสียวทั้งเล้าไก่ แต่ไม่ใช่แค่ประเด็นนี้ประเด็นเดียวเท่าครับ เพราะยังมีอีกหลายเรื่องให้พูดถึง จะมีอะไรน่าสนใจบ้าง ไปติดตามกันเลย

- การเปลี่ยนเกมของ ทูเคิ่ล

ไม่ได้บอกว่า นูโน่ เอสเปริโต ซานโต กุนซือของ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ไม่เก่งนะครับ ครึ่งแรกก็สู้กันอย่างสูสี แต่เกมนี้การแก้เกมของ โธมัส ทูเคิ่ล เข้าขั้นสุดติ่งกระดิ่งแมวกว่าจริงๆ ใครจะกล้าคิดล่ะครับว่า จะถอดตัวรุกอย่าง เมสัน เมาท์ ออกจากสนาม และ ส่ง เอ็นโกโล่ ก็องเต้ ลงมาเล่นแทน ทั้งที่ถนัดเล่นรับ และ เกมยังเสมอกันอยู่ 0-0 แต่การลงมาของ ก็องเต้ คือการเปลี่ยนเกมอย่างแท้จริง เพราะก่อนหน้านี้ สเปอร์ส จะเล่นรับแล้วรอโต้ แต่พอมี ก็องเต้ ลงมา ไก่เดือยทอง แทบไม่สามารถทำแบบนั้นได้เลย เรียกว่าเปลี่ยนคนเดียวสะเทือนทั้งเกม ที่สำคัญ ทูเคิ่ล ไม่ต้องรอเปลี่ยนนาที 60 หรือนาที 75 เพราะแก้เกมตั้งแต่พักครึ่ง ไม่ใช่แค่รูปเกมดีขึ้นแบบผิดหูผิดตาเลยนะครับ แต่ ก็องเต้ ยังเป็นคนที่ซัดประตูที่ 2 ให้กับ เชลซี ได้ด้วย ถึงแม้ลูกมันจะแฉลบก็ตาม ซึ่งเครดิตชัยชนะอันถล่มทลายแบบนี้ คงต้องยกให้กับ โธมัส ทูเคิ่ล ไปเต็มๆ เพราะเปลี่ยนตัวเดียวถึงกับพาทีมเก็บ 3 แต้มสำคัญเลยทีเดียว

- ระบบหน้าคู่ หมากเด็ด เชลซี

ปกติแล้ว จะเห็น ทูเคิ่ล ใช้ระบบหน้าเป้าคนเดียวมาเกือบตลอด แต่กระนั้นด้วยความที่ เชลซี มีตัวเลือกให้ใช้มากมาย ไม่ได้มีแค่ โรเมลู ลูกากู เท่านั้น ทำให้ช่วงหลังจะเห็นได้เลยว่า สิงห์บลูส์ กำลังพยายามปรับเปลี่ยนระบบการเล่นหลากหลายมากขึ้น โดยเฉพาะหมาก 3-5-2 ซึ่งเปลี่ยนมาเล่นเป็นหน้าคู่ และในเกมที่บุกไปตบ "ไก่เดือยทอง" นั้น ทาง ทูเคิ่ล ก็ส่ง ติโม แวร์เนอร์ ลงมาเล่นแทน ไค ฮาแวร์ตซ์ พร้อมกับขยับไปเล่นคู่กับ โรเมลู ลูกากู ซึ่งมันดูดีมีแววมากเลยครับ เพราะ บิ๊กรอม ไม่ต้องรับภาระอันหนักอึ้งในการปะทะกับเซ็นเตอร์คู่แข่ง ที่คอยตามประกบเป็นเงา และ ระบบนี้ดูจะเหมาะกับ แวร์เนอร์ มากกว่า ไค ฮาแวร์ตซ์ มากเหลือเกิน ซึ่งการลงมาของ แวร์เนอร์ เรียกว่าเพื่อนๆช่วยกันปั้นแบบสุดๆ เพื่อหวังปลดล็อก “สากสกินทอง” ออกไปให้ได้ สุดท้ายแล้วถึงแม้จะทำไม่สำเร็จ แต่อย่างน้อย หัวหอกทีมชาติเยอรมัน ก็จัดการแอสซิสต์ให้กับ อันโตนิโอ รูดิเกอร์ ทำประตูปิดกล่อง 3-0 ดังนั้นจากที่เห็นระบบหน้าคู่แล้ว บอกเลยว่าฤดูกาลนี้ จะได้เห็น ทูเคิ่ล ใช้งานอีกเรื่อยๆอย่างแน่นอน และ มันอาจเป็นหมากเด็ดใช้พิชิตคู่แข่ง พร้อมๆกับการเรียกฟอร์มของ แวร์เนอร์ ก็เป็นได้

- ฟอร์มของ แฮร์รี่ เคน

ไม่รู้ว่าประเด็นที่ แฮร์รี่ เคน ชวดย้ายซบ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ มันจะสร้างบาดแผลในใจเขามากแค่ไหน แต่ที่แน่ๆคือมันส่งผลต่อฟอร์มการเล่นแบบเต็มๆ ถึงแม้เขาจะมีความเป็นมืออาชีพเต็มเปี่ยม ทว่ากว่าจะฮีลหัวใจให้มันกลับมาเต็มสูบคงต้องใช้เวลาพอสมควร เพราะตลอด 3 เกมที่ลงสนามเป็นตัวจริง แฮร์รี่ เคน ไม่สามารถเป็น เดอะ แบก ของทีมได้เลย ยิ่งเกมเจอกับ เชลซี นี่ยิ่งชัดมาก เขาไม่สามารถสร้างความแตกต่าง โดยสร้างสรรค์เกมไม่ได้ โอกาสจบสกอร์น้อยนิด ผิดไปจาก แฮร์รี่ เคน ที่เคยรู้จัก ตลอดหลายฤดูกาลที่ผ่านมา ไม่แปลกที่ซีซั่นนี้ยังตีนบอด บนเวที พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ที่สำคัญ เคน ดูไม่มีความกระหาย, ดูไม่มีความกระตือรือร้น เหมือนจิตวิญญาณความเป็น "ไก่เดือยทอง" ได้ล่องลอยหายไปแล้ว จริงอยู่ที่นักเตะตัวหลักของ สเปอร์ส บาดเจ็บหลายคน หรือ ตัวที่ลงมา ก็ออกทะเลไปไกล แต่ในฐานะกัปตันทีม และ ดาวยิงตัวความหวัง แมตช์นี้ถือเป็นอะไรที่น่าผิดหวังจริงๆ หากยังเป็นแบบนี้ต่อไป สเปอร์ส ก็คงไม่มีวี่แววลุ้นคว้าแชมป์เหมือนยักษ์ใหญ่ทีมอื่นๆ ต้องรีบแก้ไขปรับปรุงอย่างเร่งด่วนแล้วล่ะครับ

- แนวรับ เชลซี โคตรแข็งแกร่ง

กองหน้าไม่ยิงไม่เป็นไร เพราะเกมนี้กองหลัง เชลซี จัดให้แบบเน้นๆ .. มาว่ากันที่เกมรับก่อน แทบไม่มีข้อผิดพลาดเลยครับ อาจจะมีช็อตหลุดไปบ้าง แต่ก็ตามแก้ ตามสกัดได้ทุกครั้ง ซึ่ง ติอาโก้ ซิลวา แสดงให้เห็นถึงความเก๋าจริงๆ เมื่อเขาโชว์ผลงานระดับมาสเตอร์พีซ เก็บกินได้หมด ไม่ว่าจะภาคพื้นดิน หรือ กลางอากาศ จนฟังน้าหัง พูดซ้ำๆว่า ติด ติอาโก้ ติด ติอาโก้ ส่วนเกมรุก แนวรับ เชลซี จัดให้ไป 2 ตุง เริ่มจาก ติอาโก้ ซิลวา ที่เติมขึ้นมาโหม่งจากลูกเตะมุม ซึ่งจริงๆแล้วมีโอกาสอื่นอีกด้วย เพียงแค่โดน อูโก้ ยอริส เซฟไว้ได้ นับว่าเซ็นเตอร์แบ็กชาวแซมบ้า โดดเด่นมากทั้งเกมรับและเกมรุก แต่ไม่ได้มีแค่ ติอาโก้ คนเดียวครับ ยังมี อันโตนิโอ รูดิเกอร์ ที่คอยฟัดคอยเหวี่ยงกับเหล่าแนวรุก สเปอร์ส ช่วยทีมไว้ได้เยอะ และ เขาก็เป็นคนยิงประตูปิดกล่องให้กับทีมด้วย ส่วนอีกคนที่ทำผลงานได้ยอดเยี่ยมไม่แพ้กันก็คือ มาร์กอส อลอนโซ่ เติมเกมจนเหนื่อยแทน แบ็กซ้ายอะไร เติมไปทำประตูในกรอบเขตโทษอยู่ตลอด ไม่แปลกใจเลยว่าทำไม เบน ชิลเวลล์ ถึงนั่งสำรองยาว เกมรุกก็ดี เกมรับก็เยี่ยม เชลซี ยิงไป 12 ประตู เสียแค่ 1 ลูก เท่านั้น ซึ่งเป็นการเสียจากลูกจุดโทษ นัดเจอกับ ลิเวอร์พูล ไม่ใช่จังหวะแบบโอเพ่นเพลย์ นับว่ากองหลังแข็งแกร่งมากๆ เก็บคลีนชีตกันมา 4 นัดแล้ว พร้อมกับทะยานขึ้นไปเป็นจ่าฝูงแซงหน้า ลิเวอร์พูล ถึงแม้ทุกอย่างจะเท่ากันหมด ทั้งแต้มและลูกได้-เสีย แต่ตัวอักษร C มาก่อน L ทำให้ เชลซี ได้อยู่ที่ 1 

- เชลซี ตัวเต็งคว้าแชมป์

เชื่อเถอะครับว่า ต่อให้คุณไม่ใช่แฟนบอล เชลซี แต่ฟอร์มแบบนี้ ต้องยอมรับตามตรงว่า โหดจัดๆ ครบเครื่องทุกตำแหน่ง ไล่ตั้งแต่แดนหน้าไปแดนหลัง ขนาดวันนี้ เอดูอาร์ เมนดี้ มีอาการบาดเจ็บ แต่ เกปา อาร์ริซาบาลาก้า ก็สามารถลงมาทดแทนได้ดี ไม่ก่อความผิดพลาด ไหนจะมีเรื่องกึ๋นของโค้ช ที่เกมนี้ ทูเคิ่ล ได้แสดงให้เห็นอีกครั้ง ซึ่งไม่ใช่แค่เกมชนะ สเปอร์ส แต่เกมที่เสมอกับ ลิเวอร์พูล 1-1 เขาก็ทำให้เห็นกับการรับมือเกมรุก หงส์แดง ทั้งๆที่มีผู้เล่นน้อยกว่า 1 คน ถึง 45 นาทีเต็ม ฉะนั้นจากฟอร์ม 5 นัดที่ผ่านมา ต้องยอมรับเลยว่า เชลซี คือตัวเต็งที่จะคว้าแชมป์ พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ซีซั่นนี้จริงๆ เผลอๆภาษีดีกว่า แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เจ้าของแชมป์ซีซั่นก่อนด้วยซ้ำ นัดหน้า สิงห์บลูส์ จะเปิดบ้านพบกับ เรือใบสีฟ้า คงวัดเลยว่าลูกทีม ทูเคิ่ล คือของจริงหรือไม่ ถึงแม้ฤดูกาลนี้ยังอีกยาวไกล แต่ผลงาน เชลซี มันโดดเด่นจนเตะตาจริงๆ

ฮาย ฮาวดี้

logoline