logo-heading

อาร์เซน่อล ประกาศศักดา London is red หลังจากเปิดบ้านเอาชนะ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ คู่ปรับตลอดกาล ไปได้ด้วยสกอร์ 3-1 แบบออกนำไปก่อน 3-0 ตั้งแต่ครึ่งแรก โดยนัดนี้นับว่าเป็นผลงานที่ดีที่สุดของทีม นับตั้งแต่ออกสตาร์ทซีซั่น สถานการณ์หลายๆอย่างเปลี่ยนจากหลังเท้ากลับมาเป็นหน้ามือ

ผิดกับ สเปอร์ส ที่เริ่มต้นฤดูกาลได้อย่างยอดเยี่ยม แต่กำลังถอยหลังลงคลอง ยิ่งในเกม นอร์ธ ลอนดอน ดาร์บี้ ยิ่งเห็นชัดเจน ฉะนั้นไปดูกันว่าแมตช์เดือดแมตช์นี้ มีอะไรน่าสนใจให้พูดถึงกันบ้าง ไปติดตามกันครับ

- สถานการณ์ของ มิเกล อาร์เตต้า

ย้อนกลับไป 3 นัดแรกของฤดูกาล มิเกล อาร์เตต้า เหมือนกำลังเอาคอไปพาดบนแท่นประหารหัวสุนัข รอวันโดนเชือดให้ตกจากเก้าอี้กุนซือ อาร์เซน่อล เนื่องจากพาทีมออกสตาร์ทได้อย่างย่ำแย่ ด้วยการแพ้ 3 นัดรวด แบบยิงใครไม่ได้เลย เป็นสถิติแย่สุดตลอดกาลของสโมสร หล่นไปอยู่อันดับ 20 ของตาราง ชนิดที่มีการพ่ายต่อน้องใหม่อย่าง เบรนท์ฟอร์ด ด้วย  สถานการณ์ตอนนั้น แฟนบอล ไอ้ปืนใหญ่ รุกฮือขับไล่ ให้สโมสรรีบปลด อาร์เตต้า เป็นการด่วน เพราะพวกเขาไม่อยากมีสถานะจากทีมลุ้นพื้นที่ยุโรป กลายเป็นทีมหนีตกชั้น แต่มีเพียงบอร์ดบริหารเท่านั้น ที่ยังคงให้โอกาสกับ พี่ต้า ได้ทำทีมต่อไป โดยว่ากันว่าให้โอกาสได้พิสูจน์ตัวเองถึงดาร์บี้แมตช์ นอร์ธ ลอนดอน ดาร์บี้ หลังจากผ่าน 3 นัดอันย่ำแย่ อาร์เตต้า ก็ได้เรียกความมั่นใจของตัวเองกลับมาอีกครั้ง ด้วยการพาทีมเก็บชัยเหนือ นอริช ซิตี้ และ เบิร์นลี่ย์ ด้วยสกอร์ 1-0 ถึงแม้จะเป็นทีมรองบ่อน และ ฟอร์มไม่ได้โดนใจมากนัก แต่ก็เก็บ 6 แต้มเต็มได้ตามเป้าหมาย จนกระทั่งมาถึงนัดตัดสินชะตาเจอกับ สเปอร์ส ว่าเขายังคู่ควรกับการกุมบังเหียน อาร์เซน่อล หรือไม่ และ คำตอบก็ออกมาเรียบร้อยครับ เมื่อ อาร์เตต้า นำทัพ "ไอ้ปืนใหญ่" เอาชนะ ไก่เดือยทอง แบบใช้แท็คติคการเล่นได้อย่างสนุกตื่นเต้น ซึ่งจากการชนะนัดนี้ ทำให้สถานการณ์ของ อาร์เตต้า ปลอดภัยแบบหายใจโล่งคอแล้ว จากบ๊วยขึ้นสู่อันดับ 10 ของตาราง แซงหน้า สเปอร์ส ไปแล้ว หากยังรักษาผลงานอย่างนี้ต่อไปได้ คงไม่โดนปลดอย่างแน่นอน

- อาร่อน แรมส์เดล กลบเสียงวิจารณ์การซื้อที่ล้มเหลว

ในช่วงปิดตลาดซัมเมอร์ อาร์เซน่อล โดนวิจารณ์อย่างหนัก เกี่ยวกับการเอาเงินมหาศาล เกือบๆ 150 ล้านปอนด์ ไปตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ เพราะใช่เงินซื้อผู้เล่นหน้าใหม่เยอะสุดในศึก พรีเมียร์ลีก อังกฤษ แต่ผู้เล่นที่ได้มา กลับไม่มีซูเปอร์สตาร์อยู่เลย โดยเฉพาะเรื่องที่ ไอ้ปืนใหญ่ ไปคว้าตัว อาร่อน แรมส์เดล มาจาก เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด ค่าตัว 30 ล้านปอนด์ การไปตัดสินแบบนั้น เหมือนเป็นการตราหน้า แรมส์เดล ว่าไม่มีฝีมือ ทั้งๆที่เขายังไม่ทันได้ลงสนาม อย่างไรก็ตามในเกมที่ ไอ้ปืนใหญ่ ตบ ไก่เดือยทอง นายทวารรายนี้ ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า เขาพร้อมตอบแทนที่สโมสรจ่ายไปทุกบาททุกสตางค์ โดยสามารถโชว์ช็อตซูเปอร์เซฟ ทั้งลูกยิงของ ซน ฮึง-มิน และ แฮร์รี่ เคน ได้อย่างยอดเยี่ยม และ ช็อตมหัศจรรย์ สปริงท์ข้อเท้าไปกระโดดปัดลูกแฉลบที่กำลังเสียบใต้คานช่วงท้ายเกม นับว่า แรมส์เดล ได้โชว์ผลงานตอกหน้านักวิจารณ์ เรื่องซื้อมาเปล่าไปประโยชน์ เพราะเขาถือเป็นคนสำคัญที่พา อาร์เซน่อล เก็บ 3 แต้มในเกมนี้ ดังนั้นจึงไม่แปลกเลยว่าทำไม มิเกล อาร์เตต้า ถึงเลือกให้เขาขึ้นเป็นมือ 1 แทนตำแหน่ง แบรนท์ เลโน่ ส่วนอีกคน ไม่พูดถึงไม่ได้ นั่นก็คือ ทาเคฮิโระ โทมิยาสุ แบ็กขวาชาวญี่ปุ่น ที่ อาร์เซน่อล ไปซื้อมาจาก โบโลญญ่า วันสุดท้ายของตลาดนักเตะ เขาเป็นอีกคนที่โดนวิจารณ์เช่นกัน เพราะค่าตัวสูงราว 20 ล้านปอนด์ ช่างสวนทางกับชื่อเสียง แต่ นอร์ธ ลอนดอน ดาร์บี้ ครั้งแรกของเขา ทำผลงานได้ดีมากๆ ช่วยสกัดกั้นเกมบุกทางฝั่งซ้ายของ สเปอร์ส ได้เหลือเกิน นอกจากฝีเท้าแล้ว เรื่องพละกำลังก็เป็นจุดเด่นที่เขาใช้ปะทะกับแนวรุกคู่แข่งได้สบายๆ โดยมีสถิติเก็บบอลจังหวะ 2 หรือ เอาบอลกลับมาครอบครองได้ถึง 8 ครั้ง มากสุดในทีม และ ไม่มีใครเลี้ยงผ่านเขาได้เล  เรียกว่านัดนี้ 2 นักเตะใหม่ อาร์เซน่อล ปล่อยของให้สาวก "เดอะ กันเนอร์ส" ได้เห็นเป็นขวัญตา ว่าทำไมสโมสรถึงเลือกซื้อพวกเขามาร่วมทีม

- ไอ้ปืนใหญ่ เจอทีมลงตัว ได้ลุ้นพื้นที่ยุโรป

ถ้าจะบอกว่า 45 นาทีแรก ในเกมเจอกับ สเปอร์ส คือผลงานที่ดีที่สุดของ อาร์เซน่อล ในซีซั่นนี้ ก็คงไม่ผิดนักหรอกครับ เพราะนี่คือ อาร์เซน่อล ในแบบฉบับที่หลายคนรู้จัก มาตั้งแต่ยุค อาร์แซน เวนเกอร์ โดยเฉพาะลูกต่อบอลบนภาคพื้นดิน เป็นทอดๆแค่ไม่กี่จังหวะ จากแดนหลัง สู่แดนหน้า และ จบลงด้วยการทำประตู ไม่ใช่เพียงแค่นั้น แต่การขึ้นเกมทางริมเส้น ก็ดูมีประสิทธิภาพมากขึ้น ด้วยการเปิดจากด้านข้างเข้ามาในกรอบเขตโทษ จะเห็นได้เลยว่า อาร์เซน่อล ใช้แท็คติคนี้ เล่นงาน ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ได้ถึง 3 ลูกเลยทีเดียว ที่เป็นเช่นนี้ อาจจะมาจาก มิเกล อาร์เตต้า เลือกใช้ระบบดาวรุ่งตัวจี๊ด ผสมผสานกับตัวเก๋า ตรงมิดฟิลด์มี โธมัส ปาร์เตย์ กับ กรานิต ชาก้า เป็นตัวปัดหวาดและเชื่อมเกม โดยมีเหล่าแก๊งวัยรุ่นตัวจี๊ด อย่าง มาร์ติน โอเดการ์ด, เอมิล สมิธ โรว์ และ บูกาโย่ ซาก้า โดยมี ปิแอร์-เอเมอริค โอบาเมยอง เป็นพี่ใหญ่ เป็นหัวหอกตัวจบสกอร์ ซึ่งมันได้ผลสุดๆ ไม่แน่ว่า จากนัดนี้ อาร์เตต้า คงเจอระบบและผู้เล่นที่ลงตัวแล้ว หากผู้เล่นตัวหลักอยู่กันครบๆ ไม่เจ็บ ไม่แบน ก็ต้องบอกว่า สภาพทีมพวกเขามีลุ้นพื้นที่ยุโรป อาจจะหวังถึง ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ได้เหมือนกัน หากรักษาฟอร์มได้ อย่างตอนนี้ก็ไล่หลัง ลิเวอร์พูล จ่าฝูงแค่ 5 แต้ม เท่านั้น ซึ่งไม่ได้ห่างมากเลย ด้วยศักยภาพนักเตะ ก็พร้อมทำเซอร์ไพรส์เหมือนกัน ถึงแม้ผลงานจะแย่มา 3 นัดแรกก็ตาม

- สเปอร์ส อาการหนัก เกมรับแย่

ตอนออกสตาร์ท ด้วยชัยชนะ 3 เกมของ สเปอร์ส ภายใต้การคุมทีมของ นูโน่ เอสเปริโต ซานโต ขึ้นไปเป็นจ่าฝูง มันดูดีมีชาติตระกูลเหลือเกิน เพราะหนึ่งในนั้นมีการเปิดบ้านเอาชนะ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 1-0 ทั้งๆที่ทีมยังไม่มี แฮร์รี่ เคน ด้วยซ้ำ ซึ่งสภาพจิตใจยังไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ทำให้หลายคนมองว่า "ไก่เดือยทอง" จะสอดแทรกขึ้นมาลุ้นแชมป์อีกครั้ง อย่างไรก็ตาม 3 นัดต่อมาในศึก พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ผลงานช่างแตกต่างกันเหลือเกิน เหมือนคุณปีนขึ้นไปสู่ยอดเขา และ ไหลลื่นตกลงสู่ด้านล่าง จากชนะรวด กลายเป็นแพ้ 3 นัดรวด ซึ่งจุดอ่อนที่เห็นได้ชัดเลยคือ เกมรับอันย่ำแย่ เปื่อยยุ่ยเหมือนกระดาษทิชชู่เปียกน้ำ ไม่ต้องย้อนไปไกล เอาแค่นัดกับ อาร์เซน่อล ก็สร้างบาดแผลให้คู่แข่งมีช่องเข้าทำเต็มไปหมด การสื่อสาร การยืนประกบตัว เป็นอะไรที่น่าผิดหวังจริงๆ โดยการเสีย โทบี้ อัลเดอร์ไวเรลด์ ออกไป มันส่งผลมาก ซึ่งการใช้ ดาวิซอน ซานเชซ กับ เอริค ดายเออร์ ดูไม่เวิร์คเท่าไหร่ ส่วน คริสเตียน โรเมโร่ ซื้อมาจาก อตาลันต้า ก็ไม่ค่อยให้โอกาสลงสนาม และ ไม่ใช่แค่เกมรับนะครับ เกมรุกก็มีปัญหา ไอเดียการเข้าทำของ สเปอร์ส มีน้อยจริงๆ ส่วนใหญ่จะต้องใช้ความสามารถเฉพาะตัวของ ซน ฮึง-มิน กับ แฮร์รี่ เคน โดยพวกตัวซัพพอร์ท ในแผงมิดฟิลด์อย่าง เดเล่ อัลลี หรือ ต็องกีย์ เอ็นดอมเบเล่ ก็ออกบอลช้า และ เสียบอลง่าย แถวบ้านเรียก บอลไม่มีทรง  ดังนั้นนี่จะเป็นการบ้านชิ้นโต สำหรับ นูโน่ ที่ต้องไปพัฒนาและแก้ไข ให้ สเปอร์ส กลับมาแข็งแกร่งดังเดิม เพราะในช่วง 10 นาทีสุดท้ายของเกม ดูมีความวูบวาบมากขึ้น หากทำผลงานแบบนั้น เชื่อว่าอะไรๆก็ดีขึ้น แต่ถ้าเป็นแบบ 45 นาทีแรก บอกเลยว่าอนาคตอาจอยู่ไม่ยืดยาว

- แฮร์รี่ เคน ความเฉียบคมหายไป

อย่างที่เคยบอกไปก่อนหน้านี้ครับว่า แฮร์รี่ เคน ดูเหมือนคนไม่อยู่กับร่องกับรอย หลังจากผิดหวังไม่ได้ย้ายไปอยู่กับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ถึงแม้เจ้าตัวจะประกาศขอช่วย "ไก่เดือยทอง" อย่างเต็มที่เหมือนเดิม แต่กระนั้นหลายสิ่งหลายอย่างมันดูเปลี่ยนไป เรื่องความทุ่มเท แน่นอนนี่คือนักเตะมืออาชีพ เคน ทำเต็มที่อยู่แล้ว เขาพยายามอย่างหนักที่จะยิงประตูให้กับทีม แต่อย่างที่เห็นกันครับ ดาวยิงทีมชาติอังกฤษ รายนี้ ขาดความเฉียบคมไปเยอะ เขามีทั้งจังหวะหลุดเดี่ยว หรือ ได้ขึ้นโขกแบบเต็มหัว กลับไม่สามารถเปลี่ยนเป็นประตูให้กับทีมได้เลย ทั้งๆที่ทีมต้องการเขามากสุด จึงไม่น่าเชื่อว่า พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ซึ่งออกสตาร์ทมาแล้ว 6 นัด จะยังไม่มีชื่อของ แฮร์รี่ เคน อยู่บนสกอร์บอร์ดเลยสักลูกเดียว ทั้งๆที่มีดีกรีเป็นเจ้าของดาวซัลโว เมื่อซีซั่นก่อน ก็ไม่รู้ว่าความมั่นใจจะกลับมาเมื่อไหร่ เพราะถ้า แฮร์รี่ เคน กลับมาทำประตูได้ สถานการณ์ของ สเปอร์ส ก็จะดีขึ้นตามไปด้วย

ฮาย ฮาวดี้

logoline