logo-heading

แฟนบอล เชลซี คงมีเป่าปากด้วยความโล่งใจ หลังจากต้องลุ้นอย่างหนักกว่าจะได้ 2 ประตู ในช่วงท้ายเกม เอาชนะ เซาธ์แฮมป์ตัน ที่เหลือ 10 คน ไปได้ด้วยสกอร์ 3-1 พร้อมกับขึ้นไปนำเป็นจ่าฝูงชั่วคราว แซงหน้า ลิเวอร์พูล 2 แต้ม

เกมนี้จริงๆแล้ว สิงห์บลูส์ ควรจะเล่นได้สบายใจกว่านี้ แต่มี VAR เจ้าปัญหาเข้ามาเกี่ยวข้องถึง 2 ครั้ง เอาเป็นว่าหลังจากจบแมตช์นี้ มีประเด็นน่าสนใจอะไรบ้างที่ต้องพูดถึง ไปติดตามกันเลยครับ

- ฟอร์มการเล่นของ โรเมลู ลูกากู

เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา อันโตนิโอ คอนเต้ เพิ่งบอกว่า เชลซี ยังไม่มีคู่มือการใช้งาน โรเมลู ลูกากู หัวหอกทีมชาติเบลเยี่ยม ซึ่งถ้าดูจากผลงานนัดนี้ ก็ต้องบอกว่า คอนเต้ พูดถูกทุกอย่าง เพราะ ศักยภาพ บิ๊กตู้ ยังถูกดึงออกมาใช้ได้ไม่เต็มประสิทธิภาพจริงๆ  โดยรวมทั้งเกมที่พบกับ เซาธ์แฮมป์ตัน เขาสัมผัสบอลน้อยมาก เผลอๆน้อยที่สุดในทีมด้วยซ้ำ ดังนั้นโอกาสง้างเท้าแทบไม่มี เพราะการขึ้นเกมของ สิงห์บลูส์ จะออกไปทางริมเส้นเป็นส่วนใหญ่ แล้วเปิดจากด้านข้างเข้ามาลุ้นในกรอบเขตโทษให้ ลูกากู รอทำประตู แต่ก็ถูกตามประกบรุมล้อมถึง 2-3 คน ทำให้เขาทำอะไรได้ไม่เป็นชิ้นเป็นอัน ส่วนบอลจากแดนกลาง ก็มีน้อยครั้งจริงๆ ที่จะฝากมาให้กับ ลูกากู แต่เมื่อไหร่ที่มีโอกาส เขาสามารถสร้างความอันตรายได้เสมอ โดยมีจังหวะเก่งที่พิงตัวประกบ และ ใช้ความใหญ่บังบอล ดึงกองหลังมาได้ถึง 2 คน ก่อนดีดลูกส้นให้ ติโม แวร์เนอร์ แหวกเข้าไปยิง แต่ทว่าติดเซฟของ อเล็กซ์ แม็คคาร์ธี่ และ มีจังหวะที่น่าเสียดายในครึ่งแรกของ ลูกากู เมื่อเขาส่งบอลเข้าไปกองตรงตาข่ายได้แล้ว ด้วยการพลิกตัวหนีกองหลัง เซาธ์แฮมป์ตัน ซัดด้วยซ้ายเข้าไปอย่างเฉียบคม แต่ก็ถูกจับล้ำหน้า ซึ่ง VAR แสดงให้เห็นจากภาพช้าชัดเจน รวมถึงประตูปิดกล่อง 3-1 เขาก็ชาร์ตจ่อๆไปโดนเสาอีก ยังไม่มีชื่อทำประตู เท่ากับว่าตอนนี้ บิ๊กตู้ ยิงไม่ได้เป็นนัดที่ 5 ติดต่อกันแล้ว 

- ติโม แวร์เนอร์ ขวัญใจ VAR

พูดตามตรงว่าน่าเห็นใจ ติโม แวร์เนอร์ จริงๆ บ่อยครั้งจากฤดูกาลที่แล้วที่เขายิงประตูเข้าไปซุกตาข่าย แต่สุดท้ายก็ถูก VAR ยึดประตูคืน จนรู้สึกหลอนกับสิ่งนี้ไปเลย เพราะมีหลายครั้งที่เจ้าตัวซัลโวได้ ก็ยังไม่กล้าแม้แต่ดีใจ ซึ่งต้องหันไปมองไลน์แมน เพื่อความชัวร์ก่อนด้วยซ้ำไป เนื่องจากบางทีก็ล้ำหน้า บางครั้งก็แฮนด์บอล จึงได้รับฉายาว่า นักเตะ "ขวัญใจ VAR" และเกมนี้ VAR ก็ยังมาหลอกหลอนเขาอีกครั้ง เพราะช่วงท้ายครึ่งแรก ก่อนเข้าสู่ทดเวลาบาดเจ็บ มีจังหวะครอสบอลจากด้านข้างของ คัลลั่ม ฮัดสัน-โอดอย เปิดมาเข้าพอดีหัวของ ติโม แวร์เนอร์ ได้โขกเต็มๆ เข้าประตูไปเรียบร้อย เจ้าตัววิ่งไปฉลองประตูด้วยความสะใจเต็มที่ ทว่า โดน VAR ริบประตูคืนอีกแล้ว และ คราวนี้ก็ต้องบอกว่า บุญมีแต่กรรมบังจริงๆ เพราะผู้ตัดสินได้ย้อนเหตุการณ์ไปไกลมาก ถึงจังหวะที่ เซซาร์ อัซปิลิกวยต้า ไปเข้าสกัดด้านหลังคู่แข่ง ซึ่งเดิมที มาร์ติน แอตกินสัน ผู้ตัดสิน ได้ปล่อยผ่านจังหวะนั้นไปสักพักแล้ว จน เชลซี ได้เล่นเกมสวนกลับ และ ส่งบอลเข้าซุกตาข่าย ทำเอา แวร์เนอร์ ถึงกับหัวร้อน รวมถึง โธมัส ทูเคิ่ล ที่เข้าไปบ่นกรรมการ จนได้รับใบเหลืองตักเตือนไป  ทำให้ แวร์เนอร์ มีสถิติอันน่าอาภัพ ก็คือเขาโดนริบประตูจาก VAR ถึง 16 ครั้ง เลยทีเดียว อย่างไรก็ตาม ความพยายามของเขาก็สัมฤทธิ์ผล และ เป็นฮีโร่ให้กับทีม หลังจากปลดล็อคยิงประตูให้กับ เชลซี ได้สำเร็จ เป็นลูกออกนำ 2-1 ในช่วง 6 นาทีสุดท้ายของเกม ที่สำคัญเป็นประตูแรกของเจ้าตัวในศึกพรีเมียร์ ลีก ซีซั่นนี้ ซึ่งเชื่อว่าจะเรียกความมั่นใจได้หลายขุม

- ใบแดงเปลี่ยนแปลงทุกอย่าง

หลังจาก เซาธ์แฮมป์ตัน ยิงประตูตีเสมอ จากลูกจุดโทษของ เจมส์ วอร์ด-เพราส์ ดูเหมือนว่า โมเมนตั้ม น่าจะกลับมาอยู่ที่ เซาธ์แฮมป์ตัน ด้วยซ้ำ เพราะนักเตะ เชลซี คงเสียขวัญพอสมควร โดยเฉพาะ เบน ชิลเวลล์ คนทำฟาวล์ ว่ากันตามตรง ผลเสมอก็น่าจะพอใจสำหรับขุนพล "นักบุญแดนใต้" แล้ว เพราะมันคือแมตช์ที่บุกมาเยือน สแตมฟอร์ด บริดจ์ หรือ ถ้าพวกเขาจะคิดถึง 3 แต้ม ก็คงไม่ผิด เนื่องจากโมเมนตั้มกำลังมา บอลมันกำลังได้ใจ แต่กระนั้นการกระทำบางอย่างก็ไม่จำเป็น โดยเฉพาะความมุ่งมั่น "ที่มันเกินเหตุ" เนื่องด้วยเหตุการณ์ที่ เจมส์ วอร์ด-เพราส์ โดนใบแดง มันเป็นจังหวะที่ เซาธ์แฮมป์ตัน ไล่เพรสซิ่งสูง และ ยังอยู่ตรงกรอบเขตโทษของ เชลซี ดังนั้นมันไม่จำเป็นที่เขาจะต้องไปเล่นรุนแรงแต่อย่างใด เพราะไม่ใช่พื้นที่อันตรายเลยสักนิด แต่กลายเป็นว่า เจมส์ วอร์ด-เพราส์ ไปเปิดปุ่มสตั๊ดเสียบ จอร์จินโญ่ เต็มข้อเท้า ผู้ตัดสินเดินไปดูจอ VAR ก่อนเปลี่ยนใจจากให้ใบเหลือง เป็นไล่ออกทันที เท่ากับว่าจากจะมี 1 แต้ม เป็นอย่างน้อย กลายเป็นว่า เซาธ์แฮมป์ตัน โดนยิงเพิ่มอีก 2 ลูก แพ้ไป 1-3 กลับบ้านมือเปล่าในที่สุด นับว่าใบแดงเปลี่ยนแปลงผลการแข่งขันจริงๆ ทั้งๆที่เป็นจังหวะไม่ควรต้องทำอะไรแบบนั้น เพราะถ้าเหลือ 11 คน เท่ากัน มีโอกาสเก็บแต้มออกมาได้

- โอกาสยึดตัวจริง เบน ชิลเวลล์

ถือเป็นบททดสอบสำคัญสำหรับ เบน ชิลเวลล์ แบ็กซ้ายทีมชาติอังกฤษ เลยล่ะครับ ว่าจะสามารถกลับมายึดตำแหน่งตัวจริงในทัพ สิงห์บลูส์ ได้หรือไม่ เพราะ โธมัส ทูเคิ่ล ใส่ชื่อลงสนามเป็นตัวจริงครั้งแรกในศึก พรีเมียร์ลีก ซีซั่นนี้ หลังเสียตำแหน่งให้กับ มาร์กอส อลอนโซ่ ที่โชว์ฟอร์มได้ดี ทั้งยิง ทั้งจ่าย จนยึดสัมปทานยาวๆ ก่อนหน้านี้ ทูเคิ่ล เปิดเผยสาเหตุที่ ชิลเวลล์ สูญเสียตำแหน่งในทีม เป็นเพราะอยู่ในช่วงขาดความมั่นใจ จากการโดน แกเร็ธ เซาธ์เกต กุนซือใหญ่ "สิงโตคำราม" ไม่ส่งลงสนามแม้แต่นาทีเดียวในยูโร 2020 ดังนั้นเขาต้องพิสูจน์ให้เห็นว่า มีดีพอพร้อมแย่งตำแหน่งแบ็กซ้ายของทีมกลับคืนมา อย่างไรก็ตาม ความผิดพลาดเพียง 1 ครั้ง ในเกมพบ เซาธ์แฮมป์ตัน อาจส่งผลต่อตำแหน่งของเขาเหมือนกัน เนื่องด้วย เบน ชิลเวลล์ ไปเข้าพรวดพราด เสียเชิงสไลด์ใส่ วาเลนติโน่ ลีฟราเมนโต้ นักเตะคู่แข่ง ล้มลงในกรอบเขตโทษ ชนิดที่เจ้าตัวไม่มีข้ออ้าง ทุบพื้นแสดงอาการว่าทำพลาดจริงๆ ซึ่งช็อตนี้ เชลซี เสียจุดโทษ และ โดนยิงตีเสมอ 1-1 ความมั่นใจจากเดิมที่น้อยอยู่แล้ว พอทำให้ทีมถูกตีเสมอ อาจจะลดน้อยถอยลงไปอีก แต่กระนั้นยังดีที่สุดท้ายแล้ว เบน ชิลเวลล์ มาแก้ตัวได้สำเร็จ ขากช็อตชุลมุน โดยเขาวอลเล่ย์ด้วยซ้ายเต็มแรง บอลพุ่งเป็นจรวด ถึงแม้ อเล็กซ์ แม็คคาร์ธี่ จะปัดออกมาได้ แต่บอลข้ามเส้นไปแล้ว ทำให้ ชิลเวลล์ ซัดประตูปิดกล่อง พา เชลซี ชนะ 3-1 อย่างน้อยก็เรียกความมั่นใจกลับมาได้บ้าง

- การเปลี่ยนตัวของ ทูเคิ่ล พาเก็บ 3 แต้ม

การเปลี่ยนตัวของ ทูเคิ่ล ยังคงสร้างอิมแพ็คให้กับ เชลซี ได้เหมือนเดิม โดยเฉพาะการทำเซอร์ไพรส์ ส่ง รอสส์ บาร์คลี่ย์ ลงสนามเป็นนัดแรก มาแทน รูเบน ลอฟตัส-ชีค ในนาที 83 ทั้งๆที่ม้านั่งสำรอง มีชื่อของ ไค ฮาแวร์ตซ์ และ ฮาคิม ซิเย็ค  แต่กลายเป็นว่า รอสส์ บาร์คลี่ย์ มีส่วนอย่างยิ่งทำให้ทีมได้ประตูแซงนำ 2-1 เพราะเขาวางบอลข้ามฟากให้กับ เซซาร์ อัซปลิกวยต้า หลุดไปถึงสุดเส้นหลังฝั่งขวา ก่อนจะปาดเข้ามาให้ ติโม แวร์เนอร์ ยิงประตู ขณะที่ เมสัน เมาท์ ซึ่งลงมาเป็นสำรองเช่นกัน ก็มีส่วนกับการทำให้ทีมได้ประตูที่ 3 เรียกว่าคนที่เปลี่ยนลงมา มีส่วนทำให้ทีมได้ 2 ประตู บางที ไม่ใช่ว่าใครเก่งกว่าใคร แต่สไตล์นักเตะคนไหน เหมาะกับเกมนั้นมากกว่า ซึ่งคราวนี้ ทูเคิ่ล ก็ตัดสินใจถูกต้องอีกครั้ง และ จากการเก็บ 3 แต้มสำคัญ ทำให้ เชลซี ขยับขึ้นไปนำเป็นจ่าฝูง พรีเมียร์ลีก อังกฤษ แซงหน้า ลิเวอร์พูล ขึ้นไปเป็น 16 คะแนน จากการลงสนาม 7 นัด โดยตรงรอดูเกม หงส์แดง กับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ในคืนวันอาทิตย์นี้ ผลการแข่งขันจะลงเอยอย่างไร 

ฮาย ฮาวดี้-

logoline