logo-heading

ลิเวอร์พูล กลับมาโชว์ฟอร์มสะแด่วอีกครั้ง หลังบุกไปถล่มใส่ วัตฟอร์ด แบบยับเยิน 5-0 ต้อนรับกุนซือ เคลาดิโอ รานิเอรี่ ชนิดที่ 3 ประสาน โมฮาเหม็ด ซาลาห์, ซาดิโอ มาเน่ และ โรแบร์โต้ ฟีร์มิโน่ ดาหน้ายิงกันครบถ้วน โดยมีคนนึงสามารถซัดแฮตทริคได้ด้วย เรียกว่าเป็นการเพิ่มความมั่นใจก่อนบุกไปเยือน แอตเลติโก มาดริด ในศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก กลางสัปดาห์นี้

โดยการเก็บ 3 แต้มของ หงส์แดง นับว่าเป็นวันแห่งความสุขของสาวก เดอะ ค็อป ที่ดูฟุตบอลแบบสบายใจไร้กังวล หลังจาก 2 นัดในลีกก่อนหน้านี้ หลุดเสมอไป 2 นัด ซึ่งนัดนี้มีหลายสิ่งให้พูดถึงเยอะ โดยเฉพาะสถิติการยิงประตู ไปติดตามกันว่ามีประเด็นอะไรน่าสนใจบ้าง

- การไม่มี 2 แข้งบราซิลเลี่ยน

เชื่อว่า สาวก หงส์แดง หลายๆคน คงเป็นกังวลใจอยู่ไม่น้อย เมื่อทราบว่าจะไม่มี อลิสซอน เบ็คเกอร์ กับ ฟาบินโญ่ ลงสนามช่วยทีม เพราะทั้งคู่ไม่เดินทางกลับประเทศอังกฤษ หลังเสร็จสิ้นภารกิจกับทีมชาติบราซิล โดยไปรอเพื่อนๆอยู่ที่สเปน เพื่อรอเตะ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ฟาดแข้งกับ แอตเลติโก มาดริด ซึ่ง อลิสซอน กับ ฟาบินโญ่ สำคัญกับทีมมาก อีกคนเป็นมือ 1 ส่วนอีกคนก็เป็นหัวใจในแผงมิดฟิลด์ แต่เกมนี้ก็คงเห็นแล้วครับว่า ไม่มีอะไรให้น่ากังวลเลยสักนิด โดย ควีวีน เคลเลเฮอร์ นายทวารมือ 2 ที่ลงสนามมา แทบไม่มีงานให้ต้องทำเลย วัตฟอร์ด ยิงตรงกรอบแค่ 2 ครั้ง เท่านั้น จะเอาไม้ลงไปตบยุงก็ไม่ผิดมากนัก แทบไม่โดนบอล ถึงแม้จะมีจังหวะผู้เล่น แตนอาละวาด ยิงชนเสา และ หลุดเดี่ยวไป แต่ก็ยังมี เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ตามมาช่วยได้ทัน ส่วนกองกลาง ถึงแม้ไม่มี ฟาบินโญ่ แต่กระนั้น เจอร์เก้น คล็อปป์ ก็ใช้ 3 นักเตะจอมขยัน ทั้ง จอร์แดน เฮนเดอร์สัน, เจมส์ มิลเนอร์ และ นาบี เกอิต้า ดังนั้นเรื่องเพรสซิ่งไม่ต้องพูดถึง วิ่งกันไม่หยุด เอาชนะมิดฟิลด์คู่แข่งได้แบบสบายๆ เก็บกินหมด ซึ่งน้าเจมส์ ก็ทำแอสซิสต์ให้ทีมได้ด้วย ในวัยเกือบ 36 ปี ฉะนั้นอย่างที่ได้เคยบอกไปครับ ต่อให้ ลิเวอร์พูล จะไม่ได้เซ็นสัญญานักเตะหน้าใหม่ นอกเสียจาก อิบราฮิม่า โกนาเต้ แต่ถ้าผู้เล่นตัวหลักอยู่กันครบๆ พวกเขายังเป็นทีมที่อันตรายมากๆ คงอยู่ที่การรักษาสภาพร่างกายแล้วล่ะครับ ว่าจะทำให้ หงส์แดง บินสูงได้มากขนาดไหน

- แฮตทริค ฟีร์มิโน่

ตั้งแต่ซีซั่นก่อน จนมาถึงช่วงออกสตาร์ทฤดูกาลใหม่ แฟนบอล หงส์แดง ต่างลงเสียงไปในทิศทางกันว่าฟอร์มของ โรแบร์โต้ ฟีร์มิโน่ ตกลงไปเยอะมาก ไม่ค่อยมีส่วนร่วมกับเกมรุก ลิเวอร์พูล มากนัก ไม่ว่าจะเป็นแอสซิสต์ หรือ การยิงประตู ทำให้ ฟีร์มิโน่ ถูกลดบทบาทความสำคัญลงไป ยิ่งซีซั่นนี้ ดิโอโก้ โชต้า หัวหอกของ ลิเวอร์พูล โชว์ผลงานได้ดีกว่า และ สามารถยิงประตูได้ บวกกับ ฟีร์มิโน่ มีอาการบาดเจ็บออดๆแอดๆ จึงไม่แปลกเลยที่ คล็อปป์ เลือก โชต้า ลงสนามก่อน และ แฟนบอลก็อยากให้ โชต้า ลงสนามมากกว่า ฟีร์มิโน่ ด้วยซ้ำ อย่างไรก็ตาม การได้ออกสตาร์ทเป็นตัวจริงของ ฟีร์มิโน่ ในเกมเจอกับ วัตฟอร์ด เนื่องจาก โชต้า ยังไม่สมบูรณ์มากนัก มันน่าจะเป็นการเรียกความมั่นใจกลับมาได้เป็นอย่างดีเลย เพราะ ฟีร์มิโน่ สามารถทำแฮตทริคให้กับ หงส์แดง โดยโชว์ความเป็นหัวหอกตัวกลาง ทั้งไปยืนรอจุดนัดพบ และ อยู่ถูกที่ถูกเวลา  ส่งผลให้ตอนนี้ดาวเตะทีมชาติบราซิล กดไปแล้ว 4 ประตู และ จากแฮตทริคที่ทำได้ คงทำให้ คล็อปป์ ปวดหัวมากขึ้นในการเลือกตัว ซึ่งมันถือว่าเป็นเรื่องดี เพราะยิ่งมีการแข่งขันในทีมมากขึ้นเท่าไหร่ ทีมยิ่งแข็งแกร่งขึ้นมากเท่านั้น

- 4 แสนปอนด์ ก็ต้องให้

จะ สามแสนแปด หรือ สี่แสนปอนด์ ก็เปย์ค่าเหนื่อยให้กับ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ไปเถอะครับ เพราะฟอร์มแบบนี้ มันคู่ควรมากจริงๆ ต่อให้จะแหกเพดานค่าจ้างของทีมก็ตาม เนื่องจาก คิงโม กำลังอยู่ในช่วงฟอร์มที่พีคสุดๆ ชนิดที่ ลิเวอร์พูล จะขาดเขาไปไม่ได้อีกแล้ว หลังจากที่ ซาลาห์ สร้างสถิติเป็นดาวซัลโวยิง 32 ประตู สูงสุดในศึก พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ต่อ 1 ซีซั่น ก็มีหลายคนตั้งคำถามว่า "One season wonder?" คือจะเก่งแค่ซีซั่นเดียวหรือเปล่า ซึ่งทุกอย่างชัดเจนแล้วครับว่า บังโม คือทุกอย่างของ หงส์แดง ลูกโซโล่ยิงใส่ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ก็ว่าสุดแล้ว เกมนี้เขาก็พาบอลแหวกกองหลัง วัตฟอร์ด 3-4 คน เข้าไปยิงในลักษณะคล้ายคลึงกัน เป็นลูกที่โคตรยาก แต่ทำให้เหมือนง่าย ไหนจะมีแอสซิสต์สวยๆให้กับ ซาดิโอ มาเน่ ยิงได้อีก ดังนั้นฟอร์มแบบนี้ มันผิดมหันต์มาก หากปล่อยให้ ซาลาห์ ย้ายออกไป เพราะชั่วโมงนี้ ซาลาห์ เป็นหนึ่งในดาวยิงที่ดีที่สุดในโลก ถึงขั้นที่ เจอร์เก้น คล็อปป์ อวยยศ บังโม เลยว่า เวลานี้ ไม่เห็นใครที่เก่งกว่า ซาลาห์ จริงๆ ดังนั้นในเมื่อสัญญาฉบับใหม่ยังไม่ลุล่วง และ บอสพูดขนาดนี้แล้ว ซาลาห์ จะขอเท่าไหร่ ก็รีบเปย์ให้เลยครับ

- อย่าลืมประตูที่ 100 ของ มาเน่

น่าเห็นใจ ซาดิโอ มาเน่ เหมือนกัน เพราะถึงแม้เขาจะมีชื่อ เป็นหนึ่งในผู้ทำประตูให้กับ หงส์แดง เกมบุกไปถล่ม วัตฟอร์ด แบบเละเทะ ซึ่งเป็นคนยิงเปิดซิงให้ทีมขึ้นนำด้วยซ้ำ แต่ทว่าก็ถูกกลบรัศมีไปหมด ด้วยฟอร์มการเล่นของ โม ซาลาห์ และ แฮตทริคจาก โรแบร์โต้ ฟีร์มิโน่ อย่างไรก็ตาม ประตูของ พี่ณเดชน์ ในเกมนี้ มันสำคัญมากในชีวิตค้าแข้ง เพราะเป็นลูกที่จะมีการจารึกไว้ว่า ซาดิโอ มาเน่ เป็นนักเตะสายเลือดแอฟริกัน คนที่ 3 ที่สามารถยิงครบ 100 ประตู ในศึก พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ต่อจาก โมฮาเหม็ด ซาลาห์ และ ดิดิเย่ร์ ดร็อกบา ตำนานหัวหอกจาก เชลซี ซึ่งแบ่งเป็นการยิงให้ เซาธ์แฮมป์ตัน 21 ลูก และกับ ลิเวอร์พูล อีก 79 ตุง โดยไม่มีการซัดจุดโทษมาเจือปนสักเม็ดเดียว ที่สำคัญไปกว่านั้น การที่ มาเน่ มีชื่อบนสกอร์บอร์ด ก็คงทำให้ความมั่นใจของเขาเพิ่มมากขึ้นไปอีก เพราะ 5 นัดหลังสุดที่ลงให้กับ ลิเวอร์พูล ซัดไป 4 ประตู ผิดกับซีซั่นก่อนที่กว่าจะคลำเป้าเจอ ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องดี เพราะแนวรุกจะได้ไม่ต้องฝากความหวังไว้ที่ โม ซาลาห์ มากเกินไป ซึ่งจากการที่ มาเน่ และ ฟีร์มิโน่ ยกระดับการทำประตูขึ้นมาอีกครั้ง ส่งผลให้ตอนนี้ ลิเวอร์พูล ยิงไปแล้ว 22 ประตู มากว่าทุกทีม ในศึก พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ซีซั่น 2021-22 โดยอีกหนึ่งสถิติก็คือ หงส์แดง ยิงเกมนอกบ้าน 3 ประตูขึ้นไป มา 7 นัดทุกรายการ ติดต่อกันแล้ว เป็นอะไรที่ร้อนแรงสุดๆ

- รานิเอรี่ โดนรับน้อง

วัตฟอร์ด เป็นทีมแรกในศึก พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ซีซั่นนี้ ที่มีการเปลี่ยนกุนซือ หลังปลด ซิสโก้ มูนยอซ ออกจากตำแหน่ง และ แต่งตั้ง เคลาดิโอ รานิเอรี่ เฮดโค้ชมากประสบการณ์ ผู้เคยพา เลสเตอร์ ซิตี้ ทำเซอร์ไพรส์คว้าแชมป์ลีกมาครอง จริงๆแล้ว รานิเอรี่ เป็นกุนซือ ที่มีสถิติดีมากๆเวลานำทีมเปิดบ้านเจอกับ ลิเวอร์พูล เพราะสามารถเก็บชัยชนะได้ถึง 4 จาก 5 นัด ในศึก พรีเมียร์ลีก อังกฤษ แต่ว่าครั้งนี้มันแตกต่างออกไป เพราะถูกรับน้องตั้งแต่เกมแรก และ โดนดาหน้าถล่มไปถึง 5 ประตู บอลเปลี่ยนโค้ชใช่ว่าจะดีเสมอไป เพราะด้วยระยะเวลาที่ยังเข้ามาคุมทีมได้ไม่นานนัก ทำให้ต้องมีการปรับปรุงแก้ไขอีกหลายๆจุด กว่าจะลงตัว โดยเฉพาะเกมรับ ซึ่งแมตช์นี้ แดนนี่ โรส กลายเป็นบ่อน้ำมัน โดนนักเตะ ลิเวอร์พูล เจาะเป็นว่าเล่น ต้องมารอดูกันว่าสุดท้ายแล้ว รานิเอรี่ จะช่วยให้ วัตฟอร์ด ดีขึ้นมากแค่ไหน

ฮาย ฮาวดี้

logoline