การที่ได้ก้าวขึ้นมาเป็นนักฟุตบอลอาชีพ แน่นอนผลตอบแทนในแต่ละสัปดาห์นั้นย่อมมากโขพอเลี้ยงชีวิตไปแบบสบายๆ ซึ่งเส้นทางของแต่ละคนนั้นก็แตกต่างกันออกไป บางคนเติบโตขึ้นมาพร้อมกับความยากจนแต่อาศัยความพยายามในการพาตัวก้าวขึ้นมาเป็นซูเปอร์สตาร์
แต่ทว่าในอีกมุมหนึ่งก็มีรักเตะจำนวนไม่น้อยที่เติบโตขึ้นมาในครอบครัวที่เพียบพร้อม โดยเฉพาะในเรื่องของการเงินๆ ทองๆ ที่เขาเองสามารถเจริญรอยตาม หรือไม่ต้องเหนื่อยมาวิ่งไล่หวดลูกหนังในแบบทุกวันนี้ก็ย่อมได้ ว่าแล้ว ขอบสนาม ของเราจะพาไปดู 10 แข้งบ้านมีฐานะ แต่หัวเรียกร้องขอให้เป็นนักฟุตบอล ซึ่งจะมีใครบ้างไปติดตามกันได้เลยโอลิเวอร์ เบียร์โฮฟฟ์
ตำนานแข้งทีมชาติเยอรมันที่สามารถก้าวขึ้นมาเป็นหนึ่งในตำนานของทัพ "อินทรีเหล็ก" ได้อย่างยอดเยี่ยม ย้อนกลับไปสมัยที่เขายังเด็กครอบครัวของ เบียร์โฮฟฟ์ ถือว่ามีฐานะมากพอสมควร คุณพ่อของเขาเป็นหัวหน้าบริษัทด้านพลังงาน ซึ่งตัวเขาเองก็ถูกปลูกฝั่งว่าจะให้เจริญรอยตามผู้เป็นบิดา แต่ทว่าเจ้าตัวไม่สนใจ และเลือกที่จะก้าวเดินในรอยเท้าของตัวเองเพื่อทำในสิ่งที่มีความสุขมากกว่านั้นคือการ เล่นฟุตบอล ตามที่หัวใจต้องการ ว่าแล้วเขาก็เริ่มก้าวเข้าสู่ฟุตบอลอาชีพอย่างเต็มตัวในปี 1986 กับสโมสร เออร์ดิงเกิน ก่อนโยกย้ายไปหลายสโมสร ก่อนก้าวขึ้นมาติดทีมชาติเยอรมันได้สำเร็จ ความสำเร็จของเขาที่จำได้ไม่รู้ลืมคือแชมป์ยูโร 1996 ที่เจ้าตัวเป็นคนเหมาคนเดียว 2 ประตูในรอบชิงชนะเลิศเอาชนะ สาธารณะรัฐเช็ก ได้สำเร็จ ซึ่งนั้นคือความสำเร็จสูงสุดในนามทีมชาติของ โอลิเวอร์ เบียร์โฮฟฟ์ เลยทีเดียวจานลูก้า วิอัลลี่
อดีตกองหน้าทีมชาติอิตาลีที่เป็นขวัญใจใครหลายคน ซึ่งชีวิตในวัยเด็กของเขาต้องบอกว่าเติบโตขึ้นมาในครอบครัวที่โคตรรวย ถ้าจะพูดปากเปล่าคงมองไม่เห็นภาพ เอาเป็นว่า วิอัลลี่ อาศัยอยู่ในสิ่งที่เรียกว่าปราสาทที่มีถึง 60 ห้อง และเป็นลูกชายของเศรษฐีในอิตาลี ที่ยิ่งใหญ่เป็นอย่างมากในเมือง เครโมน่า แต่ทว่าความร่ำรวยตรงนั้นไม่ได้ฉุดรั้งเขาให้มีความใจกล้าอยากจะเป็นนักฟุตบอลอาชีพ เพราะด้วยอายุเพียง 9 ขวบ เจ้าตัวได้ไปฝึกศาสตร์ลูกหนังกับทีมท้องถิ่น ก่อนย้ายไปอยู่กับสโมสรที่มีชื่อ เครโมเนเซ่ และได้โอกาสก้าวขึ้นสู่ชุดใหญ่ของสโมสรในช่วงปี 1980 จากนั้นก็เริ่มแจ้งเกิด พร้อมย้ายไปเล่นให้ทีมใหญ่ๆ ไม่ว่าจะเป็น ซามพ์โดเรีย, ยูเวนตุส และ เชลซี พร้อมทั้งเขาได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในนักเตะที่คว้าแชมป์มาเชยชมมากที่สุดคนหนึ่งของวงการลูกหนังแดนมะกะโรนี เพราะไม่ว่าจะย้ายไปไหนก็มักมีโทรฟี่แชมป์ติดมือมาอยู่ตลอด
อันเดรีย ปีร์โล่
มิดฟิลด์สายคลาสสิคที่เป็นไอคอนของความสุขุม และนุ่มลึก ใช้สองในการเล่นฟุตบอลอย่างแท้จริง ซึ่งสมัยที่เขายังคงเป็นเด็กคุณพ่อของเขาเป็นผู้ก่อตั้งโรงงานเหล็กเจ้าใหญ่ของเมือง เบรสชา ในประเทศอิตาลี ซึ่งในเมื่อเป็นถึงเจ้าของกิจการ แน่นอนว่าเขาสามารถสืบสาน และเป็นอาเฮียต่อจากบิดาของเขาได้แบบสบายๆ แม้จะทำแบบนั้นได้แต่หัวใจของ ปีร์โล่ เรียกร้องถึงการเป็นนักฟุตบอลอาชีพมากกว่า เพราะด้วยพรสวรรค์ของเขานั้นมีเหลือล้นเหลือเกินในการเล่นฟุตบอลว่าแล้วเขาก็เริ่มเข้าสู่เส้นทางที่ควรจะเป็นด้วยการเข้าไปสู่อคาเดมี่ของ เบรสชา เมืองท้องถิ่นที่เขาเติบโตขึ้นมาก ก่อนที่จะย้ายออกไปหาประสบการณ์ และเก็บเกี่ยวความสำเร็จกับทีมที่ใหญ่กว่า อินเตอร์ มิลาน, เอซี มิลาน และ ยูเวนตุส นี่คือ 3 สโมสรใหญ่ที่ ปีร์โล่ ผ่านการค้าแข้งมาหมดแล้ว ซึ่งหลังนำสตั๊ดขึ้นไปแขวนเจ้าตัวก็เริ่มธุรกิจส่วนตัวด้วยการนั้นก็คือไร่องุ่น และการทำไวน์ ที่ก่อตั้งขึ้นเมื่อช่วงปี 2007 เรียกได้ว่าคลาสสิคทั้งใน และนอกสนามมากจริงๆ สำหรับผู้ชายคนนี้ชาบี อลอนโซ่
อีกหนึ่งกองกลางสายคลาสสิคที่เติบโตขึ้นมาในครอบครัวที่สายกีฬาเป็นทุนเดิม คุณพ่อของเขาอย่าง เปริโก อลอนโซ่ เป็นอดีตนักฟุตบอล และผู้จัดการทีม ซึ่งภายหลังรีไทร์หันหลังให้ฟุตบอลแล้วก็ได้นำเงินไปลงทุนในตลาดหุ้น ก่อนประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากเลยทีเดียว ส่วนตัวของ ชาบี อลอนโซ่ เริ่มต้นในเส้นทางนักฟุตบอลอาชีพกับ เรอัล โซเชียลดัด ก่อนก้าวขึ้นมาสู่ทีมชุดใหญ่ของสโมสร พร้อมสร้างชื่อด้วยผลงานที่โดดเด่น ก่อนได้โอกาสครั้งสำคัญในการย้ายไปเล่นให้กับ ลิเวอร์พูล ในประเทศอังกฤษ ซึ่งก็ถือว่าประสบความสำเร็จคว้าทั้งแชมป์ แชมเปี้ยนส์ลีก, ซูเปอร์คัพ รวมไปถึง เอฟเอ คัพ ก่อนที่จะโยกย้ายไปค้าแข้งกับ เรอัล มาดริด และ บาเยิร์น มิวนิค ซึ่งก็ถือว่าโกยความสำเร็จมาเชยชมเยอะเลยทีเดียว ส่วนปัจจุบันหลังแขวนสตั๊ดเจ้าตัวยังคงโลดแล่นอยู่ในวงการลูกหนังด้วยการเป็นกุนซือของทีม เรอัล โซเชียดัด เบ ในตอนนี้
กาก้า
เทพบุตรลูกหนังที่เป็นขวัญของแฟนบอลชาวบราซิล และแฟนบอลทั่วโลก เพราะด้วยวิถีชีวิต และฝีเท้าที่ยอดเยี่ยมจนถึงขั้นคว้ารางวัลบัลง ดอร์ ไม่แปลกที่เขายังได้รับการยกย่องอย่างมากมาย ชีวิตวัยเด็กของ กาก้า จะเรียกว่าบ้านของเขาร่ำรวยแบบเหลือกินเหลือใช้ก็ไม่ถึงขั้นขนาดนั้น แต่ทว่าก็เป็นครอบครัวที่อบอุ่นชนชั้นกลาง โดยคุณพ่อของเขาเป็นวิศวกรโยธา ขณะที่คุณแม่มีอาชีพเป็นคุณครูในโรงเรียนประถม ส่วน กาก้า ถือว่าเป็นลูกชายที่มีความฉลาดเป็นอย่างมาก ถึงขั้นสามารถเป็นคุณหมอได้แบบสบายๆ แต่แล้วเขาเองก็เป็นคนเลือกเส้นทางของตัวเองด้วยการเซ็นสัญญากับสโมสร เซา เปาโล เพื่อเดินทางในรอยเท้าของตัวเองคือการเป็นนักฟุตบอลอาชีพ ทิ้งสายการเรียนแบบวิชาการที่เขาสามารถไปได้ไกลทิ้งไปเลย จุดเปลี่ยนที่แท้จริงคือ กาก้า กระดูกสันหลังหักจากการเล่นซนแบบเด็กๆ ทำให้เขาต้องนอนติดเตียงอยู่นานถึง 2 เดือน ตอนแรกแพทย์ที่ทำการผ่าตัดบอกว่าเขาอาจจะเป็นอัมพาตได้ แต่ทว่าด้วยครอบครัวของเขาที่เป็นคริสเตียนแบบเต็มขั้นได้สวดภาวนาในทุกๆ วัน จน กาก้า กลับมาเป็นปกติ อีกทั้งยังไล่หวดลูกหนังได้แบบสบายๆ ซึ่งนั้นแหละคืออีกมุมหักเหในชีวิตที่สุดสำคัญของ ริคาร์โด้ อิเซคสัน ดอส ซานโตส ไลเต หรือว่า "กาก้า"โรบิน ฟาน เพอร์ซี่
เจ้าของฉายา "อีซ้ายสั่งตาย" ที่สมัยยังเด็กเขาเติบโตขึ้นมาในครอบครัวที่เป็นศิลปินชื่อดังในประเทศฮอลแลนด์ คุณพ่อของเขาเป็นนักประดิษฐ์ที่ประสบความสำเร็จอย่างมาก ขณะที่คุณแม่ประกอบอาชีพเป็นนักออกแบบจิตรกรชื่อดัง ส่วนตัวของ ฟาน เพอร์ซี่ กลับไม่ได้เดินตามทางของทั้ง 2 ท่าน แต่เลือกเป็นนักฟุตบอลตามความต้องการของตัวเอง แม้ทั้งคุณพ่อ-คุณแม่ จะมีฐานะไม่ได้ยากจน แถมมีทั้งเงินทอง และชื่อเสียง แต่ เพอร์ซี่ เริ่มขีดเขียนทางเดินของตัวเองตั้งแต่อายุเพียง 14 ด้วยการเข้าไปเป็นเด็กในอคาเดมี่ของ เอ็กเซลเซอร์ ก่อนย้ายไปร่วมทัพ เฟเยนูร์ด ร็อตเธอร์ดัม ซึ่งที่แหง่นี้สามารถสร้างชื่อให้กับเขา จนได้โอกาสโยกย้ายไปเล่นที่อังกฤษกับ อาร์เซน่อล ในปี 2001 จากนั้นก็ย้ายมาประสบความสำเร็จกับ แมนฯ ยูไนเต็ด ก่อนที่ช่วงปลายอาชีพค้าแข้งจะย้ายกลับไปเล่นให้กับ เฟเยนูร์ด และประกาศแขวนสตั๊ดไปเมื่อปี 2019 ซึ่งปัจจุบันเจ้าตัวก็ยังคงทำงานกับสโมสรในบทบาทของผู้ช่วยโค้ชในทีมระดับเยาวชน
มาริโอ เกิทเซ่
ซึ่งที่ต้องยอมรับคือ เกิทเซ่ เกิดมาในครอบครัวที่หัวดีเอามากๆ คุณพ่อของเขาคือศาสตราจารย์ เจอร์เก้น เกิทเซ่ ซึ่งทำงานอยู่ที่มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีดอร์ทมุนด์ ก่อนที่ในปี 1990 เขาจะย้ายไปดำรงตำแหน่งงานวิจัยในแผนกวิทยาการคอมพิวเตอร์ของ มหาวิทยาลัยเยล ในประเทศอเมริกา นอกจากชื่อเสียงโด่งดังแล้ว เรื่องของฐานะคงไม่ต้องสาธยายอะไรให้มากความ ฉะนั้นแล้วคงไม่ต้องสืบว่าหัวสมองของ เกิทเซ่ จะได้รับอิทธิพลมามากขนาดไหน โดยเฉพาะในเรื่องวิชาการแขนงต่างๆ แต่ทว่าตัวของ เกิทเซ่ เลือกที่จะหันหน้ามาเอาดีในเรื่องของฟุตบอลแทน ไปเข้าร่วมทีมอคาเดมี่เล็กๆ ในท้องถิ่นก่อนที่จะพัฒนาฝีเท้าจนได้โอกาสย้ายไปสู่ทีมใหญ่กว่าอย่าง โบรุสเซีย ดอร์มุนด์ และได้รับโอกาสในทีมชุดใหญ่จนแจ้งเกิดได้สำเร็จ และกับเส้นทางสายนี้เขาเองก็ไปสุดทางในเรื่องของความสำเร็จเช่นกันโดยเฉพาะแชมป์ฟุตบอลโลกเมื่อปี 2014 ที่เขาเป็นผู้สังหารประตูชัยในรอบชิงชนะเลิศ รวมไปถึงโทรฟี่ต่างๆ ในนามสโมสร แม้ที่ผ่านมาจะมีข่าวที่ไม่ค่อยสู้ดีเกี่ยวกับเขามากนักนั้นก็คือโรคที่เกี่ยวพันกับระบบการเผาผลาญอาหาร ส่งผลให้กล้ามเนื้อบางส่วนเกิดปัญหา ซึ่งปัจจุบัน เกิทเซ่ ในวัย 29 ปี ยังคงโลดแล่นในวงการลูกหนังกับ พีเอสวี ไฮโดรเฟ่น ในลีกฮอลแลนด์อยู่นั้นเองเคราร์ด ปิเก้
ปราการหลังจาก บาร์เซโลน่า ลืมตาดูโลกในครอบครัวที่ค่อนข้างฐานะ และมีหน้ามีตาในสังคม เพราะคุณพ่อของเขาเป็นนักกฎหมายและนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก ขณะที่คุณแม่เป็นผู้อำนวยการโรงพยาบาลในบาร์เซโลน่า แต่ทว่ากับตัว ปิเก้ เขาเลือกที่จะสร้างชื่อให้กับวงศ์ตระกูลด้วยการเป็นนักฟุตบอลอาชีพ แม้ช่วงแรกในเส้นทางสายนี้อาจไม่ได้สวยงามมากนัก โดยเฉพาะการย้ายไปหาประสบการณ์กับ แมนฯ ยูไนเต็ด แต่ทว่าพลันที่ได้กลับมาเล่นให้กับทัพ "อาซูลกราน่า" เขากลายเป็นแนวรับตัวหนักที่พาทีมพุ่งชนกับความสำเร็จแบบต่อเนื่อง รวมไปถึงในนามทีมชาติสเปนที่ ปิเก้ คว้ามาได้ทั้งแชมป์โลก และแชมป์ยูโร เรียกได้ว่าโทรฟี่สำคัญๆ เขาคว้ามาเชยชมได้หมดแล้ว ส่วนชีวิตส่วนตัว ปิเก้ แต่งงานกับนักร้องชื่อดังอย่าง ชากีร่า ก่อนที่จะมีแก้วตาดวงใจด้วยกัน 2 คน ซึ่งด้วยชีวิตในรูปแบบของ ปิเก้ ถือว่าแฮปปี้ทั้งเรื่องใน และนอกสนาม เลยทีเดียวอูโก้ โยริส
กัปตันทีมชาติฝรั่งเศส และ ท็อตแน่ม ฮอตสเปอร์ ที่เกิดมาในครอบครัวที่ค่อนข้างเพียบพร้อมในทุกๆ ด้าน คุณพ่อเป็นนายธนาคาร ส่วนคุณแม่เป็นถึงทนายความที่ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก แต่ว่าตัวของ โยริส เลือกที่จะอยากจะเป็นนักฟุตบอลอาชีพ ทั้งๆ ที่สมัยเด็กชื่นชอบการเล่น เทนนิส เป็นชีวิตจิตใจ ในช่วงวัย 11 ปี เจ้าตัวได้มีโอกาสเข้าไปยังฝึกซ้อมกับทีมท้องถิ่นอย่าง นีซ จนกระทั่งได้ก้าวขึ้นมาสู่ทีมชุดใหญ่ของสโมสร ก่อนย้ายออกไปอยู่กับทีมยักษ์ใหญ่ของประเทศอย่าง โอลิมปิก ลียง ในช่วงปี 2008 หลังจากนั้นอีก 4 ปี ก็ได้ย้ายออกมาหาประสบการณ์ในต่างแดนกับ สเปอร์ส จวบจนกระทั่งถึงปัจจุบัน ส่วนในนามทีมชาติความสำเร็จสูงสุดนอกจากจะได้สวมปลอกแขวนกัปตันทีม ยังเป็นกำลังสำคัญในการเถลิงบัลลังก์แชมป์ฟุตบอลโลกเมื่อปี 2018 อีกด้วย รวมไปถึงแชมป์ยูฟ่า เนชั่นส์ ลีก อีกหนึ่งโทรฟี่ที่เพิ่งคว้ามาครองกับทัพ "ตราไก่" เมื่อเร็วๆ นี้