เปิดลิสต์ ! 10 กุนซือ ตกงานไวสุดบนหน้าประวัติศาสตร์ พรีเมียร์ลีก
ในที่สุด นูโน่ เอสปิริโต้ ซานโต้ ก็ดวงไม่แข็งพอจนต้องตกงานไปหลังถูก ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ไล่ตะเพิดไปทั้งที่ได้โอกาสทำงานที่นี่แค่ราวๆ 3-4 เดือนเท่านั้น
มันอาจจะฟังดูไวไปมาก แต่จริงๆ บนหน้าประวัติศาสตร์ พรีเมียร์ลีก อังกฤษ มีกุนซืออีกหลายคนที่ตกงานไวกว่าแกเยอะ จะมีใครบ้างนั้นไปติดตามคอนเทนต์จากทางเรา ขอบสนาม ได้เลยครับ
สตีฟ วิกลี่ย์ - 107 วัน
ย้อนเวลากลับไปช่วงปี 2004 เซาธ์แฮมป์ตัน ได้ประกาศแต่งตั้ง สตีฟ วิกลี่ย์ เข้ามาเป็นกุนซือคนใหม่แทนที่ พอล สเตอร์ร็อค ทั้งที่เคยผ่านประสบการณ์การคุมทีมเล็กๆ แค่ อัลเดอร์ช็อต แค่นั้น เขาอาจจะเคยทำผลงานได้ดีกับทีมชุดเยาวชน แต่ถ้าวัดกับทีมชุดใหญ่แน่นอนว่ามันต่างกันหลายขุม
เขาต้องตกงานจาก เซาธ์แฮมป์ตัน ไปในวันที่ 8 ธันวาคม ปี 2004 หลังได้โอกาสคุมทีไป 106 วัน ตีเป็น 14 นัด และเก็บชัยชนะได้เพียงแค่เกมเดียวเท่านั้นนั่นก็คือการกำชัยในศึก ดาร์บี้ แมตช์ ที่เจอกับคู่อริอย่าง พอร์ทสมัธ แค่นั้น
เคลาดิโอ รานิเอรี่ - 106 วัน
เจ้าของฉายา "เดอะ ทิงเกอร์แทน" สร้างตำนานเทพนิยายอย่างยิ่งใหญ่ด้วยการพา เลสเตอร์ ซิตี้ เถลิงบัลลังก์แชมป์ พรีเมียร์ลีก อย่างยิ่งใหญ่เมื่อปี 2016 นั่นทำให้มูลค่าในตัวของ เคลาดิโอ รานิเอรี่ เพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล เรียกได้ว่าถ้าว่างงานเมื่อไหร่จะมีสโมสรติดต่อเข้าไปทาบทามแน่นอน
เคลาดิโอ รานิเอรี่ ได้กลับมาทำงานบนสังเวียน พรีเมียร์ลีก อีกครั้งในปี 2019 พร้อมกับภารกิจในการพา "เจ้าสัวน้อย" หนีตายให้จงได้ แต่สุดท้ายผลปรากฏว่าปาฏิหาริย์ที่แกเคยสร้างไว้ที่ คิง พาเวอร์ สเตเดี้ยม ไม่ได้ช่วยอะไรเลย เพราะ รานิเอรี่ พา ฟูแล่ม เก็บชัยชนะได้เพียง 3 นัดเท่านั้นจากการลงเล่น 16 เกม สุดท้ายไม่รอดต้องตกชั้นกลับไป เดอะ แชมเปี้ยนชิพ ในท้ายที่สุด และแน่นอนว่าจากสิ่งที่เกิดขึ้นทำให้ รานิเอรี่ ต้องโดนไล่ตะเพิดทั้งที่ได้โอกาสคุมทีมแค่ 106 วันเท่านั้น
โทนี่ อดัมส์ - 106 วัน
โคตรตำนานของ "ไอ้ปืนใหญ่" อาร์เซน่อล เคยประเดิมฝีมือบนเส้นทางกุนซือมากับ วีคอมบ์ก่อนจะได้โอกาสกลับมาพิสูจน์ตัวเองอีกครั้งกับ พอร์ทสมัธ เมื่อปี 2009 แทนที่ แฮร์รี่ เร้ดแนปป์
เขาเกือบสร้างผลงานชิ้นโบว์แดงได้จากการนำทีมอย่าง เอซี มิลาน ถึง 2-0 ในศึก ยูฟ่า คัพ ก่อนที่สุดท้ายสกอร์จะมาจบลงที่ 2-2 และสิ่งที่ทำให้ โทนี่ อดัมส์ ต้องไปจาก "ปอมปีย์" ในระยะเวลาแค่เพียง 106 วันก็คือผลงานอันย่ำแย่เพราะแกพาทีมเก็บชัยชนะได้แค่เพียง 2 นัดเท่านั้นจากการคุมทีมทั้งหมด 16 เกม
คอลิน ทอดด์ - 98 วัน
ชื่อของ คอลิน ทอดด์ ถูกจดจำในฐานะหนึ่งในตำนานบนหน้าประวัติศาสตร์ของ ดาร์บี้ เคาน์ตี้ เขาได้โอกาสกลับมาช่วยทีมรักอีกครั้งในฐานะผู้จัดการทีมเมื่อฤดูกาล 2001-02 แทนที่อีกหนึ่งตำนานที่ต้องจากไปนั่นก็คือ จิมมี่ สมิธ
ด้วยปัญหาทางสภาพการเงินที่ทำให้ ดาร์บี้ ไม่สามารถเสริมทัพได้ แถมพวกตัวหลักๆ อย่าง มัลคอล์ม คริสตี้, เซธ จอห์นสัน และ คริส ริกกอตต์ ต่างก็มีข่าวกับทีมใหญ่ๆ นั่นทำให้ชะตากรรมของ คอลิน ทอดด์ กับ ดาร์บี้ ไม่ได้ต่างอะไรกับยุคของ จิมมี่ สมิธ
เขาได้โอกาสคุมทีมไป 16 นัด แต่กลับเก็บชัยได้เพียงแค่ 4 นัดเท่านั้น ก่อนจะต้องตกชั้นไปในฐานะทีมอันดับ 19 ส่วนตัวของ คอลิน ทอดด์ ก็โดนไล่ตะเพิดไปจากการแพ้ทีมได้เทียร์ 4 อย่าง บริสตอล ซิตี้ ในศึก เอฟเอ คัพ เบ็ดเสร็จแล้วแกได้เวลาทำงานกับ ดาร์บี้ ทั้งหมดแค่ 98 วัน เท่านั้น
เทอร์รี่ คอนเนอร์ - 91 วัน
ในช่วงที่ วูล์ฟแฮมป์ตัน วันเดอเรอร์ส กำลังระส่ำหนักช่วงปี 2012 ทางสโมสรได้ตัดสินใจสั่งปลด มิค แม็คคาร์ธี่ และดันให้ เทอร์รี่ คอนเนอร์ ขึ้นมารักษาการชั่วคราวก่อนจะได้สัญญาคุมทีมจนถึงช่วงจบซีซั่น
ถึงจะมีการเปลี่ยนแปลงตำแหน่งกุนซือแต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้สถานการณ์ของพลพรรค "หมาป่า" ดูดีขึ้น เพราะท้ายที่สุด วูล์ฟแฮมป์ตัน เก็บได้แค่เพียง 4 คะแนนจาก 13 เกม จบอันดับบ๊วยของตารางต้องตกชั้นกลับไปแก้ตัวใหม่ในเวที เดอะ แชมเปี้ยนชิพ และแน่นอนว่านั่นก็ทำให้ เทอร์รี่ คอนเนอร์ ต้องตกงานไปทั้งที่ได้คุมทีมแค่ 91 วัน เท่านั้น
กีเก้ ซานเชซ ฟลอเรส - 85 วัน
กีเก้ ซานเชซ ฟลอเรส เคยฝากผลงานอันน่าประทับใจไว้กับ วัตฟอร์ด เมื่อฤดูกาล 2015-16 ด้วยการจบอันดับกลางตารางของ พรีเมียร์ลีก แถมยังตีตั๋วไปไกลถึงรอบรองชนะเลิศด้วยในศึก เอฟเอ คัพ นับว่าความสำเร็จที่น่าจดจำสุดๆ เพราะปีนั้นทัพ "แตนอาละวาด" มีสถานะเป็นทีมน้องใหม่
อย่างไรก็ตามหลัง วัตฟอร์ด ประกาศแยกทางกับ ฆาบี การ์เซีย นั่นก็ทำให้ กีเก้ ซานเชซ ฟลอเรส ได้โอกาสกลับมากอบกู้สถานการณ์อันย่ำแย่อีกครั้ง แต่สุดท้ายแกก็ไม่สามารถทำผลงานได้ดีตามความคาดหวังที่ถูกตั้งเอาไว้ เขาพาทีมเก็บชัยชนะในลีกได้แค่นัดเดียวเท่านั้น มิหนำซ้ำยังต้องมาโดน แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ถล่มแบบเละเทะถึง 8-0 ก่อนจะตกงานในเวลากับระยะเวลาในการทำงานทั้งหมดที่ วิคาเรจ โร้ด แค่ 85 วันเท่านั้น
บ็อบ แบรดลี่ย์ - 84 วัน
ย้อนเวลากลับไปราวๆ 5 ปีก่อน บ็อบ แบรดลี่ย์ ได้รับการยกย่องว่าเป็นผู้จัดการทีมชาวอเมริกันที่ดีที่สุดคนหนึ่ง ณ ตอนนั้นจากโปรไฟล์การพา ทีมชาติสหรัฐอเมริกา เถลิงบัลลังก์แชมป์ คอนคาเคฟ โกลด์ คัพ และนั่นก็ทำให้เขาเอาชนะ ไรกิ๊กส์ ซึ่งเป็นหนึ่งในแคนดิเดตที่จะเข้ามารับงานคุมทีม สวอนซี ซิตี้
การได้ชื่อว่าเป็นกุนซือชาวอเมริกันคนแรกบนสังเวียน พรีเมียร์ลีก เหมือนจะดูดี แต่ในทางตรงกันข้ามมันเหมือนกับแกเอาชื่อมาทิ้งที่นี่มากกว่า เพราะ บ็อบ แบรดลี่ย์ พาทัพ "หงส์ขาว" แพ้ไปถึง 7 จากการคุมทีม 11 นัด จนในที่สุดก็ต้องตกงานไปทั้งที่ได้เวลาคุมทีมแค่เพียง 84 วันเท่านั้น
แฟร้งค์ เดอ บัวร์ - 77 วัน
แฟร้งค์ เดอ บัวร์ สร้างชื่อขึ้นมาเป็นตำนานกับการเป็นกองหลังที่ดีที่สุดคนหนึ่งของ ทีมชาติฮอลแลนด์ จริงอยู่ความฝันของนักฟุตบอลแทบทุกคนก็คือการเป็นโค้ช แต่นั่นดูไม่ใช่สิ่งที่เหมาะกับผู้ชายคนนี้เท่าไหร่
ย้อนเวลากลับไปช่วงปี 2016 สมัยได้งานคุมทีมดังอย่าง อินเตอร์ มิลาน แฟร้งค์ เดอ บัวร์ ต้องเจอกับสถิติที่ไม่น่าจดจำนั่นก็คือการเป็นผู้จัดการทีมที่ต้องตกงานไปหลังได้ทำงานแค่เพียง 85 วันเท่านั้น
แต่หารู้ไม่ว่าการย้ายมาทำงานต่อที่ คริสตัล พาเลซ ในปี 2017 แฟร้งค์ เดอ บัวร์ ต้องเจอกับชะตากรรมที่สาหัสยิ่งกว่า เพราะในช่วงเวลาแค่เพียง 10 สัปดาห์ เดอ บัวร์ พาทีมแพ้ทั้ง 4 เกมใน พรีเมียร์ลีก แถมยังยิงใครไม่ได้เลย นับเป็นสถิติที่แย่ที่สุดในรอบ 93 ปี และนั่นมันก็สมเหตุสมผลดีกับการที่เขาต้องตกงานไปทั้งที่ได้เวลาทำงานกับทัพ "ปราสาทเรือนแก้ว" แค่ 77 วันเท่านั้น
เรเน่ มูเลนสตีน - 75 วัน
มีดีกรีเป็นถึงอดีตมือขวา เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน และเคยเป็นหัวหน้าทีมโค้ชของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด นั่นคือช่วงชีวิตที่ทำให้หลายๆ คนได้รู้จักกับชื่อ เรเน่ มูเลนสตีน ถ้าจะถามถึงประสบการณ์การคุมทีมแบบเต็มๆ จำได้ว่าแฟน "เจ้าสัวน้อย" ฟูแล่ม น่าจะดี๊ด๊าไม่ใช่น้อยที่ผู้ชายคนนี้ได้รับการแต่งตั้งให้เข้ามาเป็นผู้จัดการทีมคนใหม่เมื่อปี 2013
อย่างไรก็ตามด้วยความคาดหวังที่ถูกตั้งเอาไว้สูงกับการเป็นมือขวาของ "ป๋าเฟอร์กี้" มันกลับทำให้แฟนๆ ต้องผิดหวัง เพราะ 13 นัดที่ เรเน่ มูเลนสตีน ได้บัญชาทัพไปแกพาทีมเก็บชัยชนะได้แค่ 3 นัดเท่านั้น ก่อนที่ ฟูแล่ม จะหมดความอดทนและไล่ตะเพิดไปทั้งที่ทำงานได้แค่ 75 วันเท่านั้น และเป็น เฟลิกซ์ มากัธ ที่เข้ามารับช่วงต่อ
เลส ลีด - 41 วัน
บนหน้าประวัติศาสตร์ พรีเมียร์ลีก เจ้าของสถิติกุนซือที่ตกงานไวแบบด่วนจี๋ยังไม่มีใครทำลายสถิติของ เลส ลีดส์ ลงได้ ย้อนเวลากลับไปช่วงปี 2006 ซึ่งเป็นปีแห่งความเจ็บปวดของแฟนบอล ชาร์ลตัน แอธเลติก การสั่งปลด ดาวี่ เหมือนจะเป็นสัญญาณที่ดีในการฟื้นคืนชีพกลับมาอีกครั้งเมื่อ เลส ลีด ได้ก้าวขึ้นมารับช่วงต่อ
แต่ผลปรากฏว่ามันไม่ใช่แบบนั้นเลย เพราะผลงานที่ฝากไว้มันไม่ได้ดูดีไปกว่านายใหญ่คนเก่าเลย โดยตลอดช่วง 6 สัปดาห์แกพาทีมลงสนามไปทั้งหมด 7 นัด และเก็บชัยชนะได้แค่นัดเดียวเท่านั้น ก่อนที่จะถึงเกมบอลถ้วยที่โดนทีมที่ต่ำชั้นกว่าอย่าง วีคอมบ์ วันเดอเรอร์ส เขี่ยตกรอบนั่นทำให้ เลส ลีด ชะตาขาดทันที พร้อมกับถูกบันทึกสถิติเอาไว้ว่านี่คือโค้ชที่ตกงานไวที่สุดทั้งที่ได้คุมทีมแค่เพียง 41 วันเท่านั้น และที่พีคยิ่งกว่าก็คือการโดนกลุ่มแฟนบอลตั้งฉายาให้ว่าเป็น "Les Miserables" แปลเป็นไทยง่ายๆ คือ "เลส คือความฉิบหาย"
HaMu Dos Santos