logo-heading

ถ้าให้นึกถึงนักเตะทีมชาติบราซิล ที่ค้าแข้งอยู่ในเวที พรีเมียร์ลีก อังกฤษ คุณจะคิดถึงชื่อใครเป็นคนแรก ? เอแดร์ซอน โมราเอส, อลิสซอน เบ็คเกอร์, โรแบร์โต้ ฟีร์มิโน่ หรือ ฟาบินโญ่ แต่ก็คงมีไม่เยอะมากนัก ที่อาจจะนึกถึงชื่อ กาเบรียล เชซุส หัวหอกจากค่าย แมนฯ ซิตี้ เป็นลำดับต้นๆ บ้างหรือเปล่า

อาจด้วยเพราะชื่อเสียงของเขา ไม่ใช่ระดับซูเปอร์สตาร์, ไม่ได้เป็น เดอะ แบก ของทีม หรือ อาจไม่ใช่ขวัญใจของใครหลายๆคน แต่กระนั้นในฐานะชีวิตค้าแข้งคนหนึ่ง เชซุส ถือว่าเป็นนักเตะแบบอย่าง ที่ไม่เคยยอมแพ้อะไรง่ายๆ จากเกือบที่เคยเป็นส่วนเกิน ต่อสู้จนกลับมามีที่ยืนในทัพ เรือใบสีฟ้า อีกครั้ง .. 

- ออกสตาร์ทกับ เรือใบสีฟ้า ได้อย่างสวยหรู

ชีวิตของ เชซุส อาจจะดูสวยหรูในสายตาของแฟนบอลทั่วไป เพราะเซ็นสัญญาจาก พัลไมรัส มารับเงินก้อนโตกับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เมื่อช่วงซัมเมอร์ปี 2016 ก่อนจะย้ายมาค้าแข้งอย่างเป็นทางการในช่วงตลาดหน้าหนาวปี 2017 ตัวจริงนัดแรกของ เชซุส ในศึก พรีเมียร์ลีก อังกฤษ มันราวกับความฝัน เพราะสามารถยิง 1 ประตู กับอีก 1 แอสซิสต์ พาทัพ เรือใบสีฟ้า บุกถล่ม เวสต์แฮม ยูไนเต็ด 4-0 จากนั้นประตูก็ไหลมาเท 4 นัดที่ลงสนาม ยิงไป 3 ตุง หากรวมครึ่งซีซั่นหลัง 2016-17 ทั้งหมด เขายิงไป 7 ประตู จากการลงเล่นแค่ 10 นัด ทุกอย่างดูเหมือนเทพนิยายมาก เพราะย้อนกลับไปช่วง ฟุตบอลโลก 2014 ที่ประเทศบราซิล เป็นเจ้าภาพ .. เชซุส กับ เพื่อนๆ ยังเป็นแค่เด็กวัยรุ่น ที่พากันออกไปช่วยงานทาสีตามท้องถนน เพียงเพื่อจะได้ดูทีมชาติบราซิล ลงแข่งขันผ่านทางโทรทัศน์ อยู่เลย ไม่กี่ปีต่อมา ได้มาอยู่ทีมชั้นนำของโลก แต่จริงๆแล้วชีวิตของ เชซุส ต่อสู้มาตั้งแต่เด็กๆ เขาต้องสูญเสียคุณพ่อในวัยที่ยังแทบจำความไม่ได้ มีแค่คุณแม่ของเขาที่คอยเลี้ยงดู โดยมีพี่น้องอีก 2 คน แต่คุณแม่นี่แหละครับ ที่พร่ำสอนให้ เชซุส เป็นคนดี มีความมั่นใจในตัวเอง และ ไม่ย่อท้อต่ออุปสรรคใดๆทั้งสิ้น

- เคยเบียด กุน ไปนั่งเป็นสำรอง

ในวันที่ เชซุส ย้ายมาใหม่ๆ เรียกว่าสามารถสร้างปรากฏการณ์ให้กับสาวก เดอะ ซิตี้เซ่น ได้มาก ถึงขั้นที่ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า กุนซือ เรือใบสีฟ้า ส่งลงเล่นเป็นตัวจริง ด้วยการเบียด เซร์คิโอ อเกวโร่ ศูนย์หน้าเบอร์ 1 ของทีม ไปนั่งเป็นสำรองเลยด้วยซ้ำ เนื่องด้วยสไตล์การเล่นของ เชซุส เป็นพวกจอมขยัน เสียสละเพื่อทีม และ ที่สำคัญหาช่องยิงประตูเก่งมาก เชซุส ไม่ใช่กองหน้าสไตล์พักบอล หรือ เลี้ยงแหวกกองหลัง 3-4 คน ไปทำประตู แต่จุดเด่นของเขาคือความจมูกไว หาช่องว่างเก่งมาก และ มักไปรอตรงจุดนัดพบได้อยู่เสมอ ไม่ว่าจะมาแบบลูกเรียด หรือ กลางอากาศ เรียกง่ายๆว่าไหวพริบดี ส่วนทักษะขึ้นชื่อว่าเป็นนักเตะบราซิล เหมือนมีใบปริญญาลูกหนังติดตัวมาอยู่แล้ว เขาถือเป็นนักเตะที่มีความคล่องตัวสูง ไปกับบอลดีได้ และ การดวล ตัวต่อตัว ก็ไม่เป็นสองรองใคร ซึ่งจุดเด่นที่ดูเหนือกว่า กุน ก็คือเรื่องของความขยัน  เชซุส เป็นหัวหอกที่มาในแบบฉบับ ฟอลส์ ไนน์ คล้ายๆกับ โรแบร์โต้ ฟีร์มิโน่ ของ ลิเวอร์พูล เขาชอบลงต่ำมาช่วยเชื่อมเกม ต่อบอล ทำชิ่งกับเพื่อน อารมณ์เหมือนเป็นกองหน้าสายซัพพอร์ท แต่ขณะเดียวกัน หากทีมต้องการคนจบสกอร์ เขาก็จะไปอยู่ตรงนั้นเสมอ ทำให้ช่วงแรกที่มาอยู่กับ แมนฯ ซิตี้ ใหม่ๆ ทำเอาแฟนบอลตื่นเต้นเหลือเกิน

- อาการบาดเจ็บ เริ่มพลัดพรากฟอร์มเก่ง

ด้วยความที่ เชซุส ไม่ใช่กองหน้าตัวใหญ่ สูงราวๆ 175 เซนติเมตร และ ต้องไปปะทะกับกองหลังตัวเบิ้มๆ ที่โลดแล่นอยู่บนเวที พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ฉะนั้นเรื่องอาการบาดเจ็บย่อมเป็นของคู่กัน โดยเฉพาะปัญหาเดี้ยงบริเวณหัวเข่า ทำให้ เชซุส รู้สึกขยาดไปเลย 15 เดือนแรกของ เชซุส กับสโมสร ต้องบาดเจ็บหัวเข่าไปถึง 2 รอบ โดยครั้งหนึ่งพักยาวถึง 2 เดือน กว่าจะกลับมาลงสนามได้ ทำให้ผลงานไม่ปะติดปะต่อมากนัก ถึงขั้นที่เคยยอมรับว่า "การเคลื่อนไหวบางจังหวะ กลัวจะได้รับบาดเจ็บซ้ำ" จากสถานการณ์ที่เคยเบียด กุน ลงเล่นเป็นตัวจริง ก็กลายเป็นเขาที่ต้องไปนั่งเป็นสำรองอยู่บ่อยๆ ถึงแม้จะเป็นฟันเฟืองสำคัญช่วยให้ เรือใบสีฟ้า คว้าแชมป์ พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ฤดูกาล 2017-18 มาครอง แต่กระนั้นเรื่องของผลงาน และ การจบสกอร์ เริ่มตกลงไป

- โดนแฟนบอลวิจารณ์หนัก

ไม่มีใครอยู่ค้ำฟ้าได้ตลอด และ เชซุส ก็เช่นกัน เพราะวันที่เขาเหมือนจะขึ้นไปสูงสุด แต่ก็ตกลงมาสู่สามัญเหมือนกัน โดยตั้งแต่ฤดูกาล 2018-19 ถือเป็นจุดตกต่ำในชีวิตค้าแข้งก็เป็นได้ เขาไม่ถึงขั้นโดนดองยาว แต่การได้ลงเล่นเป็นตัวจริงแค่ 8 นัดตลอดทั้งฤดูกาล มันสะท้อนอะไรหลายๆอย่างได้ดี โดยเฉพาะการจบสกอร์ ในวันที่ กุน บาดเจ็บ และ แมนฯ ซิตี้ ต้องการใครสักคนเข้ามาทดแทน ซึ่ง เชซุส เคยเป็นคนๆนั้น แต่ทว่าช่วงหลังการจบสกอร์ของเขากลายเป็น "สากกระเบือ" ซึ่ง เป๊ป ก็ให้โอกาสลงสนามอยู่หลายครั้ง กระนั้นเขาไม่สามารถฝากผีฝากไข้ได้เลย ทั้งเรื่องการจบสกอร์ที่ไม่เฉียบคม, เล่นเห็นแก่ตัวหลายๆจังหวะ และ ลงสนามมาก็ทำเสียมากกว่าสร้างประโยชน์ ทำให้แฟนบอลจากที่เคยตื่นเต้นกับฟอร์มการเล่น กลายเป็นวิพากย์วิจารณ์อย่างหนัก โดยเฉพาะซีซั่นก่อน เมื่อเขาได้รับโอกาสลงสนามในฐานะกองหน้าตัวเป้า เนื่องจาก กุน บาดเจ็บบ่อยมาก อย่างนัดที่แพ้คาบ้านต่อ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 0-2 วันนั้น เชซุส ลงเล่นเป็นตัวจริง และ อยู่ในสนาม 71 นาที แต่โดนคอมเมนท์แฟนบอล เรือใบสีฟ้า แบบจัดเต็ม ประมาณว่า "ผมแม่งไม่ชอบ เชซุส เลยว่ะ มันเป็นเหมือนหายนะที่รอวันฉิบหายเท่านั้น"  "กาเบรียล เชซุส เป็นหนึ่งในกองหน้าที่ห่วยแตกที่สุดเท่าที่ผมเคยเห็นมาเลย"  "เชซุส มีเกมที่แย่มาก กองหน้าตัวเป้าที่ต้องขึ้นมาแทน อเกวโร่ มันจะเป็นปัญหาสำหรับ แมนฯ ซิตี้ อย่างแน่นอน" นี่แค่คอมเมนท์ส่วนหนึ่งของแฟนบอล แมนฯ ซิตี้ เท่านั้นนะครับ ในวันที่ด่าแหลกใส่ผลงานของ เชซุส เนื่องจากความคาดหวังในตัวเขามันมากกว่านี้ แต่กลับกลายเป็นว่าโชว์ฟอร์มไม่น่าประทับใจ โดยยิงได้แค่ 9 ประตู จากการลงเล่น 29 นัด บนเวที พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ซีซั่นก่อน

- ทีมไม่ไว้ใจ ตามหากองหน้าคนใหม่

เป็นที่ทราบกันดีว่า กุน ได้ประกาศอำลาสโมสร แมนฯ ซิตี้ ไปตั้งแต่ยังไม่จบซีซั่น 2020-21 เนื่องจากหมดสัญญา และ ต้องการย้ายไปหาความท้าทายใหม่ๆ เท่ากับว่าฤดูกาลถัดไป จะเหลือเพียงแค่ เชซุส คนเดียวเท่านั้น ที่เล่นในตำแหน่งหน้าเป้าอาชีพ แต่จากฟอร์มที่โดนด่าเช้า ด่าเย็น ทำให้ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ไม่อาจอยู่นิ่งเฉย และ ต้องการหาหัวหอกคนใหม่เข้ามาล่าตาข่าย เพื่อล่าความสำเร็จต่อไป ซึ่งคนนั้นก็คือ แฮร์รี่ เคน กองหน้าจาก ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ แน่นอนว่าถ้า เฮอร์ริเคน ย้ายมาจริง เชซุส อาจจะต้องนั่งยาว จนก้นด้าน เพราะวัดจากดีกรีแล้วเป็นรองอยู่พอสมควร หรือไม่ก็จะโดนขายออกจากทีม เพื่อโละนักเตะหาเงินเข้าสโมสร เนื่องจาก ตอนนั้น เป๊ป มักเลือกใช้พวก ริยาด มาห์เรซ, ฟิล โฟเด้น, แบร์นาร์โด้ ซิลวา หรือ ราฮีม สเตอร์ลิ่ง มากกว่า ส่วน เชซุส ก็คอยสับเปลี่ยนหมุนเวียนลงสนามกันไป อย่างไรก็ตาม สุดท้ายแล้ว แมนฯ ซิตี้ ไม่สามารถปิดดีล แฮร์รี่ เคน .. ซื้อมาแค่เพียงคนเดียวนั่นก็คือ แจ็ค กรีลิช ซึ่งถนัดตำแหน่งริมเส้นมากกว่า นั่นเท่ากับว่าซีซั่น 2021-22 จะต้องใช้บริการ เชซุส ในฐานะกองหน้าตัวเป้าคนเดียวเท่านั้น อย่างน้อยๆก็ต้องยาวไปจนถึงครึ่งฤดูกาล ฉะนั้นขายออกไปไม่ได้

- เชซุสแจ้งเกิดอีกครั้ง กับตำแหน่งที่ไม่ใช่กองหน้าตัวเป้า

ถึงแม้ แมนฯ ซิตี้ จะมีหน้าเป้าเหลือแค่คนเดียว และ มันอาจสร้างปัญหาให้กับ เป๊ป ระยะยาว แต่ด้วยกึ๋นของโค้ช ย่อมมีวิถีปรับเปลี่ยนให้ผลงานของทีมให้ไหลลื่นมากที่สุด เพราะ เป๊ป ไม่เลือกใช้ เชซุส ในฐานะกองหน้าตัวเป้า แต่ถ่างออกมาให้เล่นริมเส้น ในระบบ 4-3-3 และ ให้พวก ฟิล โฟเด้น หรือ ราฮีม สเตอร์ลิ่ง ไปเล่น ฟอลส์ ไนน์ ซึ่งการถ่าง เชซุส ออกมาเป็นกองหน้ากึ่งปีกนี่แหละครับ ทำให้ดาวเตะเลือด แซมบ้า กลับมาโชว์ฟอร์ม แจ่ม จะ แดม แจ่ม ว้าวอีกครั้ง ปรับเปลี่ยนสถานะจากคนคอยยิงประตู มาเป็น คนแอสซิสต์งามๆให้กับเพื่อน โดยซีซั่นนี้ลงเล่นไปแล้ว 9 นัด จ่ายให้เพื่อนยิงไป 5 ลูก และ ซัดเองได้อีก 2 ตุง ซึ่งหนึ่งในนั้นคือลูกยิงบุกเฉือน เชลซี 1-0 อาจจะไม่ได้เลิศเลอเพอร์เฟ็คต์ไปทุกนัด บางนัด แมนฯ ซิตี้ ก็มีปัญหาเรื่องจบสกอร์ไม่คมเหมือนกัน แต่กระนั้นการยกระดับขึ้นมาของ เชซุส ช่วย แมนฯ ซิตี้ ไว้ได้จริงๆ โดยเฉพาะลูกครอสจากด้านข้าง เหมือนได้พลังบัฟตีบวก มาจากการฝึกซ้อมกับพวก เควิน เดอ บรอยน์ เรียกว่าตอนนี้ เชซุส เป็นคนสำคัญของทีมที่จะขาดไปไม่ได้เหมือนกัน ทุกอย่างไม่ใช่เรื่องของโชคดวง แต่เป็นเพราะความอดทน และ หมั่นฝึกซ้อมพัฒนาตัวเองตลอดเวลา .. เชซุส ไม่เคยปริปากบ่นสักครั้ง ต่อให้นั่งเป็นสำรอง หรือ จะโดนด่าหนักขนาดไหน เขาเก็บคำดูถูกมาเป็นแรงผลักดัน ซึ่ง เป๊ป ถึงกับออกปากชมว่าเป็นนักเตะที่โค้ชทุกคนต้องการ และ อยากให้เอาเป็นแบบอย่าง "ถ้าจะมีสักคนที่สมควรได้รับการเคารพ, ได้รางวัล ได้รับทุกสิ่งทุกอย่าง มันก็ต้องเป็น เชซุส เนื่องจากเขาไม่เคยบ่น, มันคือหนึ่งในเหตุผลว่าทำไมคุณอยากตื่นเช้าไปทำงาน ได้เจอกับผู้เล่นแบบนี้ เขาเล่นได้ทั้งศูนย์หน้า เล่นทางซ้าย และ ทางขวา ทีมต้องการผู้เล่นแบบนี้เสมอ เขาสามารถเล่น 10 นาทีในฐานะตัวสำรอง และจะเป็น 10 นาทีที่ดีที่สุดจากเขา" นี่คือคำกล่าวจาก เป๊ป ถึง เชซุส ด้วยชีวิตของ กาเบรียล เชซุส มันอาจจะมีช่วงเวลาที่สว่างสดใส และ ตกต่ำมืดมิด จนมองไม่เห็นทาง แต่ถ้าเราเลือกที่จะฝ่าฟันต่ออุปสรรค ก้าวเดินไปข้างหน้า มันก็มีวันที่จะประสบความสำเร็จได้อีกครั้งเช่นกัน

ฮาย ฮาวดี้

logoline