logo-heading

ในช่วงหลายวันที่ผ่านมา แฟนบอล บาร์เซโลน่า คงหัวใจซาบซ่าขึ้นมาอีกครั้ง หลังจากสโมสรได้เรียกตำนานคืนถิ่นคัมป์ นู แต่งตั้ง ชาบี เอร์นานเดซ อดีตโคตรมิดฟิลด์ มาเป็นกุนซือใหญ่ของทีม หลังจาก โรนัลด์ คูมัน ทำผลงานเละเทะ ไร้ซึ่งความยิ่งใหญ่แบบในอดีต ร่วงมาอยู่อันดับ 9 ตามหลัง เรอัล โซเซียดาด จ่าฝูง ไกลถึง 11 แต้ม

การมาของ ชาบี จึงเหมือนปลุกให้ไฟแห่งความหวังกลับมาโชติช่วงอีกครั้ง และ หลังจากที่เขาเข้ามารับงานเป็นกุนซือใหญ่ ก็เริ่มปฏิบัติการฟื้นฟูให้ บาร์ซ่า กลับมามนต์ขลังเหมือนเดิม ด้วยการตั้งกฎเหล็ก 10 ข้อ โดยเฉพาะเรื่องของวินัย ใครตั้งตัวอยากเป็นซุปตาร์ มีโดนลงโทษให้เข็ด

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ทำให้สาวก เจ้าบุญทุ่ม รู้สึกตื่นเต้นยิ่งกว่า ก็คือการปฏิวัติสโมสร ทั้งเรื่องดึงทีมสตาฟฟ์ หรือ นักเตะเข้ามาใหม่ เพื่อช่วยกันกู้วิกฤติ ซึ่งล้วนแล้วแต่มีเด็กเก่า บาร์ซ่า ทั้งนั้น และ หนึ่งในนั้น ก็คือการเซ็นสัญญา ดานี่ อัลเวส ตำนานแบ็กขวา กลับมาโลดแล่นในเวที ลา ลีกา สเปน อีกครั้ง ย้อนกลับไปสมัยในอดีต .. อัลเวส คือหนึ่งในแบ็กขวาที่ดีที่สุดในโลก มีส่วนสำคัญอย่างยิ่งในการพา บาร์เซโลน่า ประสบความสำเร็จ โดยเฉพาะตำนาน 6 แชมป์ เมื่อปี 2009 ซึ่งเขาก็ได้เล่นร่วมกับทั้ง ชาบี, อันเดรส อิเนียสต้า และ ลิโอเนล เมสซี่ ตอนที่เขาประจำการฝั่งขวาให้ บาร์ซ่า เรียกว่าเข้าขากับ เมสซี่ สุดๆ แค่มองตาก็รู้ใจ เป็นสไตล์การเล่นในแบบฉบับ "ติกิ-ตาก้า" ของแท้ เล่นชิ่งตามช่อง และ จบด้วยการทำประตู ตลอดการลงเล่น 391 นัด ยิงได้ 21 ลูก แต่สถิติที่มันพุ่งแบบโอเว่อร์ก็คือการแอสซิสต์ มากถึง 101 ครั้ง ที่จ่ายให้เพื่อนทำประตู ซึ่งครึ่งต่อครึ่งต้องมี เมสซี่ เป็นคนซัลโว แต่ด้วยอายุอานาม อัลเวส ก็ต้องอำลา บาร์เซโลน่า ไปตามวัฏจักร หลังจบซีซั่น 2015-16 เขาพเนจรไปอยู่กับ ยูเวนตุส, ปารีส แซงต์-แชร์กแมง และ เซา เปาโล ซึ่งเพิ่งแยกทางกันไปเมื่อราวๆต้นเดือนกันยายน ที่ผ่านมา ถึงแม้ว่าหลังออกจาก บาร์เซโลน่า จะอยู่กับใครไม่ยืด แต่เขาก็ได้อยู่กับทีมยักษ์ใหญ่ทั้งหมด และ คว้าแชมป์มาครองได้แบบไม่มีพัก ต่อให้อายุ 35+ จนปัจจุบันอายุ 38 ปี ก็ยังเป็นแบบนั้นอยู่ การันตีด้วยการครองโทรฟี่มากสุดในประวัติศาสตร์ลูกหนังถึง 43 แชมป์ เหนือกว่าทุกคนบนโลก ดังนั้นการที่ ชาบี คว้าตัว อัลเวส กลับคืนสู่อ้อมอก บาร์ซ่า ไม่ใช่แค่มาช่วยติวเข้มพวกดาวรุ่ง หรือ เรียกศรัทธาแฟนบอลกลับมา แต่ฝีเท้าของดาวเตะทีมชาติบราซิล ยังคงเป็นประโยชน์แบบนับไม่ถ้วน

1. เติมเต็มฝั่งขวา

หากคุณอายุ 38 ปี คุณจะขี้เกียจออกกำลังกาย หรือ หมดเรี่ยวหมดแรงขนาดไหนนะ มีนักฟุตบอลอาชีพไม่กี่คนหรอกครับ ที่เล่นได้ถึงอายุขนาดนี้ บางคน 30 ต้นๆ ก็เริ่มทยอยแขวนสตั๊ดกันแล้ว แต่กับ อัลเวส นับว่าฉีกทุกกฎเกณฑ์เลย ถึงแม้จะห่างหายไปจากสายตาแฟนบอล ทว่าเขายังถูกเรียกมาติดทีมชาติบราซิล ชุดลุย โอลิมปิก เกมส์ 2020 ณ ประเทศญี่ปุ่น ต้องลงสนามบู๊บุ๋นกับเด็กอายุ 20 ต้นๆ แค่คิดในจินตนาการก็เหนื่อยหอบแล้ว อย่างไรก็ตาม อัลเวส วิ่งไล่ทุกเม็ด ตามจิกทุกดอก อาจจะมีสปีดตามเด็กไม่ทันบ้าง ก็ตามประสาวัยคนใกล้หลัก 4 แต่เรื่องความเก๋าเขากินขาด ไม่เคยให้คู่แข่งเลี้ยงปล่อยผ่านไปง่ายๆ วิ่งสู้ฟัดตั้งแต่รอบแรก จนมาถึงต่อเวลาพิเศษกับ สเปน อีก 120 นาที ในนัดชิงชนะเลิศ และ คว้าเหรียญทองมาห้อยคอได้สำเร็จ หากใครดูฟอร์มของ อัลเวส ในทัวร์นาเมนต์นั้น บอกเลยว่า สภาพร่างกายขนาดนี้ จึงไม่แปลกที่ ชาบี จัดการเซ็นสัญญากลับมาช่วยทีมระยะสั้นๆจนจบซีซั่นนี้ ต่อให้จะยังลงสนามไม่ได้เลย เพราะต้องรอลงทะเบียนช่วงเดือนมกราคม แต่มันก็จะทำให้เขาเรียกความฟิตกลับมาเต็มถัง หลังจากไม่ได้สัมผัสฟลอร์หญ้ามานานร่วม 2 เดือน ดังนั้น ด้วยความที่ บาร์เซโลน่า บาดเจ็บกันเยอะ โดยเฉพาะแบ็กขวา ทั้ง เซร์กี้ โรเบร์โต้ และ แซร์จินโญ่ เดสต์ ควงแขนกันเดี้ยง ปัญหาตรงนี้จะหมดไป เพราะ อัลเวส จะมาอุดรอยรั่วตรงจุดนี้ เรื่องอายุไม่ต้องห่วง ฟัดกับเด็กใน โอลิมปิก ก็ทำมาแล้ว ประสบการณ์ของเขาจะช่วยทีม บาร์เซโลน่า ได้อย่างแน่นอน

2. ไม่ห่วงเรื่องเงินเดือน

ใครๆก็คงทราบดีว่า บาร์เซโลน่า ประสบปัญหาทางการเงินอย่างหนัก สโมสรติดหนี้เยอะมาก ถึงขั้นที่ไม่มีช่องว่างเพดานค่าเหนื่อยในการต่อสัญญากับ ลิโอเนล เมสซี่ จนต้องเสียตัวออกไปจากทีม ดังนั้นการจะไปหานักเตะหน้าใหม่มาสักคน เรื่องเงินก็เป็นปัจจัยสำคัญเหมือนกัน หลายคนคงเคยเห็นข่าวที่ อัลเวส ขอรับเงินค่าจ้างแค่ 1 ยูโร ต่อสัปดาห์ เท่านั้น ซึ่งมันถือว่าน้อยแบบไม่ให้เกียรติเรื่องฝีเท้า และ ดีกรีแชมป์ที่เขาเคยคว้ามาบ้างสักเท่าไหร่ ซึ่งเชื่อว่า อัลเวส ก็ไม่เกี่ยงงอน แต่ความเป็นจริงคือ ค่าเหนื่อยของ อัลเวส จะขึ้นอยู่กับผลงาน และ กลไกของกฎ "ไฟแนนเชี่ยล แฟร์ เพลย์"  อารมณ์ประมาณว่า บาร์ซ่า จ่ายให้ อัลเวส ไหวเท่าไหร่ ก็จ่ายให้เท่านั้น จะเป็นค่าแรงขั้นต่ำ หรือ จะเป็น 1,000-2,000 ยูโร ต่อสัปดาห์ เขาก็พร้อมน้อมรับแต่โดยดี เหมือนดั่งคำที่เขาเคยบอกไว้ว่า "ถ้า บาร์ซ่า ต้องการผม ให้โทรหาได้เลย" ซึ่งต้องยอมหัวจิตหัวใจของ อัลเวส เพราะมาที่นี่ ด้วยความรักอย่างแท้จริง

3. ปลูกถ่ายวิชาให้น้องๆในทีม

เรื่องนี้ เชื่อว่าเป็นเมนหลัก ที่ ชาบี ดึงตัว อัลเวส กลับมาสู่ถิ่น บาร์ซ่า อีกครั้ง เพราะตั้งแต่วันที่ ชาบี เข้ารับงานก็มีชื่อตำนานหลายๆคน ที่มีโอกาสกลับสโมสรอีกครั้ง ไม่ว่าจะเป็น การ์เลส ปูโยล ที่อยากได้มาเป็นทีมงานสตาฟฟ์ หรือ หวังดึง ติอาโก้ อัลคันตาร่า กลับมาบัญชาเกมในแผงมิดฟิลด์อีกครั้ง แต่กระนั้นการได้ อัลเวส มาก่อนใคร คงจะผ่อนงาน ชาบี จากหนักเป็นเบา ไม่มากก็น้อย เพราะอย่างที่บอกครับ อัลเวส คือหนึ่งในนักเตะ บาร์ซ่า ยุคครองเมือง ที่มี เป๊ป กวาร์ดิโอล่า กุมบังเหียน หรือ แม้กระทั่งยุค หลุยส์ เอ็นริเก้ ก็ตาม ดังนั้น DNA ความเป็น เจ้าบุญทุ่ม ของ อัลเวส ไหลเวียนอยู่ทุกอณูรูขุมขน เขาจะช่วยน้องๆในทีมได้เยอะ โดยเฉพาะ แซร์จินโญ่ เดสต์ แบ็กขวาวัย 21 ปี ที่ต้องเรียนรู้วิชาอีกเยอะมากในการเล่นตำแหน่งนี้ ให้มีความดุดันและทรงพลังมากขึ้น แต่ก็ไม่ใช่แค่ แซร์จินโญ่ เดสต์ คนเดียวหรอกครับ เนื่องด้วย บาร์ซ่า ยุคใหม่ๆ มีเด็กๆที่เพิ่งถูกดันขึ้นมาจากรั้ว ลา มาเซีย ยังต้องบ่มเพาะอีกเยอะ ประสบการณ์ตรงนี้ของ อัลเวส จะช่วยได้มาก ในการปลูกฝังความเป็น บาร์เซโลน่า ฉะนั้นการมาของ อัลเวส เหมือนว่า ชาบี ยิงปืนนัดเดียวได้นก 3 ตัว แทบอดใจรอไม่ไหวแล้ว ในระยะเวลาอีก 2 เดือนต่อจากนี้ อัลเวส จะเข้ามาช่วย บาร์เซโลน่า ได้เยอะมากน้อยแค่ไหน เพราะเชื่อว่าภาพจำสมัยที่เขาวาดลวดลายในถิ่นคัมป์ นู ยังตราตรึง "ทุ้มอยู่ในใจ" และ ความรักที่มีต่อ บาร์ซ่า คงทำให้ ดานี่ อัลเวส ต้องการจะพิสูจน์ตัวเองอีกครั้งเช่นกัน ฮาย ฮาวดี้
logoline