logo-heading

ถือเป็นเกมที่สนุกสุดมันส์ ประจำค่ำคืนวันเสาร์ของ พรีเมียร์ลีก อังกฤษ สำหรับคู่ระหว่าง ลิเวอร์พูล กับ อาร์เซน่อล เพราะในช่วงครึ่งแรกสู้กันด้วยแท็คติคอย่างดุเดือด ถึงขั้นที่ข้างสนามหวิดมีมวยกันแล้ว

อย่างไรก็ตาม ท้ายที่สุดเป็นสาวก หงส์แดง ที่สุขสมหวัง เปิดบ้านแอนฟิลด์ ไล่ถล่ม ไอ้ปืนใหญ่ เละเทะ 4-0 โดย 3 ประสานกองหน้าสามารถทำประตูได้หมด ซึ่งจริงๆสกอร์อาจไปไกลกว่านี้ ถ้าไม่มี อาร่อน แรมส์เดล คอยช่วยเซฟ อาร์เซน่อล เอาไว้ ไปดูกันว่าเกมนี้มีประเด็นอะไรเกิดขึ้นกันบ้าง มาติดตามกันเลยครับ

- ครึ่งแรกเกมเดือด คล็อปป์ เกือบไฝว้กับ อาร์เตต้า

ดูบอลอยู่ดีๆ ก็เกือบเป็นสังเวียนมวยไทยเสียแล้ว เพราะช่วงครึ่งแรกที่เกมกำลังฟัดกันมันส์ ความเดือดก็เพิ่มทวีคูณขึ้นมากขึ้น เพราะข้างสนาม เกือบมีศึกใหญ่ เมื่อ เจอร์เก้น คล็อปป์ กุนซือ ลิเวอร์พูล มีปากเสียงกับ มิเกล อาร์เตต้า เฮดโค้ช อาร์เซน่อล ขั้นรุนแรง ถึงขนาดที่ อาร์เตต้า ปรี่เดินเข้ามาหา คล็อปป์ เพื่อจะเอาเรื่อง อีกแค่ก้าวเดียวจะถึงตัวกันอยู่แล้ว ถ้าใครสาวหมัดออกก่อนมีร่วงแน่นอน แต่ตรงนั้น แอนดรูว์ แมดลี่ย์ ผู้ตัดสินที่ 4 ยืนอยู่ ก่อนจะผลักทั้งคู่แยกออกไป จากนั้นก็มีสตาฟฟ์ของแต่ละทีมมาช่วยห้ามกันไว้ สุดท้าย ไมเคิ่ล โอลิเวอร์ วิ่งมาแจกใบเหลืองให้ทั้งคู่ เพื่อสงบสติอารมณ์ ซึ่งเหตุการณ์ที่ทำให้ทั้ง คล็อปป์ และ อาร์เตต้า น็อตหลุดขนาดนี้ ก็มีต้นตอมาจากการปะทะกันในสนามระหว่าง ซาดิโอ มาเน่ กับ ทาเคฮิโระ โทมิยาสุ ซึ่ง อาร์เตต้า อาจไม่พอใจ ที่นักเตะ หงส์แดง เล่นหนัก จากนั้น คล็อปป์ ก็โวยกลับ ก่อนจะปะทะคารมกันดุเดือด แต่พอมีใบเหลืองปุ๊บ สงบเสงี่ยบเจียมกันปั๊บ

- แรมส์เดล เหนียวสมคำร่ำลือ

ถึงแม้ว่า อาร่อน แรมส์เดล จะไม่สามารถช่วยเซฟให้ อาร์เซน่อล มีคะแนนกลับบ้านไปได้ แต่กระนั้นถ้าวันนี้ไม่ใช่เขาเฝ้าเสา อาจโดนมากกว่า 4 ลูกไปแล้ว เพราะนายทวารรายนี้ โชว์ซูเปอร์เซฟป้องกันลูกยากๆหลายต่อหลายคน ทั้งลูกยิง ติอาโก้, ลูกชาร์ตเสาแรก โมฮาเหม็ด ซาลาห์, ลูกดีด มาเน่, ซัดเต็มข้อของ เทรนท์ อาร์โนลด์ หรือ ยิงจ่อๆของ โชต้า ถือว่าเหนียวสมคำร่ำลือ ซึ่งช็อตที่กล่าวมานี้ ควรเป็นประตูทั้งหมด แต่เป็น แรมส์เดล ที่ป้องกันได้แบบเหลือเชื่อ อย่างไรก็ตาม จากความผิดพลาดของเพื่อนร่วมทีม และ การเข้าทำอันดุดันของ ลิเวอร์พูล ที่มาทุกทิศทุกทาง เดี๋ยวขวา เดี๋ยวซ้าย ไหนจะมีลูกเซตพีซอีก สุดท้ายก็เซฟไม่ไหว โดนยิงไปถึง 4 ประตู แน่นอนว่ามันเป็นสกอร์ที่เละเทะมาก แต่ถือว่าเกมนี้ แรมส์เดล ทำเอากองหน้า ลิเวอร์พูล ต้องปาดเหงื่อเหมือนกัน กว่าจะยิงได้แต่ละลูก

- การไล่เพรสซิ่งของ ลิเวอร์พูล ทำได้ดีกว่า

ช่วง 20-25 นาทีแรก ต้องบอกเลยว่าเกมเพรสซิ่งไล่บีบสูงของนักเตะ อาร์เซน่อล นับว่าทำได้อย่างยอดเยี่ยม เล่นตามหมากที่ มิเกล อาร์เตต้า วางเอาไว้ ทำเอา ลิเวอร์พูล ไม่สามารถเซ็ตเกมขึ้นหน้าได้เลย ต้องถ่ายบอลกันอยู่แดนหลัง พอจะจ่ายขึ้นหน้า ก็ถูกดักกินไว้ได้ อย่างไรก็ตาม การบีบไล่กดดันตั้งแต่แดนหน้า สไตล์ "เกเก้น เพรสซิ่ง" ถือว่าเป็นแบบฉบับของจริง เพราะครึ่งหลังขุนพล เครื่องจักรสีแดง เพรสซิ่งใส่ อาร์เซน่อล จนไปไม่เป็น จ่ายบอลผิดพลาดกันหลายครั้ง จนกระทั่ง นูโน ตาวาเรส แบ็กซ้าย ไอ้ปืนใหญ่ จ่ายพลาด โดน ดิโอโก้ โชต้า ฉกไปยิง และ ประตูนั้นก็ทำให้ทุกอย่างเข้าทาง ลิเวอร์พูล อย่างสิ้นเชิง เพราะหลังจากนำ 2-0 ลิเวอร์พูล เดินเครื่องเต็มสูบ บุกใส่ อาร์เซน่อล แบบมาทุกทิศทุกทาง เพราะกองหลัง ไอ้ปืนใหญ่ ก็ต้องดันสูง เพื่อหวังเปิดเกมสู้ แต่ก็ไม่ได้สร้างความอันตรายใดๆมากนัก ซ้ำร้ายทำให้หลังบ้านโล่งกว่าเดิม มีช่องให้แนวรุก หงส์แดง เข้าทำมากมาย และก็เป็นที่มาของ 4 ประตูที่เกิดขึ้นในเกมนี้ ซึ่ง ซาดิโอ มาเน่, โมฮาเหม็ด ซาลาห์ และ โชต้า 3 ประสานแนวรุก สามารถซัลโวได้ทั้งหมด โดยมี เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ จัดไป 2 แอสซิสต์

- ประตูแรกของ มินามิโนะ ในถิ่นแอนฟิลด์

ด้วยสกอร์ที่นำห่าง 3-0 ทำให้ เจอร์เก้น คล็อปป์ เริ่มมีการเปลี่ยนตัวผู้เล่น ให้โอกาสตัวสำรองได้ลงสนามเป็นสัมผัสเกมบ้าง ซึ่งหนึ่งในนั้นคือ ทาคุมิ มินามิโนะ ที่ได้ลงมาแทน ดิโอโก้ โชต้า นาที 76 เขามีเวลาพิสูจน์ตัวเองเพื่อให้ เจอร์เก้น คล็อปป์ ประทับใจไม่ถึง 14 นาที แต่แล้ว มินามิโน่ ใช้เวลาเพียงแค่ 1 นาที ลงมายิงประตูให้กับ หงส์แดง ได้ทันทีเพียงแค่สัมผัสบอลแรก ซึ่งเป็นการต่อบอลตามช่องของนักเตะ ลิเวอร์พูล ก่อนจะเป็น เทรนท์-อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์ ปาดไปเสาสองให้กับดาวเตะทีมชาติญี่ปุ่น ชาร์ตเข้าไปง่ายๆ เรียกว่าเป็นประตูแรกของเจ้าตัว ในศึก พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ซีซั่นนี้ และ เป็นประตูแรก ณ สังเวียน แอนฟิลด์ ของเจ้าตัว

- ซิมิกาส ตัวนำโชค หงส์แดง

สายมูเตลู หลบไป แค่ ลิเวอร์พูล มี คอสตาส ซิมิกาส ก็เพียงพอต่อการเก็บชัยชนะ เพราะเมื่อไหร่ที่แบ็กซ้ายทีมชาติกรีซ ได้ออกสตาร์ทเป็นตัวจริงในซีซั่นนี้ ไม่ว่าจะเป็น พรีเมียร์ลีก อังกฤษ , คาราบาว คัพ หรือ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ขุนพล หงส์แดง ชนะรวด ไม่เคยหลุดเสมอ หรือ แพ้แม้แต่เกมเดียว ที่สำคัญไม่เสียประตูเลยสักลูก เกมที่ถล่ม อาร์เซน่อล นั้น ซิมิกาส ก็ได้รับโอกาสลงสนามเป็นตัวจริง เพราะ แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน ได้รับบาดเจ็บ และ สถิติของ ซิมิกาส ก็ยังคงกระพันต่อไป เพราะเขาสามารถช่วยทีมเก็บคลีนชีต และ ยังสร้างสถิติชนะ 100 เปอร์เซ็นต์ เหมือนเดิม เรียกว่าตอนนี้เป็นตัวนำโชคของ ลิเวอร์พูล ไปแล้ว เชื่อว่าฟอร์มแบบนี้ สาวก เดอะ ค็อป คงเชียร์ให้ลองยึดตำแหน่งตัวจริงยาวๆดูบ้าง

- กลับสู่เส้นทางลุ้นแชมป์

หลังจาก ลิเวอร์พูล สะดุดเสมอ ไบรท์ตัน 2-2 และ แพ้ให้กับ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด 2-3 ทำให้ ลิเวอร์พูล โดน เชลซี ฉีกหนีไปเป็น 4 แต้ม และ โดนถีบร่วงมาอยู่อันดับ 4 ซึ่งแฟนบอลเริ่มตั้งคำถามว่าซีซั่นนี้ หงส์แดง จะยืนระยะลุ้นแชมป์ไหวมั้ย ? เพราะตัวผู้เล่นบาดเจ็บเยอะเหลือเกิน โดยเฉพาะแผงมิดฟิลด์ แต่กระนั้น เกมวันนี้ก็เป็นคำตอบว่า ลิเวอร์พูล ยังคงแข็งแกร่งเหมือนเดิม อเล็กซ์ อ็อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน ที่ดูจะเป็นจุดอ่อนของทีมก่อนหน้านี้ ก็ปรับปรุงเกมรับ และ ช่วยเกมรุกได้ดีมากขึ้น ดังนั้นหากพวกเขารักษาฟอร์มแบบนี้ได้อย่างต่อเนื่อง ก็จะลุ้นแชมป์กับ เชลซี และ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ไปยาวๆ ขณะที่ อาร์เซน่อล ต้องยอมรับว่าวันนี้พวกเขามาเจอทีมที่ดีกว่าจริงๆ พยายามจะต่อสู้ทุกวิถีทางแล้ว แต่ก็ไม่สามารถต้านอยู่ อย่างไรก็ตาม จากผลงานที่ผ่านๆมา มันก็พิสูจน์ได้ว่า อาร์เตต้า กำลังทำการบ้านพัฒนา ไอ้ปืนใหญ่ ให้แข็งแกร่งขึ้น จากที่เคยคิดว่าต้องลุ้นแค่ ยูโรปา ลีก แต่ตอนนี้โควต้า ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก พวกเขาสามารถหวังได้เลย

ฮาย ฮาวดี้

logoline