logo-heading

"คับที่อยู่ได้ คับใจอยู่ยาก" วลีนี้ยังคงใช้งานได้อย่างต่อเนื่องกับในทุกสถานการณ์ ไม่เว้นแม้แต่กับวงการฟุตบอลที่มักมีเรื่องราวทำนองนี้ออกมาให้เห็นกันอยู่บ่อยครั้งโดยเฉพาะกับการลงสนามรับใช้ทีมชาติบ้านเกิด

จากอดีตที่ผ่านมามีหลายเหตุการณ์ที่นักเตะมีปัญหากับการต้องลงสนามให้กับทีมชาติ ซึ่งบางคนมันถึงขั้นหนักข้อประกาศเลิกเล่นทีมชาติไปเสียอย่างงั้น ว่าแล้ว ขอบสนาม ของเราจะพาไปดูกันหน่อยว่าที่ผ่านมามีนักเตะคนไหนบ้างที่มีปัญหาไม่ลงรอยกับการรับใช้ทีมชาติ แข้งคนไหนจะเข้ามาติดโผบ้าง ไปติดตามกันได้เลย

เอริค คันโตน่า (ทีมชาติฝรั่งเศส)

รวมเหล่านักเตะที่มีปัญหาไม่ค่อยลงรอยกับการลงเล่นทีมชาติ ชื่อของ คันโตน่า ทุกคนรู้ดีถึงวีรกรรมพร้อมฝีเท้าที่ยอดเยี่ยมของเขาโดยเฉพาะเมื่อครั้งสวมเครื่องแบบตรา "ปีศาจแดง" แต่ทว่ากับในนามทีมชาติฝรั่งเศสชื่อของชายผู้นี้กลับไม่ค่อยถูกนำมาอยู่ในวงสนทนามากนัก ชีวิตกับทัพ "ตราไก่" ของ คันโตน่า เริ่มขึ้นในช่วงปี 1987 ซึ่งหลังจากนั้นเจ้าตัวก็เป็นตัวหลักของทีมมาโดยตลอด พร้อมได้ลงเล่นในศึกยูโร 1992 แต่ผลงานก็ไม่เป็นดังหวัง เพราะเขาไม่อาจผลิตประตูได้เลยจากการลงสนาม 3 นัด  จนกระทั่งจุดพลิกผันมาถึงในช่วงปี 1995 เชื่อว่าแฟนบอลยังคงจำท่า "กังฟูคิก" ใส่แฟนบอลของ คริสตัล พาเลซ ได้เป็นอย่างดี วีรกรรมครั้งนั้นทำให้เขาถูกแบนจากฟุตบอลไปนานกว่า 8 เดือน ก่อนที่ช่วงพ้นโทษกลับมาแฟนบอล แมนฯ ยูไนเต็ด ก็ต่างชื่นมื่นที่ฮีโร่ของพวกเขากลับมาอีกครั้ง แต่ทว่าใครจะไปรู้ว่าเหตุการณ์วันนั้นคือจุดพลิกผันกับเส้นทางของ "เดอะ คิง" มากเลยทีเดียว จากเดิมที่  ไอเมต์ ฌักเกต์ กุนซือทีมชาติฝรั่งเศส ในตอนนั้นหมายมั่นว่าจะปลุกปั้นให้ คันโตน่า เป็นศูนย์กลางของทีม พร้อมมอบปลอกแขนกัปตันทีมให้ กลับกลายเป็นเขาโดนนายใหญ่ผู้นี้ริบทุกอย่าง พร้อมตัดเขาออกจากทีมชุดลุยยูโร 1996 จากนั้นชีวิตลูกหนังของ คันโตน่า กับทีมชาติฝรั่งเศสก็ไม่กลับมาบรรจบกันอีกเลยทิ้งสถิติกับชาติบ้านเกิดไว้ที่ 20 ประตู จากการลงสนาม 45 นัด เพียงเท่านั้น

พอล สโคลส์ (ทีมชาติอังกฤษ)

รวมเหล่านักเตะที่มีปัญหาไม่ค่อยลงรอยกับการลงเล่นทีมชาติ อันนี้อาจจะไม่ได้เข้าข่ายมีปัญหากับใคร แต่แค่รู้สึกว่าตนเองได้ลงสนามในตำแหน่งที่ไม่เป็นตัวเองฝืนธรรมดา และที่สำคัญในห้วงเวลานั้นต้องยอมรับว่าเขาเป็นรองรุ่นน้องที่กำลังเติบโตขึ้นมาอย่าง แฟร้งค แลมพาร์ด กับ สตีเว่น เจอร์ราร์ด แม้เราจะรู้ว่าฝีเท้าของ สโคลส์ นั้นเข้าขั้นระดับโลกมากขนาดไหน ทั้งเรื่องของการคุมเกมในแดนกลาง, สร้างสรรค์เกมรุก หรือ การวางบอลยาว แต่ทว่าพอถึงช่วงเวลาหนึ่งที่มีเด็กๆ ก้าวขึ้นมาทดแทนมันก็กลายเป็นว่ารุ่นพี่อย่างเขาที่ต้องเดินถอยออกมา ย้อนกลับไปช่วงราวๆ ปี 2004 ทีมชาติอังกฤษ ภายใต้การคุมทีมโดย สเวน-โกรัน อีริคส์สัน เขามีทรัพยากรในแดนกลางแบบจัดเต็ม ทั้ง เจอร์ราร์ด, แลมพาร์ด และ สโคลส์ ซึ่งด้วยเหตุนี้มันเลยกลายเป็นสภาวะที่เลือกไม่ถูกว่าจะใช้ใครบ้างในแท็คติก 4-4-2 ของนายใหญ่จากสวีเดน ว่าแล้ว สเวน ก็เลยจับ สโคลส์ ไปเล่นเป็นปีกซ้ายเสียอย่างงั้น ซึ่งมันไม่ใช่ตำแหน่งที่กองกลางหัวแดงเพลิงถนัด ทำให้ในยูโร 2004 ทัพ "สิงโตคำราม" ไปได้ไม่ไกล ตกรอบ 8 ทีมสุดท้ายด้วยการพ่ายจุดโทษ โปรตุเกส และเป็นที่มาที่ทำให้ สโคลส์ ประกาศแขวนสตั๊ด แม้ตัวเขาจะเคยออกมาให้สัมภาษณ์ว่าสาเหตุสำคัญคืออยากอยู่กับครอบครัวให้มากขึ้น  แต่ทว่าแฟนบอลก็มองออกว่าการต้องลงเล่นกับเด็กดาวรุ่ง และต้องขยับตัวเองไปอยู่ในพื้นที่ที่ไม่คุ้นชินมันเลยจึงเป็นตัวตัดสินในการหันหลังให้ทีมชาติที่ง่ายขึ้นของเขา

รัดย่า เนียงโกลัน (ทีมชาติเบลเยี่ยม)

รวมเหล่านักเตะที่มีปัญหาไม่ค่อยลงรอยกับการลงเล่นทีมชาติ กองกลางพันธุดุที่ขึ้นชื่อลือชาในความโหดของเขาที่มักจะใส่สุดทุกครั้งยามลงสนาม และมักตัดเกมคู่แข่งชนิดที่ใจใครยังไม่แกร่งจริงอาจใจฝ่อไปได้ง่ายๆ ชื่อของ เนียงโกลัน ติดทีมชาติเบลเยี่ยมครั้งแรกในช่วงปี 2009 ภายใต้การคุมทีมของ แฟรงกี้ เวอร์เคาเทเรน แต่ทว่าหลังจากนั้นชื่อของก็หายไปจากสารบบทีมชาตินานพอสมควรก่อนที่จะกลับมามีบทบาทอีกครั้งในปี 2014 ก่อนสถาปนาเป็นกองกลางตัวหลักของทีมในการไปลุยศึกใหญ่อย่างยูโร 2016  ก่อนที่จุดเปลี่ยนของเขาจะเกิดขึ้นอีกครั้งเมื่อทัพ "ปีศาจแดงแห่งยุโรป" ได้ทำการแต่งตั้ง โรเบร์โต้ มาร์ติเนซ เจ้ามาเป็นกุนซือ บทบาทของกองกลางฮาดแมนก็เริ่มเงียบหายไปอีกครั้ง จนกระทั่งฟางเส้นจุดท้ายมาขาดเอาตอนที่เขาหลุดโผชุดลุยศึกฟุตบอลโลก 2018 ซึ่งนั้นทำให้เขาประกาศเลิกเล่นทีมชาติไปเลย ทั้งนี้ใต้มุ้งมีการบอกกล่าวว่าสาเหตุสำคัญไม่ใช่เรื่องของฝีเท้า แต่ทว่าเป็นชีวิตนอกสนามของเขาที่แลดูไม่ค่อยเป็นมืออาชีพมากนัก ทั้งเรื่องการชอบเที่ยวกลางคืนดื่มหนัก หรือสูบบุหรี่ ซึ่งเรื่องนี้มันก็มีภาพข่าวออกมายืนยันว่าเคยมีบุคคลตาดีแอบถ่ายภาพเขาขณะท่องราตรีแบบจัดหนักจัดเต็มอยู่เป็นหลักฐานนั้นเอง

ซามีร์ นาสรี่ (ทีมชาติฝรั่งเศส)

รวมเหล่านักเตะที่มีปัญหาไม่ค่อยลงรอยกับการลงเล่นทีมชาติ ถ้าจะพูดถึงเรื่องของฝีเท้าก็ต้องยอมรับว่า นาสรี่ มีพรสวรรค์ในด้านนี้มากพอสมควร เขาสร้างชื่อมาจากการเป็นนักเตะของ โอลิมปิก มาร์กเซย ก่อนที่จะแจ้งเกิดเป็นที่รู้จักในวงกว้างกับ อาร์เซน่อล รวมไปถึงประสบความสำเร็จแบบขั้นสุดกับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ แต่ทว่ากับในนามทีมชาติดูเหมือนชีวิตของเขาอาจจะไม่ค่อยยืดยาวมากเท่าไหร่นัก เพราะทุกอย่างเกิดขึ้นจากปากของเขาที่พ่นคำพูดแต่ละอย่างออกมาเป็นการดับเทียนปิดโอกาสในกับการติดทัพ "ตราไก่" ไปโดยปริยาย โดย นาสรี่ ติดทีมชาติฝรั่งเศสเมื่อปี 2007 เรย์มง โดเมเน็ค ก่อนที่จะก้าวขึ้นมาเป็นตัวหลักของทีมไปลุยศึกยูโรถึง 2 ครั้ง แต่ทว่าฟางเส้นสุดท้ายที่ทำให้เขากับทีมชาติกลายเป็นเส้นขนานก่อนศึกฟุตบอลโลก 2014 เขาได้ออกมาพูดประมาณว่าถ้าได้ติดทีมไปเล่นรอบสุดท้ายก็จะไม่ยอมนั่งเป็นตัวสำรองตูดด้านข้างสนามหรอก ซึ่งเมื่อ ดิดิเยร์ เดส์ช็องส์ ที่ขึ้นชื่อเรื่องเคร่งวินัยรับรู้ก็จัดการหั่นชื่อของเขาทิ้งไปเสียเลย ก่อนที่ นาสรี่ จะประกาศเลิกเล่นทีมพร้อมคำพูดแบบเสียๆ หายๆ จากทั้งตัวของเขา และแฟนสาวที่ระบายด้วยถ้อยคำรุนแรงผ่านโซเชียลส่วนตัว

เควิน ปรินซ์ บัวเต็ง (ทีมชาติกาน่า)

รวมเหล่านักเตะที่มีปัญหาไม่ค่อยลงรอยกับการลงเล่นทีมชาติ จะว่านี่คือนักเตะที่มีสตอรี่กับทีมชาติมากพอสมควร ย้อนกลับไปสมัยยังเป็นดาวรุ่ง เควิน ปรินซ์ บัวเต็ง ลงสนามรับใช้ทีมชาติเยอรมันตั้งแต่ชุดยู-15 ไล่มาจนถึง ยู-21 ปี แต่ทว่ากับทีมชาติชุดใหญ่เจ้าตัวเลือกที่จะกลับไปลงสนามเล่นให้กับ กาน่า แทน โดย บัวเต็ง ติดทีมชาติกาน่าครั้งแรกคือปี 2010 ก่อนที่สตอรี่จากนั้นจะค่อยๆ เข้มข้นมากขึ้นเรื่อย เพราะหลังจากนั้นอีกราว 1 ปี เขาได้ประกาศอำลาการรับใช้ทีมชาติแบบช็อคแฟนบอล และสื่อกันทั้งบาง และสาเหตุที่เขาให้มาในการตัดสินใจครั้งนี้นั้นก็คือ "เหนื่อย" แน่นอนนี่คือเหตุผลที่โคตรจะงี่เง่า ฉะนั้นไม่แปลกที่แฟนบอลจะสาปส่ง พร้อมส่งคำด่ามากมายมาถึงตัวเขา แต่แล้วในปี 2013 เขากลืนน้ำลายตัวเองกลับมาเล่นให้ทีมชาติอีกครั้ง พร้อมพาทีมตีตั๋วไปเล่นศึกฟุตบอล 2014 และ ปรินซ์ บัวเต็ง ก็เป็นหนึ่งในขุนพลชุดลุยเวิลด์คัพที่บราซิลด้วย แต่อนิจจาในศึกบอลโลก รอบสุดท้าย ตัวเขากับสหายอย่าง ซัลลี่ มุนตารี่ กลับต้องถูกส่งตัวกลับบ้านก่อนใครเพื่อนทั้งๆ ที่กำลังจะเตะเกมสุดท้ายของรอบแบ่งกลุ่ม ส่วนเหตุผลมาจากเรื่องของพฤติกรรมที่ไปด่าใส่เจมส์ เควซี่ อัปเปีย กุนซือของทีมในขณะนั้น ภายหลังออกมาพูดประมาณว่าไร้ซึ่งความเป็นมืออาชีพ ซึ่งนั้นแหละคือฟางเส้นสุดท้ายที่ขาดออกจากกันระหว่างตัวของเขากับทีมชาติกาน่า

- Paolinho -

logoline