logo-heading

ไม่มีปาฏิหาริย์ใดๆสำหรับ บาร์เซโลน่า ในการผ่านเข้าสู่รอบน็อคเอาท์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ซีซั่นนี้ เพราะพวกเขาบุกมาโดน บาเยิร์น มิวนิค ยำใหญ่อยู่ฝั่งเดียว และ แพ้กลับไปด้วยสกอร์ 0-3 ทำให้ร่วงมาอยู่อันดับ 3 โดน เบนฟิก้าแซงหน้า ต้องกระเด็นตกไปเล่น ยูโรปา ลีก เป็นครั้งแรก นับแต่ตั้งเปลี่ยนชื่อรายการนี้

จริงๆแล้วในช่วงตอนจับสลาก ใครๆก็มองว่า บาร์ซ่า น่าจะกอดคอกับ บาเยิร์น ผ่านเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้ายไปได้ แต่แล้วมันก็ไม่ใช่แบบนั้น ซึ่งมันก็มีหลายปัจจัยที่ทำให้ เจ้าบุญทุ่ม ไม่ได้ไปต่อในรายการนี้ ลองไปวิเคราะห์พร้อมๆกันครับ

- ขาด เมสซี่ ขาดใจ

ปฏิเสธไม่ได้จริงๆครับว่า การขาด ลิโอเนล เมสซี่ มันส่งผลอย่างใหญ่หลวงกับ บาร์เซโลน่า จริงๆ ถึงแม้ว่า คิง เลโอ จะย้ายไปอยู่กับ ปารีส แซงต์-แชร์กแมง นาน 4 เดือนแล้ว แต่ยิ่งผลงาน เจ้าบุญทุ่ม ย่ำแย่มากเท่าไหร่ ก็ยิ่งมูฟออนเป็นวงกลมมากขึ้นเท่านั้น หลายๆครั้ง เมสซี่ จะเป็น เดอะ แบก ให้กับ บาร์ซ่า แต่ทว่าตอนนี้กลับไม่มีใครที่จะก้าวขึ้นมาเป็นตัวความหวังของทีมได้เลย ซึ่งซีซั่นก่อนที่ดาวเตะทีมชาติอาร์เจนติน่า จะย้ายออกจากทีมไป เขาก็ยังอุตส่าห์ทำได้ถึง 5 ประตู ทั้งๆที่สภาพทีมถือว่าแย่มาก  ตัดภาพมาที่ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ซีซั่นนี้ ประสิทธิภาพในเกมรุกของ บาร์เซโลน่า ตกลงไปอย่างน่าตกใจ เมื่อไม่มี เมสซี่ อยู่ในทีม เพราะใครจะเชื่อล่ะครับว่า พวกเขายิงได้เพียงแค่ 2 ประตู เท่านั้น ซึ่งเป็นการเอาชนะ ดินาโม เคียฟ บ๊วยของกลุ่ม ด้วยฟอร์มอันเละเทะขนาดนี้ มันจึงอดคิดไม่ได้จริงๆครับ ขาด เมสซี่ เหมือน ขาดใจจริงๆ

- ช่องโหว่ของเกมรับ

ไม่ใช่เกมรุกเท่านั้นนะครับ ที่ บาร์ซ่า มีปัญหา เพราะเกมรับ ก็ย่ำแย่ไม่แพ้กัน ถึงแม้จะมี เคราร์ด ปิเก้, เซร์คิโอ บุสเก็ตส์ หรือ จอร์ดี้ อัลบา อยู่ในทีม ก็ไม่อาจแบกรับภาระให้กับทีมได้ ไม่ต้องย้อนผลงานไปไกล เอาแค่นัดล่าสุดที่บุกมาแพ้ บาเยิร์น มิวนิค แบบเละเทะ 0-3 ก็มีบาดแผลให้พูดถึงเต็มไปหมด แนวรับ เจ้าบุญทุ่ม เปื่อยยุ่ยเป็นกระดาษทิชชู่เปียกน้ำ คำนี้ไม่ได้รุนแรงเกินไป โดยเฉพาะลูกแรกที่ปล่อยให้ โธมัส มุลเลอร์ วิ่งมาจากนอกกรอบ เข้ามาโขกย้อยๆเข้าประตู ทั้งๆที่พื้นที่ในกรอบเขตโทษ ยืนกันตั้ง 2-3 คน เรียกว่าน่าเขกกะโหลกมากๆ ที่เสียประตูจากช็อตแบบนี้ เพราะไม่ได้มีการเตรียมตัวรับมือ หรือ ขวางการเล่นของเกมรุกคู่แข่งเลย และอีกเกมสำคัญที่ทำให้ บาร์เซโลน่า ต้องกระเด็นตกรอบแบ่งกลุ่มเป็นครั้งแรกในรอบ 20 ปี ก็คือการบุกไปแพ้ เบนฟิก้า 0-3 ซึ่งวันนั้นเกมรับทำอะไรก็ผิดพลาดไปหมด ขนาดเปลี่ยนแผนมาใช้ระบบกองหลัง 3 ตัว แต่ก็ไม่ได้ดีขึ้น โดย เอริค การ์เซีย ถึงขั้นโดนไล่ออกจากสนาม ไปด้วย ดังนั้นปฏิเสธไม่ได้เลยครับว่าเกมรับอันเปื่อยยุ่ย เป็นปัจจัยสำคัญทำให้ทีมต้องตกรอบ

- คูมัน คือคนที่ไม่ใช่

การเข้ามาของ ชาบี เอร์นานเดซ มันไม่ทันการเสียแล้ว เพราะช่วงที่เข้ามาเสียบตำแหน่งแทน โรนัลด์ คูมัน เฮดโค้ชคนเก่า ทาง บาร์เซโลน่า กำลังนอนหายใจโรยริน ชีพจรเต้นแบบแผ่วเบา รอวันสิ้นลม ร่วงตกรอบ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก เท่านั้น เพราะแค่ 2 นัดแรก ไม่มีแต้มไม่พอ ยังยิงใครไม่ได้ด้วย สมัยมี เมสซี่ ผลงานการคุมทีมของ คูมัน ก็ไม่ได้ดีอยู่แล้ว ยิ่งมาเสียตัว เดอะ แบก ไปเกือบหมด ผลงานยิ่งสาละวันเตี้ยลงไปกันใหญ่ เพราะในซีซั่นนี้ คูมัน เหมือนคนที่ไม่มีความมั่นใจ เปลี่ยนแผนไป เปลี่ยนแผน ใช้ทั้งระบบ 4-3-3, 3-4-3 หรือ 3-1-4-2 แต่มันก็ไม่ได้ผลเลยสักแผนเดียว โดยแพ้ทั้ง บาเยิร์น และ เบนฟิก้า แบบสกอร์เดียวกัน 0-3 อีกทั้งยังทำ บาร์ซ่า จากสไตล์ต่อบอลบนพื้นแบบ ติกิ-ตาก้า ให้กลายเป็นสไตล์อังกฤษโบราณ เปิดครอสเข้าไปลุ้นในกรอบเขตโทษ โดยดัน ปิเก้ ขึ้นไปเป็นกองหน้าด้วยซ้ำ หรือ เวลาใครเล่นดี ก็มักจับดรอปเป็นสำรอง ทำเอาแฟนบอล เจ้าบุญทุ่ม ส่งเสียงขับไล่อยู่ตลอดเวลา จนสุดท้ายก็แยกทางกัน แต่ด้วยปัจจัยหลายๆอย่างจากผลงานของ คูมัน ที่ทำไว้ มันจึงส่งผลมาถึงปัจจุบันในยุคของ ชาบี

- ตัวหลักบาดเจ็บ และ สำรองยังแทนกันไม่ได้

ในเกมชี้ชะตาที่ บาร์ซ่า จำเป็นจะต้องบุกไปเอาชนะ บาเยิร์น ให้ได้สถานเดียว แต่พวกเขากลับมาเยือนรัง เสือใต้ ด้วยสภาพทีมที่ไม่เต็ม 100 เปอร์เซ็นต์ โดยเฉพาะตัวรุก ที่ต้องขาดทั้ง เปดรี้ และ อันซู ฟาติ สองดาวรุ่งอนาคตไกลของทีม อีกทั้งต้นเกมยังมาเสีย จอร์ดี้ อัลบา ที่กล้ามเนื้อขากระตุกไปอีกคน เมื่อตัวหลักหลายคนบาดเจ็บ ก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัย ที่ส่งผลมาถึงฟอร์มการเล่น เพราะตัวสำรองที่ลงมา ก็ไม่สามารถสร้างอิมแพ็ค หรือ ลงมาเปลี่ยนเกมได้เลย อย่าง ออสการ์ มิงเกซ่า ที่ลงมาแทน อัลบา ก็มีส่วนทำผิดพลาด ปล่อยให้ มุลเลอร์ โขกขึ้นนำประตูแรก ส่วน แซร์จินโญ่ เดสต์ ที่ถูกดันมาเล่นเป็นแนวรุก 3 ประสาน แทบไม่ได้สร้างความระแคะระคายให้กับแนวรับ บาเยิร์น เลยสักนิด แต่พอเปลี่ยนเอา นิโก้ กอนซาเลซ ดาวรุ่งวัย 19 ปี ลงมา ก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง หายจากเกมไปเลยก็ว่าได้ ดังนั้นในเมื่อ บาร์เซโลน่า เป็นทีมแห่งอนาคต พวกเขาก็คงต้องกลับไปสร้างทีมกันใหม่ ยุคที่ ชาบี เข้ามากุมบังเหียน การตกรอบ ยูซีแอล เป็นอะไรที่น่าผิดหวัง และ ชอกช้ำ สำหรับแฟนบอล แต่มันจะเป็นบทเรียนสำคัญที่ทำให้ บาร์เซโลน่า พัฒนาตัวเองต่อไปในอนาคต และ มารอดูกันว่าฤดูกาลหน้า พวกเขาจะกลับมาเล่น แชมเปี้ยนส์ ลีก ได้อีกหรือไม่ เพราะผลงานในลีกก็สุ่มเสี่ยงไม่ติดท็อปโฟร์เหลือเกิน

ฮาย ฮาวดี้-

logoline