logo-heading

การแข่งขัน ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบแบ่งกลุ่ม ซีซั่นนี้ ได้บทสรุปครบถ้วน ได้ 16 ทีมผ่านเข้าไปสู่รอบน็อคเอาท์ เรียบร้อย โดยมียักษ์ใหญ่กระเด็กตกรอบแบบน่าผิดหวัง ซึ่งก็มีหลายสถิติ หลายประเด็นน่าสนใจ ฉะนั้นไปดูกันว่ารอบแบ่งกลุ่ม ที่ผ่านมา มีอะไรที่ต้องพูดถึงกัน ไปติดตามกันครับ

- นักเตะที่ยิงประตูมากที่สุดรอบแบ่งกลุ่ม ไม่ใช่ซูเปอร์สตาร์

หากพูดถึงเรื่องการยิงประตู คุณจะต้องนึกถึง โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ หัวหอก บาเยิร์น มิวนิค, คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ซูเปอร์สตาร์ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด หรือ ลิโอเนล เมสซี่ แนวรุกแห่งค่าย บาร์เซโลน่า แต่กระนั้นนักเตะที่กลายเป็นดาวซัลโว ในรอบแบ่งกลุ่มหนนี้ กลับไม่ใช่ 3 ผู้เล่นที่กล่าวชื่อออกมา หรือ มีดีกรีเป็นดาวดังของทีมยักษ์ใหญ่ เพราะคนที่เป็นดาวซัลโว กลับเป็นแข้งที่ไม่มีใครคาดคิด นามว่า เซบาสเตียน อัลแลร์ กองหน้าจาก อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม ซึ่งครั้งหนึ่งเขาเคยล้มเหลวไม่เป็นท่ากับ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด แต่ตอนนี้เขาจารึกชื่อตัวเองเอาไว้ ว่าเป็นนักเตะที่ยิงมากสุด ในศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบแบ่งกลุ่ม ซีซั่นนี้ ด้วยจำนวน 10 ประตู มากกว่า เลวานดอฟสกี้ 1 ตุง เรียกว่าตลอดทั้ง 6 นัดที่ลงสนาม อัลแลร์ สามารถใส่ชื่อตัวเองไปอยู่บนสกอร์บอร์ดได้ทุกแมตช์ โดยเกมที่เขาได้รับคำชื่นชมอย่างมาก ก็คือนัดเปิดตัวซัลโวคนเดียว 4 ประตู ในแมตช์ที่ อาแจ็กซ์ บุกไปถล่ม สปอร์ติ้ง ลิสบอน 5-1 เป็นสถิติเทียบกับตำนาน มาร์โก ฟาน บาสเท่น ที่เคยสร้างเอาไว้เมื่อปี 1992

- ตกรอบแบบหมดสภาพของ บาร์ซ่า

ย้อนกลับไปวันจับสลาก ใครๆก็คงคิดว่า บาร์ซ่า น่าจะกอดคอ บาเยิร์น มิวนิค ผ่านเข้ารอบไปได้แบบไม่ยากเย็น เพราะว่ากันตามตรงดีกรีเพื่อนร่วมกลุ่มอย่าง เบนฟิก้า และ ดินาโม เคียฟ ยังดูห่างกับพวกเขามากอยู่เหมือนกัน แต่กระนั้น บาร์ซ่า ยุคนี้ ทำให้เห็นว่าพวกเขา ไม่ได้ยิ่งใหญ่เหมือนสมัยที่มี ชาบี เอร์นานเดซ, อันเดรส อิเนียสต้า และ ลิโอเนล เมสซี่ อีกแล้ว เพราะผลงานของ เจ้าบุญทุ่ม ห่วยได้ใจจอร์จจริงๆ โดยตลอด 6 นัดที่ผ่านมา ยิงไปได้แค่ 2 ประตู เท่านั้น และ โดนถลุงตาข่ายมากถึง 9 ลูก เกมที่ บาร์ซ่า พ่ายแบบไป-กลับ ให้กับ บาเยิร์น ด้วยสกอร์ 0-3 ทั้ง 2 แมตช์ แสดงให้เห็นถึงความห่างชั้นตอนนี้ รวมถึงการปราชัยต่อ เบนฟิก้า 0-3 ก็เป็นอีกเหตุผลสำคัญ ที่ทำให้ บาร์เซโลน่า กระเด็นตกรอบแบ่งกลุ่ม ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก เป็นครั้งแรก นับตั้งแต่ฤดูกาล 2000-01 หรือ 20 ปี มาแล้ว เชื่อว่าหลายๆคนคงไม่เคยเห็น หรือ จำภาพไม่ได้แล้วว่า ครั้งสุดท้ายที่ เจ้าบุญทุ่ม ต้องไปเล่น ยูฟ่า คัพ หรือ ยูโรปา ลีก เมื่อไหร่

- ชนะรวดแบบไร้พ่าย

การแข่งขัน ยูซีแอล รอบแบ่งกลุ่ม หนนี้ มีเพียงแค่ 2 ทีมเท่านั้น ที่โชว์ผลงานได้อย่างไร้เทียมทาน เก็บชัยชนะ 6 นัดรวด 18 แต้มเต็ม ไม่มีเสมอ ไม่มีแพ้ นั่นก็คือ บาเยิร์น มิวนิค เจ้าพ่อ บุนเดสลีกา เยอรมัน และ ลิเวอร์พูล ยักษ์ใหญ่จาก พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ในรายของ เสือใต้ พวกเขาเคยทำได้มาแล้วในการเก็บชัยชนะ 6 นัดรวด เมื่อซีซั่น 2019-20 ซึ่งเป็นฤดูกาลที่พวกเขาผงาดชูโทรฟี่เจ้ายุโรป พร้อมกับคว้าทริปเปิ้ลแชมป์มาครองอย่างยิ่งใหญ่ จึงไม่ใช่เรื่องเซอร์ไพรส์อะไรมากนัก เนื่องจากความยอดเยี่ยมของ บาเยิร์น ไม่เคยตกลงไปเลย แต่ทางฟากฝั่ง ลิเวอร์พูล นับว่าเป็นผลการแข่งขันที่เกินคาดเหมือนกันครับ เพราะเขาถูกจัดอยู่ในกลุ่ม กรุ๊ป ออฟ เดธ ร่วมกับ แอตเลติโก มาดริด, เอซี มิลาน และ เอฟซี ปอร์โต้ ต้องฟาดงวงฟาดงา เพื่อแย่งกันเข้ารอบ ทว่ากลายเป็นขุนพล หงส์แดง ตีตั๋วจองเป็นจ่าฝูง ตั้งแต่นัดที่ 4 ส่วน 2 นัดสุดท้าย ก็ยังเก็บวินได้ต่อเนื่อง แม้มีโรเตชั่น ใช้ตัวสำรอง ส่งผลให้ลูกทีมของ เจอร์เก้น คล็อปป์ สร้างประวัติศาสตร์สโมสร เป็นครั้งแรกที่สามารถเก็บชัยได้ 6 นัดรวด ในรอบแบ่งกลุ่ม

- ทีมจอมเซอร์ไพรส์

อาจจะทีมยักษ์ใหญ่ตกรอบไปบ้าง แต่ทีมที่ทำเซอร์ไพรส์ และ สร้างความฮือฮามากที่สุด ในการแข่งขัน ยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก รอบแบ่งกลุ่ม ฤดูกาล 2021-22 นั่นก็คือ เชอร์ริฟฟ์ ทีมเล็กๆจาก มอลโดว่า เพราะใครๆก็มองว่าเป็นสมันน้อยแห่งยุโรป พร้อมเป็นทีมแจกแต้มให้กับคู่แข่งในกลุ่ม ซึ่งมีทั้ง เรอัล มาดริด, อินเตอร์ มิลาน และ ชัคตาร์ โดเน็ตส์ก และ สิ่งที่ทำให้แฟนบอลต้องมาจับตา เสิร์ชหาข้อมูลว่า เชอร์ริฟฟ์ ทีมนี้ มันเป็นใคร มาจากไหน เพราะแค่นัดแรก ก็เริ่มจากการเปิดบ้านเอาชนะ ชัคตาร์ 2-0 ฟังดูอาจจะไม่แปลกใจเท่าไหร่ แต่แมตช์บันลือโลกที่ต้องกล่าวขาน ก็คือการอาจหาญบุกไปโค่น เรอัล มาดริด ถึงถิ่น ด้วยสกอร์ 2-1 เรียกว่า 2 นัดแรกเก็บไป 6 แต้ม ถึงแม้ว่าสุดท้ายแล้ว เชอร์ริฟฟ์ หรือ ทีมนายอำเภอ แบบที่แฟนบอลตั้งฉายาให้ จะไม่สามารถผ่านเข้าสู่รอบน็อคเอาท์ไปได้ แต่อย่างน้อยพวกเขาก็จบเป็นอันดับ 3 ของกลุ่ม ได้ลงไปเล่นในศึก ยูโรปา ลีก พร้อมกับกู่ก้องว่าก็ไม่ใช่หมูที่จะยอมให้ใครมาเชือดง่ายๆ พร้อมกับสถาปนาให้หลายๆคนรู้จักชื่อเสียงมากขึ้น

- มิสเตอร์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก

ถึงแม้ว่า แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จะโชว์ฟอร์มตะกุกตะกัก เริ่มต้น ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบแบ่งกลุ่ม ด้วยการบุกไปแพ้ ยัง บอยส์ 1-2 แต่ก็ยังประคองตัวผ่านเข้าสู่รอบน็อคเอาท์ได้สำเร็จ ซึ่งคีย์แมนคนสำคัญ ก็คงจะเป็นใครไปไม่ได้ นอกจาก คริสเตียโน่ โรนัลโด้ เพราะเขายังเป็น เดอะ แบก ยิงประตูสำคัญให้กับทีมเป็นกอบเป็นกำ ซึ่งตลอด 5 นัด ที่ ซีอาร์ 7 ลงสนาม เขายิงได้ทุกนัด รวม 6 ประตู ถือว่าสมฉายามิสเตอร์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก อย่างแท้จริง เพราะปัจจุบันก็เพิ่มสถิติจารึกดาวซัลโวตลอดกาลของรายการนี้ เพิ่มไปแล้ว 140 ประตู จากการลงสนาม 181 นัด ซึ่งไม่รู้ว่าอีกกี่สิบปี จะมีคนรุ่นหลังมาทำลายสถิตินี้ลงได้ เพราะไม่ว่า โรนัลโด้ จะอายุเพิ่มขึ้นมากเท่าไหร่ แต่เรื่องความเฉียบคมก็ไม่เคยเปลี่ยนแปลง ยังคงยิงประตูได้อย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันก็ซัลโวในอาชีพการค้าแข้งเกิน 800 ตุงเข้าไปแล้ว ดังนั้นคงต้องมารอดูกันว่า โรนัลโด้ จะพา ปีศาจแดง ชุดนี้ ไปได้ไกลมากขนาดไหน ในยุคที่มี ราล์ฟ รังนิค เข้ามากุมบังเหียน

- สถิติ 2 ตัวเทพ ปารีส

นัดส่งท้ายรอบแบ่งกลุ่มของ ปารีส แซงต์-แชร์กแมง ในเกมเปิดถิ่น ปาร์ก เดส์ แพร็งส์ ไล่ถล่ม คลับ บรูช กระจุยกระจาย 4-1 ได้เกิดการสร้างสถิติขึ้นใหม่ ให้กับ คีเลี่ยน เอ็มบัปเป้ และ ลิโอเนล เมสซี่ 2 ดาวยิงตัวเก่ง เริ่มจาก น้องเป้ ซึ่งซัด 2 ประตูในเกม คลับ บรูช ส่งผลให้เขากลายเป็นนักเตะอายุน้อยสุด ที่สามารถยิงเกิน 30 ประตู ในเวที ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ด้วยวัยเพียงแค่ 22 ปี 352 วัน ทำลายสถิติ ลิโอเนล เมสซี่ ซึ่งเคยทำไว้เมื่อตอน 23 ปี 131 วัน แต่ถึงกระนั้น เมสซี่ ก็ได้สร้างสถิติใหม่ๆให้กับตัวเองเพิ่มเช่นกัน เพราะ 1 ประตู ที่ทำได้ ทำให้ตอนนี้ดาวเตะทีมชาติอาร์เจนติน่า ยิงประตูตลอดการค้าแข้งอาชีพรวมแล้ว 758 ประตู แซงหน้า เปเล่ ตำนานบราซิล ที่ยิง 757 ประตู เรียบร้อย นอกจากนี้ คลับ บรูช ยังเป็นเหยื่ออันโอชะของ เมสซี่ โดยเป็นทีมที่ 38 ที่ เมสซี่ ยิงประตูใส่ในศึก ยูซีแอล มากที่สุดเทียบเท่ากับ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ดาวเตะ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

ฮาย ฮาวดี้

logoline