หามมาแนะ! คอนนอร์ กัลลาเกอร์ ดาวรุ่งฟอร์มแรง ที่กำลังเฉิดฉายกับ พาเลซ
ถ้าจะถามหาดาวรุ่งฟอร์มดีจากศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ในฤดูกาลนี้ แน่นอนว่าชื่อของ คอนนอร์ กัลลาเกอร์ ต้องอยู่ในลิสต์ดังกล่าวอย่างแน่นอน
กองกลางวัย 21 ปี กำลังทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมภายใต้สัญญายืมตัวกับ คริสตัล พาเลซ ภายหลังถูก เชลซี ปล่อยออกมาหวังเพื่อให้นักเตะในความดูแลของพวกเขาเก็บประสบการณ์ และพัฒนาตัวเองเพื่อกลับไปเป็นความหวังในอนาคตอันใกล้ของสโมสร
ซึ่งผลงานของ กัลลาเกอร์ ต้องบอกว่ากระฉูดแตกมากทั้งยิง และจ่าย จนกลายเป็นแข้งคนสำคัญที่ทัพ "ดิ อีเกิ้ล" ไม่อาจขาดได้ ว่าแล้ว ขอบสนาม ของเราจะพาไปทำความรู้จักกับเด็กหนุ่มคนนี้ให้มากขึ้นจุดเริ่มต้นในชีวิตลูกหนีงของเขานั้นมีที่มา และที่ไปอย่างไรบ้าง
ชีวิตเริ่มต้นกับวงการลูกหนัง
คอนนอร์ กัลลาเกอร์ ลืมทักทายโลกใบนี้เมื่อ 6 กุมภาพันธ์ 2000 ท่ามกลางครอบครัวที่เป็นนักฟุตบอล และเป็นแฟนพันธ์แท้ของสโมสร เชลซี เจ้าตัวเริ่มต้นฝึกหัดศาสตร์ลูกหนังกับโรงเรียนฮาวเวิร์ด เอฟฟิงแฮม ก่อนที่เมื่ออายุครบ 8 ขวบ จะได้โอกาสครั้งสำคัญในการเข้าสู่อะคาเดมี่ของทัพ "สิงห์บลูส์"
ซึ่งเวลาในช่วงนั้น กัลลาเกอร์ ก็ใช้เวลาในการศึกษา และเพิ่มพูนฝีเท้ากับอะคาเดมี่ของทีม ก่อนที่จะค่อยๆ ก้าวขึ้นมายังทีมในแต่ละชุดของทีมไล่มาตั้งแต่ ชุดยู-18 ที่เขาเป็นหนึ่งในขุมกำลังชุดคว้าแชมป์ยูธ ลีก 2 สมัย ในช่วงซีซั่น 2016-17 กับ 2017-18 ก่อนที่จะขยับมาเป็นชุด ยู-19 และ ยู-23 ตามลำดับ
ส่วนสัญญาอาชีพฉบับแรกของเขาเกิดขึ้นเมื่อช่วงเดือนมีนาคม 2017 ซึ่งอย่างน้อยมันก็เป็นเครื่องยืนยันถึงฝีเท้าของเขาที่สโมสรแห่งนี้มองเห็นแววในการเติบโตขึ้นมาเป็นแข้งความหวังของสโมสรได้
ซีรี่ย์การถูกปล่อยยืมตัว
ก่อนที่เด็กหนุ่มรายนี้จะถูกปล่อยยืมตัวออกไปเก็บเกี่ยวประสบการณ์ ถ้าใครยังจำกันได้ในศึกยูโรปา ลีก รอบชิงชนะเลิศเมื่อซีซั่น 2018-19 ที่ เชลซี เอาชนะ อาร์เซน่อล ไปได้ 4-1 บนม้านั่งสำรองจะพบกับชื่อของเด็กดาวรุ่งอย่าง คอนนอร์ กัลลาเกอร์ ได้รับโอกาสครั้งสำคัญ แม้จะไม่ได้โอกาสสัมผัสสนาม แต่นั้นคือได้โอกาสใกล้ชิดกับเกมของทีมชุดใหญ่ และรุ่นพี่ฝีเท้าระดับโลกแบบใกล้ชิดครั้งแรกของเขา
จากนั้นในซีซั่นถัดมา กัลลาเกอร์ ถูกปล่อยตัวไปให้ ชาร์ลตัน แธเลติก ทีมในศึกเดอะ แชมเปี้ยนชิพ ยืมตัวอยู่ครึ่งซีซั่น ซึ่งเจ้าตัวก็ถือว่าได้ลงสนามอย่างต่อเนื่อง พร้อมเป็นตัวหลักของทีมลงเล่นไปมากถึง 26 นัด ซัดไป 6 ประตู กับทำอีก 4 แอสซิสต์ แต่ทว่าในช่วงครึ่งซีซั่นหลังของฤดูกาล 2019-20 กลับถูกเรียกตัวกลับไปยังต้นสังกัดแม่ ก่อนปล่อยไปให้ สวอนซี ซิตี้ ยืมตัวไปใช้งานต่อ
ซึ่งผลงานกับทัพ "หงส์ขาว" ก็ไม่ธรรมดา กัลลาเกอร์ ลงสนามไปถึง 21 นัด ทำไป 7 แอสซิสต์ ช่วยทีมจบในพื้นที่เพลย์ออฟ แต่ทว่าก็ต้องพลาดท่าต่อ เบรนท์ฟอร์ด ด้วยสกอร์ไป-กลับ ถึง 3-2 ก่อนที่จะหมดสัญญา และได้กลับไปยัง เชลซี อีกครั้ง
ส่วนซีซั่นถัดมาคือเมื่อฤดูกาลก่อนเจ้าตัวก็ถูกปล่อยตัวเป็นครั้งที่ 3 แต่ทว่าครั้งนี้จะพิเศษหน่อยตรงที่การย้ายไป เวสต์บรอมวิช อัลเบี้ยน ซึ่งที่นี่เอง กัลลาเกอร์ จะได้รับโอกาสลงเล่นบนลีกสูงสุดเป็นครั้งแรกในชีวิต ซึ่งเส้นทางกับทัพมวยโลก WBA ก็ถือว่าเจ้าตัวสามารถสอดแทรกเป็นตัวจริงได้สำเร็จลงเล่นเกมลีกไปมากถึง 30 นัด แม้สุดท้ายจะไม่สามารถช่วยทีมให้รอดจากการตกชั้นได้ แต่นี่คือประสบการณ์กองโตให้เด็กหนุ่มแบบเขาได้มีโอกาสเก็บประสบการณ์
แจ้งเกิดกับ พาเลซ
ภายหลังได้สัมผัสเวทีพรีเมียร์ลีกมาแล้ว 1 ปีเต็มๆ กับ เวสต์บรอมวิช ทำให้ในซีซั่นนี้ คริสตัล พาเลซ ในยุคใหม่ภายใต้การคุมทีมของ ปาทริค วิเอร่า จัดการยื่นเรื่องไปถึง เชลซี ในการยืมตัวพ่อหนุ่มผมทองรายนี้มาเสริมแกร่งในสัญญายืมตัว ซึ่งทางฝั่ง "สิงห์บลูส์" ก็ไม่ขัด จัดการส่งมอบทันทีหวังให้เด็กในคาถาเก็บเลเวลเพิ่มวิชาอีกหนึ่งปี
ว่าแล้วมันก็ถึงห้วงเวลาของ กัลลาเกอร์ อย่างแท้จริง ยิ่งได้ลงเล่น ยิ่งฉายแววความโดดเด่นมากขึ้นเรื่อยๆ จนกลายเป็นสตาร์ของ พาเลซ ในซีซั่นนี้ไปโดยปริยาย ทั้งที่ก่อนหน้านี้เมื่อพูดถึงสโมสรแห่งนี้จะนึกถึงแต่ วิลฟรีด ซาฮา แต่ ณ ชั่วโมงนี้แฟนบอลร้องหาแต่ กัลลาเกอร์ ไปแล้ว
นับมาถึงตรงนี้ กัลลาเกอร์ ลงสนามให้กับ พาเลซ ไปแล้วในทุกรายการ 16 นัด ซัดไป 6 ประตู พ่วงกับอีก 3 แอสซิสต์ ซึ่งตอนนี้เจ้าตัวนำเป็นดาวซัลโวของทีม นำหน้าเหล่าดาวยิงทั้ง วิลฟรีด ซาฮา (4 ประตู), คริสเตียน เบนเตเก้ (4 ประตู) หรือ ออดซอนน์ เอดูอาร์ (3 ประตู)
ในนามทีมชาติอังกฤษ
ต้องบอกว่าเส้นทางทีมชาติของ กัลลาเกอร์ เขาไล่ติดมาตั้งแต่ชุดยู-17 ปี ไล่มาเรื่อยๆ จนถึงชุดยู-21 และล่าสุดก็เพิ่งได้โอกาสครั้งสำคัญในการถูกเรียกตัวไปติดทัพ "สิงโตคำราม" ชุดใหญ่ ภายใต้การทำทีมของ แกเร็ธ เซาธ์เกต ก่อนที่จะถูกส่งลงสนามเกมแรกคือนัดที่พบกับ ซาน มารีโน่ ในศึกฟุตบอลโลก 2022 รอบคัดเลือก
แม้เกมดังกล่าวจะเป็นการถูกส่งลงสนามในฐานะตัวสำรองในช่วง 45 นาทีหลัง แต่นั่นก็คือก้าวเดินแรกที่ยอดเยี่ยมกับทีมชาติในวัยที่เขาเพิ่งแตะหลักอายุ 21 ปี เท่านั้น
ส่วนเกียรติประวัติสำคัญในนามทีมชาติคงเป็นแชมป์ฟุตบอลโลก ชุดยู-17 ปี เมื่อปี 2017 ซึ่งแข้งร่วมรุ่นเดียวกันในวันนั้นก็ยกตัวอย่างเช่น ฟิล โฟเด้น, คาลั่ม ฮัดสัน-โอดอย หรือ เอมิล สมิธ โรล ซึ่งทัวร์นาเมนต์นั้น กัลลาเกอร์ ได้โอกาสลงสนามทั้งหมด 4 นัด ด้วยกัน
สไตล์การเล่น
ด้วยบทบาทของ กัลลาเกอร์ คือมิดฟิลด์ตัวกลาง แต่ทว่าก็สามารถดันขึ้นสูงไปเล่นในบทบาทเพลย์เมคเกอร์ได้ด้วย จุดเด่นของเขาอยู่ที่การสามารถไปกับบอลได้อย่างยอดเยี่ยม มีความคล่องตัวพอสมควร สามารถเล่นกับลูกฟุตบอลได้เป็นอย่างดี ที่สำคัญคือเรื่องของการจ่ายบอลที่มีความเฉียบขาด สามารถวางบอลยาวงได้อย่างแม่นยำ
ส่วนออฟชั่นเสริมคือการตัดเกมของคู่แข่ง แม้ตำแหน่งอาจจะไม่ใช่กองกลางตัวรับขนานแท้ แต่ทว่าต้องวิ่งพล่านไล่บอลจากลูกแข่งถือว่า กัลลาเกอร์ สอบผ่านในเรื่องนี้เป็นอย่างมาก
แน่นอนว่าจากที่กล่าวมาถือว่ากับเด็กวัย 21 ปี เขาสามารถโชว์ผลงานออกมาได้อย่างยอดเยี่ยม และด้วยวัยที่ยังคงพัฒนาตัวเองให้ไปได้ไกลกว่านี้ น่าสนใจเหลือเกินว่าด้วยฟอร์มที่ร้อนแรงขนาดนี้เจ้าตัวจะสามารถกลับไปแจ้งเกิดกับ เชลซี ในยุคนี้ได้หรือไม่
- Paolinho -