ควันหลงหลังเกม ทีมชาติไทย ที่เฉือน ฟิลิปปินส์ ไปได้อย่างหวุดหวิด 2-1 พร้อมกับการันตีการเข้ารอบรองชนะเลิศ อาเซียน คัพ 2020 เรียบร้อยแล้ว
โดย ทีมชาติไทย ได้ประตูขึ้นนำ 1-0 ในช่วงครึ่งแรกและสามารถเล่นได้อย่างยอดเยี่ยม ก่อนจะมาโดน ฟิลิปปินส์ ตีเสมอ 1-1 และมาได้ประตูชัย 2-1 จากจุดโทษ ซึ่งทั้ง 2 ลูกมาจากฝีเท้าของ ธีรศิลป์ แดงดา
"มาโน่" ชุดเดิมเพิ่มเติม "สุภโชค"
นัดนี้ ทีมชาติไทย ยังมาเล่นในระบบเดิมคือ 4-1-3-2 แต่มีการเปลี่ยน 1 ตำแหน่งด้วยการส่ง สุภโชค สารชาติ ลงมาเล่น ศุภชัย ใจเด็ด ในตำแหน่งกองหน้า นอกนั้นเป็นเซ็ตเดิมที่ลงสนามในเกมยิง เมียนมา 4-0
ประตูจากนักเตะคลาส "เจลีก"
ต้องยอมรับเลยว่าประตูแรกของเกมนี้คือ "สกิล" ที่ยอดเยี่ยมและทันกันของ 2 นักเตะที่ดีที่สุดของทีมชาติไทยยุคนี้ และทั้งคู่เคยผ่านการเล่นในเวที "เจลีก" มาแล้วสำหรับลูกที่ธีราทรบุญมาทันจ่ายให้ธีรศิลป์แดงดายิงฮาล์ฟวอลเลย์เข้าไปอย่างสุดสวย
เป็น "ครึ่งแรก" ที่สมบูรณ์แบบ
การนำ ฟิลิปปินส์ 1-0 ในครึ่งแรก แม้จะดูน้อย แต่ต้องยอมรับว่าเป็นการเล่นที่สมบูรณ์แบบมากๆ ทั้งการครองบอลมากกว่า 70 % ทั้งโอกาสการยิงประตู 5 ครั้ง สามารถยิงเข้ากรอบถึง 4 และพาบอลเข้าไปเป็นประตูได้ 1 ลูก ส่วน ฟิลิปปินส์ แทบไม่มีโอกาสยิบอลเข้ากรอบเลย
"พลาดครั้งเดียว" เสียประตูทันที
ครึ่งหลังที่ ทีมชาติไทย เริ่มมาด้วยการกด ทีมชาติฟิลิปปินส์ ได้อย่างต่อเนื่อง แต่สุดท้ายมาพลาดครั้งเดียว ก่อนจะโดน แพทริค ไรเชลท์ ลงโทษยิงสวนตูมเดียวเข้าไป และประตูนี้คือลูกแรกที่ ทีมชาติไทย เสียในรายการนี้ด้วย
"การเปลี่ยนตัว" ของ มาโน่ เห็นผลอีกครั้ง
ควันหลงที่หลายคนพูดถึงหลังเกมนี้คือการเปลี่ยนตัวของ มาโน่ โพลกิ้ง ที่เห็นผลอีกครั้ง หลังจาก 2 เกมแรกเห็นผลไปแล้ว เกมนี้ก็เหมือนกันที่ มาโน่ เลือกเปลี่ยน 3 กองกลางเซ็ตตัวจริงอย่าง ชนาธิป สรงกระสินธ์ , สารัช อยู่เย็น และ ธนวัฒน์ ซึ้งจิตถาวร แล้วส่ง บดินทร์ ผาลา, วรชิต กนิตศรีบำเพ็ญ และ ฐิติพันธ์ พ่วบจันทร์ ลงมาเล่นแทน ก่อนที่จะเป็น นิว ฐิติพันธ์ ลงมาเรียกจุดโทษให้กับทีมและเป็นจุดโทษที่นำไปสู่ประตูชัยในเกมนัดเฉือน ฟิลิปปินส์ 2-1 นี้ด้วยติดตามข่าวสารอื่นๆ ของทีมได้ไลน์ขอบสนาม