logo-heading

จุใจกันไหมครับสำหรับ พรีเมียร์ลีก อังกฤษ วัน บ็อกซิ่ง เดย์ ประจำปี 2021 เพราะเป็นวันแกะของขวัญที่ยิงประตูกันถล่มทลายจริงๆ มีทั้งสกอร์เป็นไปตามคาด และ เกือบมีเกมโกงความตายเกิดขึ้นเช่นกัน นับเป็นอะไรที่สนุกสนานและเต็มอิ่มสำหรับแฟนบอลจริงๆ

นอกจากนี้ยังมีการสร้างสถิติใหม่ๆให้เห็นกันด้วย โดยเฉพาะเรื่องดาวซัลโว ที่อยู่คงกระพันมาหลาย 10 ปี เอาเป็นว่าวัน บ็อกซิ่ง เดย์ มีประเด็นอะไรน่าสนใจให้พูดถึงกัน ไปติดตามกันครับ

- แชมป์ คริสต์มาส ยิงกระจุย

7 จาก 10 ปี หลังสุด ทีมไหนที่เข้าป้ายเป็นจ่าฝูงในช่วงวันคริสต์มาส มักจะลงเอยด้วยการเป็นแชมป์อยู่เสมอ และ หลังจากวันโม่แข้ง บ็อกซิ่ง เดย์ ก็คงทราบกันดีแล้วว่า แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ครองอันดับ 1 แบบติดลมบน ไม่มีแผ่วให้คู่แข่งได้แช่งกันเลย ยิ่ง ลิเวอร์พูล คู่แข่งลุ้นแชมป์ ถูกเลื่อนโปรแกรมแข่งขัน ดังนั้นมันถึงเวลาที่พวกเขาต้องทำแต้มเพื่อฉีกหนีออกไป สุดท้าย เรือใบสีฟ้า ของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ก็ไม่พลาดครับ เมื่อเปิดบ้านเก็บ 3 คะแนน เอาชนะ เลสเตอร์ ซิตี้ ได้สำเร็จ แต่ก็ต้องมีเป่าปากเหมือนกัน เพราะมันเหมือนว่าน่าจะเป็นชัยชนะที่แบเบอร์ เนื่องจาก 25 นาที ซัดไปถึง 4 ลูก ไล่ตั้งแต่ เควิน เดอ บรอยน์, ริยาด มาห์เรซ, อิลคาย กุนโดกัน และ ราฮีม สเตอร์ลิ่ง ใครเห็นก็ว่า "จิ้งจอก" เละกันทั้งนั้น  ! แต่โลกลูกหนัง มีอะไรเซอร์ไพรส์อยู่เสมอ เพราะ เลสเตอร์ เกือบโกงความตายได้สำเร็จ หลังยิงไล่ แมนฯ ซิตี้ มา 4-3 ทำเอาลูกทีม เป๊ป กวาร์ดิโอล่า สะดุ้งเหมือนกัน และ ปลุกให้กองแช่งมีความหวังอีกครั้ง ยังดีที่ เรือใบสีฟ้า ตื่นจากภวังค์ทันเวลา กลับมายิงได้อีก 2 ลูก ชนะไป 6-3 นับเป็นสกอร์ที่สูงที่สุดในศึกพรีเมียร์ลีก ตลอดกาล ของวัน บ็อกซิ่ง เดย์ โดยก่อนหน้านี้เคยมี แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด บุกชนะ โอลด์แฮม 6-3 แต่มันเป็น ดิวิชั่น 1 เดิม เมื่อปี 1991

- อาร์เซน่อล ฟอร์มร้อนแรงเกินห้ามใจ

ใครจะเชื่อล่ะครับว่า ทีมที่ออกสตาร์ทแย่สุดในประวัติศาสตร์สโมสร อย่าง อาร์เซน่อล ที่แพ้ 3 นัดแรกแบบเละเทะ ทั้งพ่าย เบรนท์ฟอร์ด 0-2, พ่าย เชลซี 0-2 และ โดน แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ถลุงตูด 0-5 ร่วงไปอยู่อันดับท้ายสุดของตาราง ซึ่งตอนนั้นหัวของ มิเกล อาร์เตต้า กำลังพาดอยู่บนแท่นประหารหัวสุนัข รอวันถูกเชือดเท่านั้น ไม่มีวี่แววเลยว่า อาร์เซน่อล จะกลับมาลุ้นท็อปโฟร์ได้เลย แค่ไปยุโรปก็ยากแล้ว เพราะทุกอย่างมันแย่จริงๆ โดยเฉพาะการโดนแฟนบอลก่อม็อบขับไล่ แต่เวลาผ่านมาแค่ 4 เดือน ทุกอย่างพลิกจากหลังเท้า กลับมาเป็นหน้ามือซะอย่างนั้น เนื่องจาก อาร์เตต้า พิสูจน์ตัวเอง ปรับเปลี่ยนวิธีไปเรื่อย พร้อมกับตัดเนื้อร้ายที่คอยถ่วงทีมออกไป ทำให้ตอนนี้ "ไอ้ปืนใหญ่" ก้าวกระโดดขึ้นมาอยู่อันดับ 4 หน้าตาเฉย ถึงแม้จะยังแข่งมากกว่าทีมอื่นอยู่ แต่มันเป็นผลงานอันน่าเหลือเชื่อ โดย 5 นัดหลังสุด พวกเขาแพ้แค่ 1 นัด ที่เหลือชนะ 4 เกมรวด ล่าสุดคือบุกถล่ม นอริช ซิตี้ 5-0 นับเป็นชัยชนะเกมเยือนที่ถล่มทลายมากสุดในศึก พรีเมียร์ลีก ของสโมสร นับตั้งแต่ปี 2009 เรียกว่าสถานะเปลี่ยนทันที จากหนีตาย กลายมาลุ้นท็อปโฟร์ เผลอแปบเดียวตอนนี้ตามหลัง เชลซี อันดับ 3 แค่ 6 คะแนน เท่านั้น

- แฮร์รี่ เคน ทาบสถิติดาวยิงสูงสุด วัน บ็อกซิ่ง เดย์

แฮร์รี่ เคน เริ่มจะกลับมาทำประตูได้อย่างต่อเนื่องแล้วครับ หลังจากปืนฝืดไปอย่างยาวนาน เพิ่งยิงประตูก่อนเข้าวันบ็อกซิ่ง เดย์ ไปเพียงแค่ 2 ลูก เท่านั้น อย่างไรก็ตามในเกมที่ ไก่เดือยทอง เปิดบ้านถล่ม คริสตัล พาเลซ 3-0 ดาวยิงทีมชาติอังกฤษ ก็ซัดให้ทีมได้ 1 ตุง เท่ากับว่าประตูนี้ของ แฮร์รี่ เคน ได้ขึ้นไปทาบสถิติ ร็อบบี้ ฟาวเลอร์ อดีตหัวหอก ลิเวอร์พูล ที่เคยยิงในวันแกะของขวัญมากที่สุดบนเวที พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ด้วยจำนวน 9 ประตู เรียบร้อยแล้ว นับเป็นสถิติที่อยู่ยงคงกระพัน มาตั้งแต่ "เดอะ ก็อด" หมดสัญญากับ แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส เมื่อจบซีซีซั่น 2008-09  หมายความว่าขออีกเพียงแค่ประตูเดียว แฮร์รี่ เคน จะจารึกประวัติศาสตร์เป็นนักเตะที่ทำประตูได้สูงสุด หากซัลโวในวันบ็อกซิ่ง เดย์ ปีหน้าสำเร็จ ซึ่งดูแล้วมีโอกาสทำลายสถิติสูงมาก แต่คำถามคือ เขาจะทำมันกับ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ หรือ ย้ายไปอยู่กับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่กำลังตกเป็นข่าวอย่างหนัก อันนี้ต้องรอดูกัน

- การกลับมาของ โรเมลู ลูกากู

ช่วงหลัง ผลงานของ เชลซี เริ่มสะดุดให้เห็น มีเจ๊า 2 นัดติด ในเกมที่เสมอกับ เอฟเวอร์ตัน 1-1 และ เสมอ วูล์ฟแฮมป์ตัน วันเดอร์เรอร์ส 0-0 ทำให้สถานการณ์การลุ้นแชมป์เริ่มยากมากขึ้น เพราะต้องไล่ตามหลัง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ถึง 6 คะแนน ซึ่งในเกม บ็อกซิ่ง เดย์ ที่พบกับ แอสตัน วิลล่า ดูเหมือนว่าอาการของทีม โธมัส ทูเคิ่ล ก็ยังไม่ฟื้น เพราะต้องตกเป็นฝ่ายตามหลังไปก่อน จากการทำเข้าประตูตัวเองของ รีซ เจมส์ ดังนั้นหากนัดนี้ สิงห์บลูส์ พลาดสะดุดมาอีก ก็จะโดน เรือใบสีฟ้า ทำแต้มฉีกหนีไปอีก อย่างไรก็ตาม ฮีโร่ผู้ขี่ม้าขาว ทำให้ เชลซี เก็บ 3 แต้ม สำเร็จ ก็คือ โรเมลู ลูกากู หลังรักษาตัวหายจากโรค โควิด-19 ก็ลงมาโขกประตูให้ สิงห์บลูส์ แซงขึ้นนำ 2-1 เป็นประตูแรกของเขา นับตั้งแต่เดือนกันยายน ถึงแม้จะยิงน้อย แต่ขอให้มาถูกเวลาแบบนี้ เท่านั้นยังไม่พอ ลูกากู ยังเป็นคนตะลุยเรียกจุดโทษให้กับทีมได้อีก และ เป็น จอร์จินโญ่ ซึ่งสังหารจุดโทษ 2 ลูก ในเกมนี้ ไม่พลาดเลย เรียกว่าลูกนิ่งตรงจุดนี้ ซัดได้เฉียบขาดมากๆ

- บ็อกซิ่ง เดย์ ปีนี้ ยิงกันเอาใจแฟนบอล

แรกเริ่มเดิมที ก็คิดว่า บ็อกซิ่ง เดย์ ปีนี้ อาจจะกร่อยเหมือนปีที่ผ่านมา เพราะด้วยสถานการณ์ โควิด-19 ระลอกใหม่ในประเทศอังกฤษ กำลังระบาดอย่างหนัก มีนักเตะ และ สตาฟฟ์โค้ช ในศึก พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ติดเชื้อกันมากมาย ทำให้การแข่งขันถูกเลื่อนออกไปถึง 3 คู่ ประกอบด้วย ลิเวอร์พูล เปิดบ้านพบกับ ลีดส์ ยูไนเต็ด, วูล์ฟแฮมป์ตัน วันเดอเรอร์ส ฟาดแข้งกับ วัตฟอร์ด และ เบิร์นลี่ย์ ปะทะ เอฟเวอร์ตัน แต่กระนั้น อาจจะด้วยความกังวล หรือ อะไรก็ตามแต่ ฟุตบอลสามารถเยียวยาทางจิตใจได้อยู่เสมอ เพราะ บ็อกซิ่ง เดย์ ในศึก พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ปีนี้ ไม่ได้กร่อยอย่างที่คิด เรียกว่ายิงประตูกันถล่มทลาย หากคุณเดินไปเข้าห้องน้ำแปบเดียว กลับมาสกอร์อาจจะไม่เหมือนเดิมแล้ว เริ่มตั้งแต่คู่ 4 ทุ่ม ตามเวลาประเทศไทย ซึ่งฟาดแข้งกัน 4 คู่ ซัดรวมกันมากถึง 22 ลูก !! ใช่ครับฟังไม่ผิด ยิงโหดเหมือนโกรธใครมา โดยคู่ที่ยิงประตูกันน้อยสุดกลายเป็นทีม สเปอร์ส ที่ถล่ม คริสตัล พาเลซ 3-0, ยิงกันมากสุดก็ แมนฯ ซิตี้ ดาหน้าถล่ม เลสเตอร์ ซิตี้ 6-3 ส่วนอีก 2 คู่ ยิงรวมกัน 5 ลูก มีทั้ง อาร์เซน่อล ถลุงตูด นอริช ซิตี้ 5-0 และ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด แพ้ เซาธ์แฮมป์ตัน 2-3 ขณะที่คู่ เชลซี กับ วิลล่า ก็ซัดกันไป 4 ประตู โดยเป็น สิงห์บลูส์ พลิกกลับมาแซงเอาชนะ 3-1 ปิดท้ายวันด้วยเกมคู่ ไบรท์ตัน ก็เอาชนะ เบรนท์ฟอร์ด ได้อีก 2-0 เรียกว่า บ็อกซิ่ง เดย์ หนนี้ มีสกอร์ให้เห็นเกือบถึง 30 ลูก ในคืนเดียว นับเป็นของขวัญคืนความสุขให้กับแฟนบอล ที่กำลังกังวลกับสถานการณ์แพร่ระบาดของ โควิด-19 ได้ดีจริงๆ

ฮาย ฮาวดี้

logoline