logo-heading

ถึงจะจากบ้านเกิดไปโลดแล่นผจญภัยอยู่ใน อิตาลี ได้พบเจอกับวิถีชีวิตแบบใหม่ สไตล์ของลูกหนังที่ต่างจากใน อังกฤษ แต่ถึงกระนั้นผลงานของเจ้า แทมมี่ อบราฮัม ก็ยังคงดีอย่างต่อเนื่องแบบหยุดไม่อยู่จริงๆ

มีเรื่องราวมากมายเกิดขึ้นบนเส้นทางสายลูกหนังของ แทมมี่ อบราฮัม ตลอดช่วงหลายปีที่ผ่านมากว่าจะก้าวมาถึงจุดที่ทุกคนให้การยอมรับ และสิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นก็คือสิ่งที่ทางเราอยากจะนำเสนอในวันนี้ Tammy Abraham breaks incredible Serie A record as former Chelsea ace shines  for Mourinho - Daily Star ย้อนเวลากลับไปช่วง 6-7 ปีก่อนชื่อของ แทมมี่ อบราฮัม ยังไม่ได้เป็นที่รู้จักหรือติดหูเหล่าแฟนบอล เพราะนั่นคือช่วงที่พี่แกยังเป็นผลผลิตที่ฟักตัวอยู่ในแคมป์ศูนย์ฝึกเยาวชนของ "สิงโตน้ำเงินคราม" เชลซี ถ้าใครมีโอกาสได้ติดตามจะเห็นได้ว่าฟอร์มกับทีมชุดเยาวชนอยู่ในระดับที่สุดยอดมากๆ กับการซัดไป 74 ประตูจากการลงเล่น 98 นัด นั่นจึงทำให้เขาได้โอกาสก้าวขึ้นมาสัมผัสประสบการณ์กับทีมชุดใหญ่เป็นครั้งแรกในฤดูกาล 2015-16 โดยรักษาการกุนซืออย่าง กุส ฮิดดิ้งค์ และก็ได้เปิดตัวทันทีในเกมใหญ่ที่เสมอกับ ลิเวอร์พูล ถึงจะได้เปิดตัวกับทีมชุดใหญ่ไปแล้วก็จริง และก็มีโปรไฟล์ที่ดีกับชุดเยาวชน แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่า แทมมี่ อบราฮัม จะกลายเป็นส่วนหนึ่งของทีมชุดใหญ่บัดเดี๋ยวนั้นเลย ด้วยความที่อายุยังน้อย ด้อยประสบการณ์ บวกกับการที่ เชลซี เป็นทีมที่ใช้เงินซื้อความสำเร็จด้วยการพรากนักเตะดีๆ ที่พร้อมใช้งานมาเสริมทัพ เราจะเห็นได้ชัดๆ เลยว่ายุคนั้นไม่มีดาวรุ่งคนไหนที่สามารถก้าวขึ้นมาเป็นกำลังหลักของทีมได้เลย ฤดูกาล 2016-17 การมาของ อันโตนิโอ คอนเต้ กับภารกิจในการขับเคี่ยวกับทีมอื่นๆ เพื่อล่าความสำเร็จ ชะตากรรมที่ แทมมี่ อบราฮัม ต้องเจอก็คือการโดนปล่อยตัวไปเก็บเกี่ยวประสบการณ์กับทีมอื่นๆ ปีแล้วปีเล่า การคว้ารางวัลผู้เล่นยอดเยี่ยมแห่งปีและดาวรุ่งดีเด่นแห่งปีของสโมสร บริสตอล ซิตี้ ในฤดูกาล 2016-17 จากการระเบิดสกอร์ไป 26 ประตูจากการลงเล่น 48 นัด นั่นทำให้แฟนบอลอังกฤษเริ่มรู้จักชื่อของ แทมมี่ อบราฮัม มากขึ้น แต่ก็แค่ในแวดวงของศึก เดอะ แชมเปี้ยนชิพ เท่านั้น Tammy Abraham Must Quickly Address Recent Slump to Ensure He Has Chelsea  Future ฤดูกาล 2017-18 ด้วยปัญหาด้านความสัมพันธ์ระหว่าง อันโตนิโอ คอนเต้ กับ ดีเอโก้ คอสต้า ทำให้ เชลซี จำเป็นต้องหากองหน้าตัวใหม่มาเป็นความหวังในการล่าสกอร์ ถึงแม้ผลงานของ แทมมี่ อบราฮัม จะโดดเด่นและเข้าตากรรมการสุดๆ ทางแฟนบอลเองก็มีเริ่มมีกระแสเรียกร้องให้ คอนเต้ ผลักดันเด็กคนนี้เหมือนกัน ณ เวลานั้น แต่สุดท้ายสโมสรก็เลือกใช้เงินหาทางออกด้วยการคว้าตัว อัลบาโร่ โมราต้า มาตอนช่วงซัมเมอร์ และ โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์ ตอนช่วงกลางซีซั่น ถึง ไอ้หนูแทมมี่ จะถูกหมางเมินไปอีกปี แต่ก็ไม่ได้ถือว่าเลวร้ายสักทีเดียว เพราะอย่างน้อยปีนั้นพี่แกได้โอกาสบนสังเวียน พรีเมียร์ลีก แบบเต็มๆ เป็นครั้งแรกกับ สวอนซี ซิตี้ แต่สุดท้ายการซัดไป 5 ประตูจาก 31 นัดก็ไม่อาจช่วยให้ทีมรอดตกชั้นได้สำเร็จ ฤดูกาล 2018-19 แทมมี่ อบราฮัม ก็ยังไม่อยู่ในแผนการทำทีมของ เชลซี แม้กุนซือจะเปลี่ยนมือมาเป็น เมาริซิโอ ซาร์รี่ การมาของดาวยิงจอมเก๋าอย่าง กอนซาโลา อิกวาอิน ไม่ได้ช่วยให้ เชลซี มีประสิทธิภาพมากขึ้นเลยในการผลิตสกอร์เลยสักนิด แถมกองหน้าคนอื่นๆ อย่าง อัลบาโร่ โมราต้า และ โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์ ก็ยิงรวมกันยังไม่ถึง 10 เลย กลับกลายเป็นว่า เอแด็น อาซาร์ คือ เดอะ แบก แต่เพียงผู้เดียวไม่ว่าจะเป็นการสร้างสรรค์โอกาสไปจนการซัลโวที่ 16 ประตู สำหรับตัวของ แทมมี่ อบราฮัม ถึงจะผิดหวังไปอีก 1 ฤดูกาลกับการได้โอกาสพิสูจน์ตัวเองกับต้นสังกัดที่แท้จริงอย่าง เชลซี แต่การโชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยมกับ แอสตัน วิลล่า ในปีนั้นที่ซัลโวไปกระจุยกระจายถึง 26 ประตูจากการลงเล่น 40 นัด พร้อมกับพาทัพ "สิงห์ผงาด" ตีตั๋วเลื่อนชั้นกลับมาโลดแล่นบนสังเวียน พรีเมียร์ลีก อีกครั้งในรอบหลายปีนั่นเป็นสัญญาณที่กำลังบอกว่าเด็กคนนี้พร้อมแล้วสำหรับการเป็นกำลังสำคัญให้ทัพ "สิงโตน้ำเงินคราม" ในที่สุดรางวัลแห่งความอดทนและความพยายามมันก็เกิดผลเมื่อ แฟร้งค์ แลมพาร์ด ได้กลับมาใช้ชีวิตที่รั้ว สแตมฟอร์ด บริดจ์ อีกครั้งในฐานะผู้จัดการทีมคนใหม่เมื่อฤดูกาล 2019-20 ซึ่งปีนั้น เชลซี ต้องเจอกับความเปลี่ยนแปลงมากมาย ทั้งการเสียดาวเตะเบอร์ 1 อย่าง เอแด็น อาซาร์ ตลอดจนโทษแบนห้ามเสริมทัพในตลาดซื้อขาย ด้วยความที่ แลมพาร์ด เคยทำงานอยู่กับ ดาร์บี้ เคาน์ตี้ เฮียแกได้เห็นวิวัฒนาการและฟอร์มการเล่นที่เฉิดฉายอยู่ตลอดเวลาบนเวที เดอะ แชมเปี้ยนชิพ นั่นก็ทำให้เขาตัดสินใจมอบบทบาทตำแหน่งกองหน้าตัวเป้าให้กับ ไอ้หนูแทมมี่ ในปีนั้น เมื่อได้โอกาสพิสูจน์ตัวเองเด็กคนนี้ก็ไม่ทำให้แฟนๆ และสโมสรผิดหวังด้วยการครองตำแหน่งดาวซัลโวของทีมที่ 15 ประตู แถมยังมีอีก 3 ประตูเกิดขึ้นในการเดบิวต์บนเวทียุโรปอีกด้วย ถ้าไม่เจอปัญหาอาการบาดเจ็บรบกวนไปช่วงหนึ่งเชื่อได้เลยว่า แทมมี่ อบราฮัม น่าจะหวดทะลุ 20 ประตูได้อย่างแน่นอนซึ่งใครๆ ต่างก็เชื่อแบบนั้น อย่างที่เขาพูดกันเวลาช่วงเวลาแห่งความสุขนั้นอยู่กับเราไม่นานจริงๆ และสิ่งเหล่านี้มันก็ได้เกิดขึ้นกับชีวิตของ แทมมี่ อบราฮัหม ในปีต่อมา เมื่อ เชลซี อัดอั้นมาจากปีก่อนได้เล่นเสริมทัพยกใหญ่ทุ่มเงินไปเกินกว่า 200 ล้านปอนด์กระชากสตาร์ดังมาร่วมทีมมากมาย และคนที่ส่งผลกระทบต่อโอกาสการลงเล่นของ แทมมี่ อบราฮัม ก็คือ ติโม แวร์เนอร์ Tammy Abraham scores first goal at Stamford Bridge - three years after home  debut - football.london ถึงแม้ แทมมี่ อบราฮัม จะหลุดไปเป็นกองหน้าเบอร์ 2 แต่ก็ไม่ได้เลวร้ายอย่างที่คิด เพราะพี่แกยังได้โอกาสอยู่เรื่อยๆ จากการ ติโม แวร์เนอร์ ผลงานยังไม่เข้าตา ยังปรับตัวเข้ากับ เชลซี และสไตล์บอลของอังกฤษไม่ได้ เรื่องความหวังในการกลับมาเป็นตัวเลือกอันดับ 1 จริงๆ มันก็มี แต่สุดท้ายโชคชะตาดังกล่าวมันก็สิ้นสุดลงเมื่อ แฟร้งค์ แลมพาร์ด ต้องตกงานไปและเป็น โธมัส ทูเคิ่ล ที่เข้ามาแทนที่ ถึง แทมมี่ อบราฮัม จะรักษามาตรฐานของตัวเองได้ดี มีส่วนร่วมกับทีมไม่น้อยยามอยู่ในสนาม แต่สำหรับ ทูเคิ่ล เฮียแกก็ไม่ได้มองว่าเขาคือคนที่คู่ควรกับการเป็น สไตรเกอร์ นัมเบอร์ วัน ของทีม และนั่นก็นำมาซึ่งการกลับมาอีกครั้งของ โรเมลู ลูกากู ในสีเสื้อ "สิงห์บลูส์" กับค่าตัวและค่าเหนื่อยในจำนวนมหาศาล มีนักเตะหลายคนที่รู้ตัวว่าอนาคตของตัวเองนั้นเลือนลางและริบหรี่ๆ เต็มทีแต่ก็ยังดื้อด้านทนอยู่กับทีมที่รักและไม่ยอมเก็บข้าวของย้ายไปไหน เพื่อหวังว่าสักวันมันจะเป็นวันของเราอีกครั้ง แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่เกิดขึ้นกับ แทมมี่ อบราฮัม เมื่อพี่แกรู้ว่า เชลซี ต้องการกองหน้าตัวใหม่ ก็เท่ากับว่าความสำคัญของเขานั้นมันไม่ได้มีค่าอีกต่อไปแล้วพี่แกก็เลยเปิดใจถึงความท้าทายครั้งใหม่ที่รออยู่นั่นก็คือ อาแอส โรม่า Tammy Abraham breaks incredible Serie A record as former Chelsea ace shines  for Mourinho - Daily Star " 'คุณอยากจะมาสนุกกับแสงแดด หรืออยู่ท่ามกลางสายฝนที่นี่ไหม' ตอนแรกผมก็ไม่ได้คิดอะไรมากเกี่ยวกับคำพูดนี้ เพราะยังอยากเล่นในพรีเมียร์ลีก ต่อไป เพราะ พรีเมียร์ลีก เปรียบเสมือนบ้านของผม ผมอยากจะอยู่ ลอนดอน ต่อไป แต่ มูรินโญ่ ก็ได้บอกแผนงานของเขา เขาอยากจะให้ โรม่า เดินไปในทางไหน มันทำให้ผมอยากจะเป็นส่วนหนึ่งในนั้น ผมชอบการเรียนรู้ และผมก็อยากเดินทางไปทัวร์รอบโลกตั้งแต่เด็ก ได้เรียนรู้ภาษาใหม่ๆ ดังนั้นการย้ายไป โรม่า จึงเป็นการเปิดโอกาสให้ผมได้เจอสิ่งใหม่ๆ"  นี่คือบทสัมภาษณ์ของ แทมมี่ อบราฮัม กับเหตุผลที่เจ้าตัวตัดสินใจย้ายมาค้าแข้งกับ โรม่า ในฤดูกาลนี้ หลักๆ มันก็มาจากคำเชิญชวนจากยอดกุนซืออย่าง โชเซ่ มูรินโญ่ หลายคนอาจยังไม่ทราบว่าตัวของกุนซือ "เดอะ เวิร์ส วัน" นั้นได้ตามติดชีวิต เช็คฟอร์มและเช็ควิวัฒนาการของ แทมมี่ อบราฮัม มาตั้งแต่ตอนกลับมา เชลซี คำรบที่ 2 ว่ากันว่า มูรินโญ่ โปรดปรานมากๆ กับของมากมายที่อยู่ในตัวเด็กคนนี้ แต่ที่ตอนนั้นยังไม่ตัดสินใจให้โอกาสกับ เชลซี ชุดใหญ่ก็เพราะอายุยังน้อยเกินไป มันเป็นเวลาที่เหมาะเจาะกันพอดีเมื่อ แทมมี่ อบราฮัม ก็ยกระดับตัวเองขึ้นมาเยอะ เรื่องศักยภาพฝีเท้าก็จัดว่าทีเด็ดอยู่มาก ขอแค่ได้โอกาสอย่างสม่ำเสมอพี่แกจะไม่ทำให้ผิดหวังแน่นอน ส่วน โชเซ่ มูรินโญ่ เองก็ต้องการกองหน้าสักคนที่ไว้เนื้อเชื่อใจได้สักและมีสถิติการพังประตูที่ดีเยี่ยม และถ้าไปดูจากโปรไฟล์ที่ผ่านๆ มาของ แทมมี่ อบราฮัม มันก็เป็นไปตามสเป็กที่เฮียแกต้องการ Tammy Abraham, Buangan Chelsea yang Bersinar Dipoles Mourinho - Inilah.com ณ ตอนนี้ แทมมี่ อบราฮัม ได้กลายเป็นขวัญใจของเหล่าสาวก "หมาป่าแห่งกรุงโรม" ไปแล้วจากผลงานที่กำลังยอดเยี่ยมด้วยการซัดไป 17 ประตูจากการลงเล่น 30 นัดในฤดูกาลนี้ มีประตูสำคัญๆ ที่ช่วยตัดสินเกมและสร้างความแตกต่างซึ่งเกิดขึ้นจากผู้ชายคนนี้ เขาได้พิสูจน์ตัวเองให้ชาวโลกได้เห็นแล้วว่าถึงจะไม่ได้ชื่อว่าเป็นนักเตะระดับบิ๊กเนม แต่ประสิทธิภาพของเขาก็ไม่ได้ค่อยไปกว่าพวกระดับซูเปอร์สตาร์แต่อย่างใด เผลอๆ อาจจะดูดีและโดดเด่นกว่าหลายๆ คนด้วยซ้ำ การได้รับคำยกย่องว่าเป็นหนึ่งในกองหน้าที่ดีที่สุดของลีก อิตาลี ไม่ใช่สิ่งที่ผู้คนมโนกันไปเอง แต่มันมาจากทุกๆ สิ่งที่พี่แกสร้างไว้บนสังเวียนฟลอร์หญ้า ความผิดหวัง คือ แรงผลักดันชั้นดี ความอดทน ความพยายาม และการไม่ย่อท้อต่อความฝันของตัวเองจะพาเราไปถึงเป้าหมายได้สักวัน นี่บทเรียนที่ดีที่เราได้เรียนรู้จากชีวิตของผู้ชายคนนี้ที่ชื่อ แทมมี่ อบราฮัม

HaMu Dos Santos

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมของ ขอบสนาม
logoline