logo-heading

ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาด บรูโน่ กิมาไรซ์ น่าจะเข้ามาเป็นสมาชิกใหม่ของ นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด ในเร็วๆ นี้ ภายหลังสื่อหลายสำนักรายงานตรงกันแล้วว่าต้นสังกัดของนักเตะตัดสินใจปล่อยแข้งวัย 24 ปี ออกจากทีม

ซึ่งการเข้ามาของกองกลางชาวบราซิลจะเติมเต็มเกมในแดนกลางให้กับทัพ "สาลิกาดง" เป็นอย่างมาก ในภารกิจหนีตกชั้นในฤดูกาลนี้ ภายหลังทีมสอยแข้งใหม่มาแล้ว 2 รายคือ คริส วู้ด กับ คีแรน ทริปเปียร์ ว่าแล้ว ขอบสนาม ของเราจะพาไปรู้จักกับนักเตะคนนี้ให้มากขึ้น ว่าเส้นทางลูกหนังของเขาผ่านอะไรมาบ้าง และผลงานที่ผ่านมาตัวเลขสถิติต่างๆ เป็นอย่างไร

เริ่มต้นเส้นทาง

บรูโน่ กิมาไรซ์ ลืมตาทักทายโลกเมื่อเดือนพฤศจิกายน 1997 ที่เมืองริโอ เดอ จาเนโร ประเทศบราซิล ก่อนที่จะได้โอกาสเข้าร่วมกับทีมท้องถิ่นที่มีชื่อว่า ออแด็กซ์ ริโอ หลังจากนั้นเมื่ออายุครบ 17 ปี เจ้าตัวถูกดันขึ้นมายังทีมชุดใหญ่ของสโมสร ก่อนได้โอกาสประเดิมสนามเกมแรกช่วงเดือนเมษายน 2015  หลังจากนั้นเขาเองก็ได้รับโอกาสลงสนามอยู่เรื่อยๆ และอยู่ในทีมชุดแชมป์ โคปา เซาเปาโล เด ฟุตบอล จูเนียร์ ซึ่งด้วยผลงานที่ค่อนข้างโดดเด่นทำให้สโมสรใหญ่อย่าง แอตเลติโก้ พาราเนนเซ่ ติดต่อขอยืมตัวไปใช้งาน ซึ่งนั่นคือการได้โอกาสลงเล่นบนลีกสูงสุดบราซิลครั้งแรกของเจ้าตัว โดยซีซั่น 2016-17 กิมาไรซ์ ลงเล่นในบราซิล เซเรีย เอ ไป 5 เกม ก่อนที่ในช่วงปี 2018 แอตเลติโก้ พาราเนนเซ่ จะยื่นข้อเสนอซื้อตัวเขาแบบถาวรมาร่วมทัพ ก่อนสถาปนาตัวเองเป็นกำลังสำคัญของทีม คว้าแชมป์มาครองได้มากถึง 4 ครั้ง โทรฟี่เด่นๆ คงเป็น โคปา เด บราซิล เมื่อปี 2019 หามมาแนะ! บรูโน่ กิมาไรซ์ (ว่าที่) แข้งใหม่ของ นิวคาสเซิ่ล

โยกย้ายสู่ยุโรป

ภายหลังโชว์ฟอร์มในถิ่นฐานบ้านเกิดได้อย่างโดดเด่น 3 ฤดูกาลกับ แอตเลติโก้ พาราเนนเซ่ จัดการลงสนามไปมากถึง 106 นัด ซัดไป 10 ประตู ก็ถึงเวลาที่เหมาะสมแล้วในการโยกย้ายออกไปหาประสบการณ์ใหม่ๆ โดยเฉพาะในยุโรป ซึ่งช่วงนั้นเขาเองก็เป็นหนึ่งในนักเตะเนื้อหอมที่หลายทีมอยากได้ตัวไปเสริมทัพ บทสรุปกลายเป็น โอลิมปิก ลียง ที่ได้ตัวมิดฟิลด์รายนี้มาร่วมทัพ ซึ่งดีลนี้มาเกิดขึ้นในช่วงตลาดเดือนมกราคม 2020 ค่าตัวที่ทัพ "โอแอล" จ่ายไปคือจำนวน 20 ล้านยูโร ซึ่งถือว่าเป็นราคาที่สมเหตุสมผลกับดาวเตะที่อายุเพิ่งแตะหลัก 20 นิดๆ แถมผลงานในบราซิลก็พิสูจน์มาแล้วว่าเจ๋งมากขนาดไหน ครึ่งซีซั่นแรกกับ ลียง อาจเป็นการออกสตาร์ทที่ไม่ดีมากนัก ได้ลงเล่นในลีก เอิง ไปเพียง 3 นัด ส่วนในแชมเปี้ยนส์ลีก เขาคือคนสำคัญในการพาทีมกรุยทางเข้าถึงรอบรองชนะเลิศ ทั้งการผ่าน ยูเวนตุส, แมนฯ ซิตี้ ก่อนพ่ายให้กับ บาเยิร์น ที่คว้าแชมป์ในปีนั้นไปครอง ซึ่งฤดูกาลที่เขาเฉิดฉายมากยิ่งขึ้นคือนับตั้งแต่ม่านซีซั่น 2020-21 รูดม่านเปิดฉากขึ้น เขาคือกำลังสำคัญของ ลียง ลงสนามในศึกลีก เอิง ไปมากถึง 33 นัด เป็นจิกซอว์ในแดนกลางให้กับทีมได้อย่างลงตัว แถมเติมขึ้นไปผลิตประตูได้มากถึง 3 ตุง  ส่วนในฤดูกาลนี้เขายังคงยึดตำแหน่งตัวจริงกับทีมไว้ได้อย่างเหนียวแน่น เกมลีก เอิง 21 นัด เจ้าตัวลงสัมผัสสนามไปมากถึง 20 เกม แม้ผลงานของทีมอาจจะไม่ค่อยปังดั่งหวัง แต่ผลงานส่วนตัวของเขาถือว่าโดดเด่นมากพอควร จากการวิเคราะห์ตัวเลขสถิติการลงเล่นของเว็บไซต์ whoscored เขาได้เรตติ้งสูงเป็นอันดับ 2 ของทีม เป็นรองเพียง ลูคัส ปาเกต้า เพียงคนเดียวเท่านั้น

ในนามทีมชาติ

ย้อนกลับไป บรูโน่ กิมาไรซ์ เคยมีชื่อติดทีมชาติบราซิลชุดยู-23 ปีมาก่อน ลงสนามไป 10 เกม ก่อนที่จะได้รับโอกาสจาก ติเต้ ในการก้าวขึ้นมาติดทีมชุดใหญ่ครั้งแรกเมื่อปี 2020 ในศึกฟุตบอลโลก รอบคัดเลือก ที่พบกับ อุรุกวัย เกมนั้นเจ้าตัวถูกส่งลงสนามในฐานะตัวสำรองท้ายเกม ก่อนที่จะเงียบหายไป ไม่ได้อยู่ในทีมชุดลุยศึกโคปา อเมริกา 2021 ด้วย จากนั้น กิมาไรซ์ ก็มีชื่อกลับมาติดทัพ "แซมบ้า" อีกครั้ง ในช่วงเดือนกันยายน 2021 ที่ผ่านมา โดยได้ลงเล่นไป 2 เกม ในศึกคัดฟุตบอลโลก พบกับ ชิลี และ เปรู รวมแล้วเจ้าตัวลงเล่นทีมชุดไป 3 เกมด้วยกัน ส่วนผลงานสุดพีคคงอยู่ที่การติดทีมชาติบราซิลไปลุยศึกโอลิมปิก ที่ญี่ปุ่น เมื่อช่วงปีที่ผ่านมา ซึ่ง กิมาไรซ์ ถือว่าเป็นแข้งตัวหลักของทีมลงสนามครบทุกเกมตั้งแต่รอบแบ่งกลุ่ม จนไปถึงเกมนัดชิงชนะเลิศ รวมแล้ว 6 นัด ก่อนที่จะช่วยทีมผลงานออกมาได้อย่างยอดเยี่ยม ไม่แพ้ใครเลยตลอดทัวร์นาเมนต์ และสามารถคว้าเหรียญทองมาคล้องคอได้สำเร็จ ซึ่งนี่คือความสำเร็จแรกในนามทีมชาติของเจ้าตัว หามมาแนะ! บรูโน่ กิมาไรซ์ (ว่าที่) แข้งใหม่ของ นิวคาสเซิ่ล

ตำแหน่ง & สไตล์การเล่น

พื้นที่ถนัดของ กิมาไรซ์ คือการยืนเป็นมิดฟิลด์ตัวกลาง และปรับเปลี่ยนเล่นได้ทั้งเป็นตัวจ่ายบอลในแดนบน หรือถอยลงไปเล่นเกมรับก็สามารถทำได้อย่างยอดเยี่ยม เฉกเช่นในซีซั่นนี้ที่เจ้าตัวถูกถอยลงไปยืนเป็นตัวตัดเกม คอยช่วยสกรีนเกมรุกของคู่แข่งก่อนที่จะหลุดไปถึงเกมรับของทีม สไตล์การเล่นของเจ้าตัวเรารู้กันอยู่แล้วว่าแข้งจากแดน "แซมบ้า" ส่วนใหญ่มักจะมีสกิลฟุตบอลที่ยอดเยี่ยม พ่วงด้วยลีลาที่ดูแล้วเพลิดเพลินเป็นอย่างมาก ซึ่งนั่นแหละคือสิ่งที่ กิมาไรซ์ มีติดตัวในการย้ายมาเล่นในยุโรป และงัดทักษะต่างๆ ออกมาโชว์อยู่บ่อยครั้ง ในการเอาตัวรอดจากการดวลเดียวกับคู่ต่อสู้ และเมื่อบวกกับความแข็วแกร่งของร่างกายมันก็เลยทำให้เป็นเรื่องยากของคู่แข่งสักหน่อยในการเบียดปะทะกับเขาได้ อีกทั้งออฟชั่นเสริมที่โดดเด่นไม่น้อยคือการวางบอลที่แม่นยำ หลายครั้งเขาสามารถสร้างโอกาสให้ทีมจากเท้าปลายสตั๊ดไปวางบอลยาวไปในแดนหน้า รวมไปถึงบอลทะลุตามช่อง กิมาไรซ์ ถือว่าทำได้ดีไม่ต่างกันเลย

อนาคต (ถ้า) ย้ายมา นิวคาสเซิ่ล

แน่นอนว่าการย้ายมาร่วมทัพ "สาลิกาดง" ถือว่าเป็นความเสี่ยงชนิดหนึ่ง เสี่ยงในที่นี้คือการลุ้นระทึกในการหนีตกชั้นให้ได้ ทว่ามองในอีกมุมมันคือความท้าทายครั้งใหญ่ ที่ตัวเขาเองก็ไม่เคยเจอมาก่อนนับตั้งแต่ย้ายมาค้าแข้งในยุโรป แน่นอนถ้าเขาเข้ามาก็จะเป็นจิ๊กซอว์สำคัญในแผนงานของ เอ็ดดี้ ฮาว ในการจับลงล็อคในตำแหน่งแดนกลางทันที แข้งในสไตล์แบบ กิมาไรซ์ ทั้งสามารถตัดเกมได้ รวมไปถึงในเรื่องของการออกมาบอลในแนวลึก รวมไปถึงจังหวะคิลเลอร์พาสแบบนี้ในทีม นิวคาสเซิ่ล ยังไม่มี และถ้านำชุดประสงค์ต้องมามีเทียบดูกับขุมกำลังในแดนหน้าทั้งเรื่องลูกกลางอากาศของ คริส วู้ด หรือบอลกับพื้นที่สามารถจ่ายให้ อัลลัน แซงต์-แม็กซิแม็ง เล่นได้ คงเป็นอาวุธหนักให้ทีมไม่ใช่น้อย ฉะนั้นแล้วดีลนี้จึงน่าสนใจเป็นอย่างมาก ตามหน้าเสื่อ กิมาไรซ์ สามารถเติมเต็มส่วนที่ขาดของ นิวคาสเซิ่ล ได้แน่ แต่เมื่อลงสนามไปเล่นจริงแล้ว  ภาพที่หวังจะปรากฎเช่นเดียวกับที่คาดการณ์ไว้ไหม  คงต้องโปรดรอด้วยใจระลึก ...

- Paolinho -

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมของ ขอบสนาม
logoline