logo-heading

ลิเวอร์พูล เกือบเจอหมูสู้มีดแล้ว ต้องเรียกว่าเป่าปากกว่าจะบุกไปเอาชนะ เบิร์นลี่ย์ ได้สำเร็จ 1-0 โดยประตูชัยมาจาก ฟาบินโญ่ ที่ยังเป็น เดอะ แบก เรื่องทำประตู ให้กับทีมในช่วงนี้

ซึ่งประเด็นในเกมที่เกิดขึ้น ก็มีหลายสิ่งหลายอย่างที่หยิบยกขึ้นมาพูดถึงกัน ทั้งการใช้ 11 ผู้เล่นตัวจริงของ เจอร์เก้น คล็อปป์ หรือ ช็อตซูเปอร์เซฟจาก อลิสซอน เบ็คเกอร์ ที่ช่วย หงส์แดง เอาไว้ ดังนั้นเพื่อไม่เป็นการเสียเวลา ไปติดตามกันครับว่ามีเรื่องราวอะไรน่าสนใจเกิดขึ้นบ้าง

- ขุมกำลัง ลิเวอร์พูล เต็มสูบในรอบหลายเดือน

ร้อยวันพันปีก่อนหน้านี้ ขุมกำลัง ลิเวอร์พูล แทบจะไม่ได้อยู่พร้อมหน้าพร้อมตากันเลย เดี๋ยวก็กองหลังพาเหรดกันบาดเจ็บ เดี๋ยวก็มีมิดฟิลด์ควงแขนกันเจอปัญหาเดี้ยง แต่กระนั้นหลังจากที่ หงส์แดง ได้ตัว โมฮาเหม็ด ซาลาห์ กับ ซาดิโอ มาเน่ กลับคืนมาสู่ทีม ทำให้ตอนนี้ เจอร์เก้น คล็อปป์ มีตัวเลือกให้ใช้งานจนสนุกมือ และ มีความพร้อมสุดๆในรอบหลายเดือน เพราะตั้งแต่ผู้รักษาประตู มาจนถึงกองหลัง แทบไม่มีตัวหลักบาดเจ็บอีกแล้ว ส่งผลให้ เจอร์เก้น คล็อปป์ เลือกหมุนเวียนผู้เล่นในเกมเจอ เบิร์นลี่ย์ ที่อาจจะขัดใจสาวก เดอะ ค็อป หน่อยๆ โดยเลือกดรอป ดิโอโก้ โชต้า กับ ติอาโก้ อัลคันตาร่า ซึ่งทำผลงานได้ยอดเยี่ยมนัดเอาชนะ เลสเตอร์ ซิตี้ 2-0 และ ส่ง นาบี เกอิต้า กับ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน คืนสนาม ส่วน หลุยส์ ดิอาซ มีชื่อแค่บนม้านั่งสำรอง เนื่องจาก มาเน่ กลับมาแล้ว เรียกว่าการกลับมาพร้อมหน้าพร้อมตาของนักเตะ ลิเวอร์พูล เป็นเวลาที่ประจวบเหมาะจริงๆ เพราะเดือนกุมภาพันธ์ ต่อจากนี้ พวกเขาต้องลงเล่นอีก 4 นัด ซึ่งมี 2 เกมสำคัญเลยคือ การบุกไปเยือน อินเตอร์ มิลาน ในศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก และ นัดชิงชนะเลิศ คาราบาว คัพ ต้องพบกับ เชลซี ต้องรอดูว่า คล็อปป์ จะจัดทัพผู้เล่นคนไหนลงสนาม

- อลิสซอน โคตรเหนียว

ต้องบอกว่าบุคคลสำคัญที่ทำให้ ลิเวอร์พูล บุกมาหยิบ 3 คะแนน ถึงถิ่น เบิร์นลี่ย์ ก็คือ อลิสซอน เบ็คเกอร์ นายทวารมือ 1 ซึ่งไม่รู้ว่าไปกินอะไรมาก่อน เพราะพี่แก เหนียวจริงอะไรจริง โดยเฉพาะครึ่งแรก ที่ป้องกันช่วยทีมไว้ได้หลายจังหวะ ต่อให้ไม่ใช่เซฟโดยตรง ก็ออกมากดดันปิดมุมช่วยทีมได้ตลอด ไม่แปลกเลยที่ อลิสซอน จะได้รับโหวตให้เป็น แมน ออฟ เดอะ แมตช์ ในเกมนี้ เพราะเกมนี้ พ่อหมี ของสาวก เดอะ ค็อป จัดไป 5 เซฟเหนาะๆ และ ความเหนียวแน่นหนึบของนายทวารรายนี้ ส่งผลให้ ลิเวอร์พูล เก็บคลีนชีตได้ถึง 3 จาก 5 เกม ที่ผ่านมา ในศึก พรีเมียร์ลีก อังกฤษ

- แปลงร่างเป็น ฟาบิน(ดิน)โญ่

ไม่รู้ว่าช่วงนี้ ฟาบินโญ่ โดน โรนัลดินโญ่ ตำนานเพลย์เมกเกอร์ทีมชาติบราซิล เข้าสิงหรือเปล่า เพราะเขาปรับเปลี่ยนสถานะจากมิดฟิลด์ตัวรับ ขึ้นมาเป็นดาวซัลโวสูงสุดของทีมร่วมกับ ดิโอโก้ โชต้า เมื่อเข้าสู่ปฏิทินปี 2022 ยิ่งเป็นช่วงที่ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ กับ ซาดิโอ มาเน่ 2 ดาวยิงตัวเก่ง ต้องไปรับใช้ชาติ ในช่วงระหว่างการแข่งขัน แอฟริกัน เนชั่นส์ คัพ คนที่ขึ้นมาเป็น เดอะ แบก เรื่องการทำประตู โดยตลอด 8 เกมที่ผ่านมา อยากจะขยี้ตาตัวเองเหลือเกิน เนื่องจาก ฟาบินโญ่ ซัลโวไปถึง 5 ตุง ให้กับ หงส์แดง  และ ในเกมเฉือน เบิร์นลี่ย์ 1-0 นั้น หมอปลา ก็เป็นคนยิงประตูชัยให้ทีมเก็บ 3 คะแนนได้สำเร็จ เท่ากับว่าซีซั่นนี้ ฟาบินโญ่ ซัดให้ หงส์แดง ในศึก พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ไปแล้ว 4 ตุง นับเป็นสถิติที่ดีที่สุดของเขา นับตั้งแต่ย้ายมาอยู่กับ ลิเวอร์พูล เลย ซึ่งนี่แหละครับ ทำให้ตอนนี้ ฟาบินโญ่ ถูกขนานนามว่าเป็น "ฟาบินดินโญ่"

- ผลงาน 3 ประสาน หงส์แดง ยุคดั้งเดิม

หลังจาก ซาดิโอ มาเน่ คว้าแชมป์ แอฟริกัน เนชั่นส์ คัพ และ เดินทางกลับมาสู่สโมสร โดยซ้อมกับทีมเพียงแค่ไม่กี่วัน ก็มีชื่อลงประเดิมเป็นตัวจริงทันที ซึ่ง เจอร์เก้น คล็อปป์ ตัดสินใจใช้ 3 ประสาน SMF (ซาดิโอ มาเน่, โมฮาเหม็ด ซาลาห์ และ โรแบร์โต้ ฟีร์มิโน่) เลือกดรอป ดิโอโก้ โชต้า โดยซีซั่นนี้ แทบไม่ได้ใช้ทั้ง 3 คน พร้อมกัน เนื่องด้วย ฟีร์มิโน่ บาดเจ็บบ่อยๆ รวมถึง โชต้า กำลังฟอร์มดี และ มักจะได้ลงเล่นเป็นตัวจริง จากที่ได้เห็นการประสานงานทั้ง 3 คน ก็ยังดูตะกุกตะกัก ไม่เข้าร่องเข้ารอยมากนัก โดยเฉพาะ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ไม่รู้ว่าเขาลืมความผิดหวังได้หรือยัง จากการเป็นพระรองในศึก ชิงแชมป์กาฬทวีป เนื่องจากขาดๆเกินๆในจังหวะสุดท้ายอยู่ตลอด มีช็อตจ่ายบอลง่ายๆให้กับ โชต้า เพื่อหลุดเดี่ยว แต่ก็จ่ายเบาจนเพื่อนยิงยากไปอีก ส่วน โรแบร์โต้ ฟีร์มิโน่ ยังห่างไกลกับคำว่าสุดยอดแบบที่เขาเคยทำให้เห็น เรื่องความคมช่วงหลังก็หายไปเยอะเหมือนกัน มีจังหวะนึงในครึ่งหลัง ได้ขึ้นโขกแบบโล่งๆ แม้ว่าจะเป็นลูกหน้า แต่เขาก็หวิดออกไปเยอะ ซึ่งหากยังไม่สามารถงัดฟอร์มเก่งออกมาได้ มีหวังได้กลับไปนั่งเป็นสำรอง

- รักษาช่องว่างกับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้

ว่ากันตามตรง โอกาสไล่ล่าคว้าแชมป์ พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ซีซั่นนี้ ของ ลิเวอร์พูล ก็ยากอยู่เหมือนเดิม เพราะยังไล่ตามหลัง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ จ่าฝูง อยู่ 9 คะแนน แต่กระนั้นพวกเขาแข่งน้อยกว่า 1 นัด ซึ่งถ้าหากเก็บนัดตกค้างได้สำเร็จ ก็จะลดลงมาเหลือ 6 แต้ม นับว่าเป็นช่องว่างที่ห่างกันเยอะอยู่ ถ้าหาก ลิเวอร์พูล ต้องการหักปากกาเซียน แซงหน้า เรือใบสีฟ้า ได้นั้น พวกเขาจำเป็นจะต้องรักษาระยะห่างช่องว่างตรงนี้เอาไว้ให้ได้ โดยก่อนจะไปแช่งให้ แมนฯ ซิตี้ พลาด และ หงส์แดง เอง ก็ต้องเอาชนะให้ได้เสียก่อน  โดยโปรแกรม พรีเมียร์ลีก เดือนกุมภาพันธ์ ของ ลิเวอร์พูล ถือว่าไม่ยาก และ ก็ไม่ง่ายมากนัก ซึ่งพวกเขาจะได้เล่นในบ้านทั้ง 2 เกม เจอกับ นอริช ซิตี้ กับ ลีดส์ ยูไนเต็ด ตามหลักการแล้ว หงส์แดง ควรจะต้องเอาชนะให้ได้ เพื่อไล่ล่าการลุ้นแชมป์ต่อไป แต่ถ้าหากสะดุด มีโอกาสที่จะกินแห้วสูงมาก

ฮาย ฮาวดี้-

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมของ ขอบสนาม
logoline