logo-heading

ซึ่งในลิสต์รายชื่อนี้จะมีใครกันบ้าง และนักเตะแต่ละคนมีความคุ้มค่ามากขนาดไหน ไปติดตามกันได้เลย

10.) เอเลียควิม ม็องกาลา (จาก ปอร์โต้ ไป แมนฯ ซิตี้)

ค่าตัว : 51.7 ล้านยูโร

ปราการหลังดีกรีทีมชาติฝรั่งเศสเจ้าของค่าตัวเซ็นเตอร์ฮาล์ฟแพงที่สุดอันดับที่ 10 ซึ่งจะว่าไปในลิสต์รายชื่อนี้เขาเองเป็นคนหนึ่งที่พุ่งชนกับคำว่าล้มเหลวไม่ใช่น้อย เนื่องด้วยลงสนามให้กับทัพ "เรือใบสีฟ้า" ไปเพียง  2 ฤดูกาลเท่านั้น รวมแล้ว 79 นัด แม้จะอยู่ในทีมชุดแชมป์พรีเมียร์ลีกเมื่อซีซั่น 2017-18 แต่ชื่อของเขากลับไม่ถูกจดจำมากเท่าไหร่นัก

โดย ม็องกาลา ถูกปล่อยยืมตัวออกไปถึง 2 ครั้ง คือเมื่อซัมเมอร์ 2016 ไป บาเลนเซีย และปี 2018 ถูกส่งไปให้ เอฟเวอร์ตัน ใช้งาน ก่อนที่ช่วงซัมเมอร์ 2019 จะได้โอกาสย้ายไปเล่นให้กับทัพ "ค้างคาว" แบบฟรีๆ ไร้ค่าตัว ปัจจุบันในวัย 31 ปี เจ้าตัวเพิ่งเซ็นสัญญาเป็นแข้งใหม่ของ แซงต์ เอเตียน เมื่อช่วงเดือนมกราคม ภายหลังกลายเป็นแข้งไร้สังกัดอยู่ช่วงสั้นๆ หลังจบซีซั่นที่ผ่านมา

ยลโฉม! 10 เซ็นเตอร์ฮาร์ฟ ค่าตัวแพงที่สุดในโลก

 

9.) จอห์น สโตนส์  (จาก เอฟเวอร์ตัน ไป แมนฯ ซิตี้)

ค่าตัว : 58 ล้านยูโร

ปราการทีมชาติอังกฤษที่สร้างชื่อจากผลงานที่ยอดเยี่ยมในเครื่องแบบของ เอฟเวอร์ตัน ซึ่งช่วงเวลา 3 ปีที่กูดิสัน พาร์ค สโตนส์ ได้รับการจับตามองเป็นอย่างมากว่าจะสามารถก้าวขึ้นมาเป็นแนวรับชั้นนำของทัพ "สิงโตคำราม" ได้ และแน่นอนด้วยผลงานที่โดดเด่นทำให้มีข่าวว่าหลายสโมสรต่างอยากตัวแนวรับรายนี้ไปเสริมแกร่ง

บทสรุปสุดท้ายเป็น แมนฯ ซิตี้ ที่หอบเงินจำนวน 58 ล้านยูโรไปสู่ขอมาร่วมทีมในช่วงซัมเมอร์ 2016 ก่อนสถาปนาตัวเองเป็นปราการหลังคนสำคัญของทีม พร้อมกวาดความสำเร็จร่วมกับทีมอย่างมากมาย

ปัจจุบันเจ้าตัวยังคงเป็นแนวรับตัวหลักในยุคของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ที่สลับหมุนเวียนใช้งานอยู่บ้าง แม้จะไม่ใช่ตัวหลักสักทีเดียวเนื่องด้วยตัวเลือกในตำแหน่งเซ็นเตอร์ฮาร์ฟถือว่ามีแข่งฝีเท้าดีๆ หลายคนให้โค้ชเลือกใช้งานมากจริงๆ

 

8.) เบน ไวท์ (จาก ไบร์ทตัน ไป อาร์เซน่อล)

ค่าตัว : 58.5 ล้านยูโร

ดีลที่เพิ่งเกิดขึ้นแบบสดๆ ร้อนๆ เมื่อช่วงตลาดซัมเมอร์ 2021 ที่ผ่านมา สำหรับการย้ายไปเป็นสมาชิกใหม่ของทัพ "ปืนใหญ่" ย้อนกลับไปผลงานของ ไวท์ สมัยสวมเครื่องแบบของ ไบร์ทตัน ถือว่าน่าสนใจเป็นอย่างมาก แถมเป็นแนวรับคนสำคัญของทัพ "นกนางนวล" ที่ทำให้โลดแล่นบนลีกสูงสุดได้แบบสบายๆ

ก่อนที่เมื่อช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา อาร์เซน่อล ที่กำลังมองหาปราการหลังคนใหม่เข้าสู่ทีมก็จัดการทุ่มเงินก้อนโตกว่า 58 ล้านยูโร ในการคว้าตัวแนวรับผู้นี้เข้าสู่ทีม แม้จะมีเสียงวิจารณ์อยู่บ้างเกี่ยวกับราคาที่แลดูโอเวอร์เกินความจริงไปหน่อยตามสไตล์นักเตะสัญชาติอังกฤษ แต่ทว่าในช่วงหลังผลงานของเจ้าตัวก็เริ่มดีขึ้นเรื่อยๆ ช่วยทีมเก็บคลีนชีตบ่อยครั้งขึ้น

จากนี้ก็ต้องดูว่า ไวท์ จะสามารถพิสูจน์ผลงานของตัวเอง และรักษามาตรฐานเอาไว้ได้อย่างต่อเนื่องได้หรือไม่ เพราะค่าตัวในระดับดังกล่าวน่าจะทำให้เขาเองแบกความกดดันไม่ใช่น้อยเลย

ยลโฉม! 10 เซ็นเตอร์ฮาร์ฟ ค่าตัวแพงที่สุดในโลก

7.) ดาวิด ลุยซ์ (จาก เปแอสเช ไป เชลซี)

ค่าตัว : 62.5 ล้านยูโร

ปราการหลังชาวบราซิลที่ต้องบอกว่า เชลซี เองก็ได้กำไรจากดีลนี้ไม่ใช่ เพราะในช่วงเวลานั้นเกิดการย้ายทีมไปมาระหว่าง เชลซี กับ เปแอสเช กันอยู่ ซึ่งเมื่อนับนิ้วรวมๆ แล้วเป็นฝั่ง "สิงห์บลูส์" ที่เข้าวินในดีลครั้งนี้

ย้อนกลับไป เชลซี คว้าตัว ลุยซ์ มาจาก เบนฟิก้า ด้วยค่าตัว 25 ล้านยูโร ก่อนที่หลังจากนั้นอีกราว 3 ปี จะปล่อยไปให้กับ เปแอสเช ด้วยค่าตัว 62.3 ล้านยูโร แต่ทว่ายอดทีมจากแดนน้ำหอมใช้งานได้อยู่ราว 2 ปี ก็เป็นฝั่งทัพ "สิงห์บลูส์" ไปถึงตัวกลับมาด้วยราคาที่ถูกกว่าเพียงราวๆ 35 ล้านยูโร เท่านั้น ก่อนที่จะค้าแข้งกับทีมพร้อมประสบความสำเร็จมากมาย

ปัจจุบัน ลุยซ์ ได้ย้ายออกไปจากถิ่น "เดอะ บริจด์" ตั้งแต่ช่วงซัมเมอร์ 2019 โดยเป็น อาร์เซน่อล ที่คว้าตัวไปครอง ก่อนที่จะร่วมงานกันได้ไม่นานก็กลายเป็นนักเตะฟรีเอเยนต์หลังจบซีซั่น 2021-22 และปัจจุบันเจ้าตัวย้ายกลับไปเล่นที่บ้านเกิดกับสโมสร ฟลาเมงโก้

6.) อายเมอริค ลาปอร์กต์ (จาก แอธ.บิลเบา ไป แมนฯ ซิตี้)

ค่าตัว : 65 ล้านยูโร

เซ็นเตอร์ฮาร์ฟอีกหนึ่งรายที่ต้องบอกว่าคุ้มค่ามากๆ ในเรื่องของคุณภาพ ที่เข้ามายกระดับเกมรับของ แมนฯ ซิตี้ ให้มีความแข็งแกร่งมายิ่งขึ้น แม้จะเข้ามาช่วงกลางซีซั่นเมื่อปี 2018 แต่ทว่า ลาปอร์กต์ กลับกลายเป็นแนวรับผู้แข็งแกร่งก่อนพาทีมเข้าป้ายคว้าแชมป์ในฤดูกาลดังกล่าวมาครองได้สำเร็จ

ค่าตัว 65 ล้านยูโรในวันนั้นแลกมากลับปราการหลังที่โคตรจะแข็งแกร่ง และยืนหยัดเป็นกำแพงเหล็กของทัพ "เรือใบสีฟ้า" จวบจนทุกวันนี้ รวมแล้วลงสนามช่วยทีมไปแล้วมากถึง 135 นัด จากช่วงเวลา 4 ปี กวาดแชมป์ระดับเมเจอร์กับทีมมาเกือบหมดแล้ว จะเหลือก็เพียง แชมเปี้ยนส์ลีก ที่กำลังคั่วลุ้นอยู่ในฤดูกาลนี้

ปัจจุบัน ลาปอร์กต์ ที่เคยติดทีมชาติฝรั่งเศสชุดเยาวชนไล่มาตั้งยู-17 ถึง ยู-21 ได้เปลี่ยนมาลงเล่นทีมชาติชุดใหญ่ให้กับสเปนเรียบร้อยแล้ว เนื่องด้วยไม่เคยได้รับโอกาสในสีเสื้อของทัพ "ตราไก่" เลย แม้จะโชว์ผลงานได้ดีมากขนาดไหนก็ตาม

ยลโฉม! 10 เซ็นเตอร์ฮาร์ฟ ค่าตัวแพงที่สุดในโลก

5.) มัตไธส์ เด ลิกต์ (จาก อาแจ็กซ์ ไป ยูเวนตุส)

ค่าตัว :68.5 ล้านยูโร

ปราการหลังดาวรุ่งที่แจ้งเกิดได้อย่างเต็มตัวกับ อาแจ็กซ์ พร้อมผลงานที่โดดเด่นจนกลายเป็นแข้งเนื้อหอมมีหลายสโมสรอยากได้ตัวไปเสริมทัพ ก่อนกลายเป็น ยูเวนตุส ที่ทุ่มหนักประเคนเงินกว่า 68 ล้านยูโร ในการสอยแนวรับผู้นี้มาครองเมื่อช่วงซัมเมอร์ 2019

โดยเขาเองก็ถือว่าเป็นแนวรับคนสำคัญของทัพ "ม้าลาย" แม้ผลงานโดยรวมของทีมอาจจะไม่ค่อยโสภานัก แต่ผลงานส่วนตัวของเขาก็ไม่ได้ขี้เหร่อะไร ลงเล่นในทุกรายการให้ทีมไปแล้ว 101 นัด พร้อมทั้งคว้าแชมป์ในอิตาลีมาครองได้ทั้งหมดแล้วทั้งบอลลีก หรือบอลถ้วย 

ซึ่งแน่นอนว่าด้วยอายุที่เพิ่ง 22 ปี เขายังคงสามารถพัฒนาตัวเองในเรื่องฝีเท้าให้ไปได้ไกลกว่านี้อีก และไม่แน่เมื่อมีการขยับขยายย้ายทีมอีกครั้งอาจเป็นเขาที่ได้ขึ้นแท่นเป็นนักเตะค่าตัวแพงที่สุดในโลก

4.) รูเบน ดิอาส (จาก เบนฟิก้า ไป แมนฯ ซิตี้)

ค่าตัว : 71.3 ล้านยูโร

อีกหนึ่งปราการหลัง แมนฯ ซิตี้ ที่เข้ามาติดในโผครั้งนี้ด้วย ซึ่งชื่อของ ดิอาส กลายเป็นแนวรับตัวหลักของทีมเป็นที่เรียบร้อย ซึ่งด้วยความแข็งแกร่ง อีกทั้งในเรื่องของเชิงบอลในเกมรับ ปราการหลังชาวโปรตุเกสรายนี้ถือว่าทำได้อย่างยอดเยี่ยม

โดย ดิอาส ย้ายมาเป็นสมาชิกของ แมนฯ ซิตี้ เมื่อช่วงซัมเมอร์ 2020 และยกระดับเกมรับของทีมได้เป็นอย่างดี ส่วนมากแม้ เป๊ป จะพยายามหมุนเวียนเปลี่ยนผู้เล่นอยู่บ่อยครั้ง แต่ ดิอาส แทบที่จะยืนหนึ่งที่ได้รับความไว้ใจในการถูกส่งลงสนามอยู่เสมอ แม้ค่าตัวจะมากกว่า 70 ล้านยูโร แต่ก็ต้องยอมรับว่าเป็นอีกหนึ่งการลงทุนที่คุ้มค่าสำหรับพวกเขาเป็นอย่างมาก

ทั้งนี้ ดิอาส ยังครองเป็นเจ้าตัวสถิติค่าตัวแพงที่สุดของทีมในอันดับที่ 3 เป็นรองแค่เพียงแข้งในแนวรุกอย่าง แจ็ค กรีลิช และ เควิน เดอ บรอยน์ เท่านั้น

ยลโฉม! 10 เซ็นเตอร์ฮาร์ฟ ค่าตัวแพงที่สุดในโลก

3.) ลูกัส แอร์นองเดซ (จาก แอต.มาดริด ไป บาเยิร์น มิวนิค)

ค่าตัว : 80 ล้านยูโร

ดีลสุดเซอร์ไพรส์ของทัพ "เสือใต้" ที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ภายหลังพวกเขายอมที่จะควักกระเป๋าจ่ายเป็นค่าตัวของ แอร์นองเดซ ที่มากถึง 80 ล้านยูโร เมื่อช่วงซัมเมอร์ 2019 จาก แอต.มาดริด จนกลายเป็นนักเตะค่าตัวแพงสุดของสโมสรจนถึงทุกวันนี้

ย้อนกลับไป แอร์นองเดซ สร้างชื่อจากการเป็นนักเตะของทัพ "ตราหมี" ที่เขาเข้าไปเป็นเด็กในอะคาเดมี่ตั้งแต่ช่วงปี 2007 ก่อนที่จะถูกรับเลือกให้ก้าวขึ้นมาสู่ทีมชุดใหญ่ของสโมสร ส่วนทัวร์นาเมนต์แจ้งเกิดของเขาจริงๆ คือกับทีมชาติฝรั่งเศสชุดแชมป์ฟุตบอลโลก 2018 ซึ่งตอนนั้นเจ้าตัวถูกโยกไปเล่นเป็นแบ็คซ้าย ก่อนทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม แม้ตำแหน่งถนัดจะเป็นเซ็นเตอร์ฮาร์ฟก็ตาม

ปัจจุบัน ลูกัส แอร์นองเดซ ในวัย 26 ปี ลงสนามให้กับ บาเยิร์น ไปแล้วทั้งหมด 85 นัด และกลายเป็นปราการหลังตัวหลักของทีมในการไล่ล่าความสำเร็จทั้งฟุตบอลในประเทศ และโทรฟี่ใหญ่อย่าง แชมเปี้ยนส์ลีก อยู่ในขณะนี้

2.) เวอร์กิล ฟาน ไดค์ (จาก เซาแธมป์ตัน ไป ลิเวอร์พูล)

ค่าตัว : 84.5 ล้านยูโร

อดีตปราการหลังค่าตัวแพงที่สุดในโลกที่ตอนนั้นถือว่าเซอร์ไพรส์มากพอควรกับตัวเลขที่ออกมา เนื่องด้วย ฟาน ไดค์ เองตอนอยู่ เซาแธมป์ตัน ก็ถือว่าไม่ได้โดดเด่นอะไรมากนัก แต่พอย้ายสู่ทัพ "หงส์แดง" เขากลายเป็นแนวรับที่เฉิดฉายเป็นอย่างมาก กลายเป็นเข้ามาเติมเต็ม และยกระดับทีมแบบเห็นได้ชัด

เรื่องของผลงานเชื่อว่าแฟนบอลคงเห็นแล้วว่าเขาคือคนสำคัญของทัพ "หงส์แดง" มากขนาดไหน รวมไปถึงความสำเร็จต่างๆ ที่เป็นจิ๊กซอว์สำคัญทั้งแชมป์ พรีเมียร์ลีก หรือ แชมเปี้ยนส์ลีก

นับนิ้วตั้งแต่เดือนมกราคม 2018 จวบจนปัจจุบัน ฟาน ไดค์ ยังคงมีมาตรฐานของตัวเองที่ยอดเยี่ยม และเป็นปราการหลังพันธ์แกร่งที่ ลิเวอร์พูล ไม่อาจขาดไปได้จริงๆ

1.) แฮร์รี่ แม็คไกวร์ (จาก เลสเตอร์ ซิตี้ ไป แมนฯ ยูไนเต็ด)

ค่าตัว : 87.1 ล้านยูโร

เดินทางมาถึงเจ้าของค่าตัวปราการหลังที่มีตัวแพงที่สุดในโลกกันแล้ว และเชื่อว่า ณ ปัจจุบันคงมีแฟนบอลไม่ใช่น้อย โดยเฉพาะจากทางฝั่ง "ปีศาจแดง" ที่ตั้งคำถามว่าทำไมชายผู้นี้ถึงเข้ามาอยู่ในลิสต์ในฐานะหมายเลข 1 ได้ ?

โดย แม็คไกวร์ มีผลงานที่โดดเด่นสมัยสวมเครื่องแบบของ เลสเตอร์ ทำให้ แมนฯ ยูไนเต็ด ที่กำลังมองหาแนวรับที่ไว้ใจได้ก็จัดการทาบทามก่อนที่จะมาจบที่ราคา 87 ล้านยูโร เนื่องด้วยนี่คือกองหลังคนสำคัญของ เลสเตอร์ แถมยังเป็นนักเตะชาวอังกฤษอีก ทำให้ค่าตัวมันเลยดูพุ่งมากกว่าแนวรับคนอื่นๆ ที่กล่าวมา

แต่ทว่าพอมองภาพรวม แม็คไกวร์ ในสีเสื้อของ "ปีศาจแดง" ทำให้รู้สึกว่าราคาที่ทีมจ่ายออกไปนั้นดูไม่คุ้มค่ากับเม็ดเงินเลยสักนิด โดยเฉพาะในช่วงฤดูกาลนี้ที่มักแสดงอาการผิดพลาดออกมาแบบบ่อยครั้ง บ้างก็จ่ายบอลเสีย บ้างก็ประกบตัวพลาด หรือบางครั้งก็วิ่งไปชนเพื่อนแม่งซะอย่างงั้น

ทำให้ ณ ตอนนี้กับช่วงเวลากว่า 3 ปีในถิ่นโอลด์ แทรฟฟอร์ด สามารถพูดได้เต็มปากว่าไม่คุ้มค่าเป็นอย่างมากกับจำนวนเงินดังกล่าว สิ่งที่คาดหวังได้ในตอนนี้คงเป็นเพียงให้เป็นกองหลังที่ก่อความผิดพลาดในแต่ละเกมให้น้อยที่สุด หรืออย่างที่แฟนบอลบางคนออกความเห็นลงดร็อปดูสัก 2-3 เกม เผื่อผลงานของทีมมันจะดูดีขึ้นกว่าที่เป็นมา

- Paolinho -

 

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมของ ขอบสนาม
logoline