ซึ่งหาได้ยากมากในวงการลูกหนังที่เจ้าของทีมจะได้รับความรักจากแฟนบอลมากขนาดนี้ แถมถูกยกให้เป็นหนึ่งในตำนานของสโมสรนี้อย่างแท้จริง จากการพลิกสถานการณ์ทัพ "สิงห์บลูส์" พร้อมพุ่งชนความสำเร็จอย่างมากมาย
ส่วนอีกหนึ่งไฮไลท์ของ "เสี่ยหมี่" คือเรื่องของการซื้อนักเตะเข้าสู่ทีม ตลอดระยะเวลามีแข้งหลายรายที่ผ่านการอนุมัติเห็นชอบให้ดึงเข้าสู่ทีมไม่ว่าจะเป็นสตาร์ดัง หรือแข้งค่าตัวแพง
แต่สิ่งที่เราจะมาพูดถึงกันในวันนี้คือเหล่านักเตะที่ได้ดีเพราะ อบราโมวิช ยอมมอบเงินดึงตัวเข้ามาสู่ทีม จนสามารถกลายเป็นซูเปอร์สตาร์ของวงการ ซึ่งจะมีใครบ้าง ไปติดตามกันได้เลย
10.) มาร์กอส อลอนโซ่
จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่อาจทราบได้ตกลง อลอนโซ่ คือนักเตะที่เล่นในตำแหน่งฟูลแบ็ค หรือกองหน้ากันแน่ เนื่องด้วยตัวเลขการยิงประตูของเขานั้นถือว่าไม่ธรรมดาเลยทีเดียว เคยขึ้นไปยิงแตะหลัก 8 ประตู/ฤดูกาล มาแล้ว
โดย อลอนโซ่ ย้ายมาร่วมทัพ เชลซี ช่วงซัมเมอร์ 2016 จาก ฟิออเรนติน่า ด้วยค่าตัว 24 ล้านปอนด์ ก่อนค้าแข้งกับทีมลากยาวจนกระทั่งถึงปัจจุบันที่เข้าฤดูกาลที่ 7 แล้ว พร้อมประสบความสำเร็จกับทีมอย่างมากมายได้มาแล้วทั้ง พรีเมียร์ลีก, แชมเปี้ยนส์ลีก หรือ สโมสรโลก ทำให้มีอีกหนึ่งนักเตะที่คว้าแชมป์ร่วมกับสโมสรเกือบจะครบทุกใบ ขาดก็เพียงแต่ลีก คัพ เท่านั้น
ปัจจุบัน อลอนโซ่ ลงสนามให้กับทัพ "สิงห์บลูส์" 199 นัด และถ้าจะมองหาแบ็คซ้ายที่ครบเครื่องโดยเฉพาะเรื่องของเกมบุก หลังหมดยุค แอชลี่ย์ โคล ก็คงเป็นเขานี่แหละที่สะเด่าไม่ใช่น้อย
9.) เนมานย่า มาติซ
อีกหนึ่งนักเตะที่มีช่วงเวลากับ เชลซี ถึง 2 ครั้ง ซึ่งห้วงเวลาที่ถูกจดจำมากที่สุดคงเป็นระหว่างปี 2013-2017 ที่ช่วยทีมโกยความสำเร็จในพรีเมียร์ลีกมาครองได้ 2 สมัย
แม้เวลากับทัพ "สิงห์บลูส์" อาจจะไม่ได้มากมายหลายปีนัก แต่ถ้าพูดถึงคุณภาพแล้วต้องยอมรับว่ามิดฟิลด์เชิงรับจากเซอร์เบียรายนี้ถือว่ามีผลงานที่ยอดเยี่ยมเป็นอย่างมาก ในวันที่เขาก้าวขาออกจาก สแตมฟอร์ด บริจด์ เชื่อว่าต้องมีแฟนบอลบางส่วนรู้สึกเสียดายถึงการตัดสินใจปล่อยตัวเขาออกไปจากสโมสร
รวมแล้ว มาติซ ลงสนามให้ เชลซี ไปทั้งหมด 151 นัด ก่อนย้ายออกไปร่วมทัพ แมนฯ ยูไนเต็ด เมื่อช่วงซัมเมอร์ 2017 และยังคงเป็นหนึ่งในขุมกำลังของทัพ "ปีศาจแดง" ในชุดปัจจุบัน
8.) โจ โคล
นักเตะที่แสงสปอร์ตไลท์อาจจะไม่ได้ส่องไปถึงมากเท่าไหร่นัก แต่เรื่องของฝีเท้าเขาเองก็ไม่ได้เป็นสองรองใคร จนกลายเป็นหนึ่งในคนสำคัญของ เชลซี ในยุคแรกๆ ของ "เสี่ยหมี" พร้อมกวาดความสำเร็จได้อย่างมากมาย
โดย โคล ถูกดึงเข้ามายังถิ่นสแตมฟอร์ด บริจด์ เมื่อช่วง ซัมเมอร์ 2003 จาก เวสต์แฮม ด้วยค่าตัว 6.6 ล้านปอนด์ ซึ่งเขาเป็นผู้เล่นคนที่หกที่เซ็นสัญญาภายหลังการครอบครอบสโมสรของ โรมัน อบราโมวิช ซึ่งจากคาดการณ์ของกุนซือในตอนนั้นอย่าง เคลาดิโอ รานิเอรี หวังว่าจะนำเข้ามาแทนที่ของ จานฟรังโก้ โซล่า
ตลอดระยะเวลา 7 ปีในถิ่น "เดอะ บริจด์" โจ โคล ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก คว้าแชมป์มาเชยชมได้มากถึง 7 โทรฟี่ ลงสนามให้ทีมไปมากถึง 282 นัด ก่อนย้ายออกจากทีมเมื่อปี 2010 ร่วมทัพ ลิเวอร์พูล จากนั้นก็พเนจรไปอีกหลายสโมสรไล่มาตั้งแต่ ลีลล์, เวสต์แฮม, แอสตัน วิลล่า, โคเวนทรี และ แทมป้า เบย์ โรว์ดี้ส์
7.) แกรี่ เคฮิลล์
อีกหนึ่งเซ็นเตอร์ฮาร์ฟที่สร้างผลงานกับ เชลซี ไว้ได้อย่างยอดเยี่ยม แม้ชื่อของ เคฮิลล์ แฟนบอลอาจจะพอคุ้นหูอยู่บ้างสมัยค้าแข้งกับ โบลตัน แต่สิ่งที่ต้องยอมรับว่า เชลซี คือทีมที่มอบโอกาส และมอบความสำเร็จให้เขาอย่างมากมาย
โดยแนวรับทีมชาติอังกฤษย้ายมาเป็นสมาชิกของทัพ "สิงห์บลูส์" เมื่อเดือนมกราคม 2012 เนื่องด้วยปัญหาแนวรับของทีม ซึ่บการเข้ามาของเจ้าตัวก็ถือว่าเติมเต็มทีมได้ไม่น้อย ก่อนที่จะก้าวขึ้นไปเป็นแนวรับตัวหลักของทีมชาติอังกฤษ รวมแล้วช่วงเวลา 7 ปีครึ่งกับทีม เขาเองได้รับมอบหมายหลายอย่าง โดยเฉพาะการสวมปลอกแขนเป็นผู้นำของทีม
ส่วนเรื่องความสำเร็จนับนิ้วรวมแล้วมากถึง 7 โทรฟี่ แบ่งเป็นพรีเมียร์ลีก 2 สมัย, เอฟเอ คัพ 2 สมัย, แชมเปี้ยนส์ลีก 1 สมัย และ ยูโรปาลีก 2 สมัย ปัจจุบัน เคฮิลล์ ในวัย 36 ปี เจ้าตัวลงไปเล่นในศึก แชมเปี้ยนชิพ อังกฤษ กับ บอร์นมัธ ซึ่งถือว่าเป็นกำลังสำคัญของทีมในตอนนี้
6.) ริคาร์โด้ คาร์วัลโญ่
ปราการหลังคู่บุญของ โชเซ่ มูรินโญ่ ที่มักหอบหิ้วนำมาไปร่วมงานด้วยแทบตลอดไล่มาตั้งแต่ ปอร์โต้, เชลซี หรือ เรอัล มาดริด แต่ถ้าจะถามหาช่วงเวลาที่ดีที่สุดของ คาร์วัลโญ่ ก็คงจะเป็นห้วงเวลาที่ได้สวมเครื่องแบบตรา "สิงโตน้ำเงินคราม" นี่แหละ
การได้มาเข้าคู่กับ จอห์น เทอร์รี่ ก็ไม่ได้ต่างอะไรกับกำแพงเหล็ก 2 ชั้น ที่ช่วยกันไล่ ช่วยกันแย่ง ช่วยกันสกัดแนวรุกคู่แข่ง จนช่วยให้ทีมเสียไปเพียง 15 ประตูเท่านั้นในฤดูกาล 2004-05 จากนั้นผลงานของทั้งคู่ก็เกื้อหนุนช่วยกันพัฒนามากขึ้นเรื่อยๆ
ส่วนเรื่องของความสำเร็จตลอด 6 ปี กับ เชลซี เจ้าตัวกวาดไปได้มากถึง 7 โทรฟี่แชมป์ ไฮไลท์คงอยู่ที่พรีเมียร์ลีก 3 สมัย ในฤดูกาล 2004–05, 2005–06 และ 2009–10
5.) เซซาร์ อัซปิลิกวยต้า
ย้อนกลับไปช่วงที่เจ้าตัวยังคงค้าแข้งอยู่กับ มาร์กเซย ชื่อของเขาน่าจะพอคุ้นหูแฟนบอลอยู่บ้าง ก่อนที่ในช่วงซัมเมอร์ 2012 จะเป็น เชลซี ที่ดึงตัวมาร่วมทัพ ด้วยค่าตัว 7 ล้านปอนด์ ก่อนที่ชื่อยาวๆ ของเขาจะถูกเรียกได้ง่ายขึ้นเมื่อเพื่อนร่วมชาติอย่าง ฆวน มาต้า ได้ออกมาบอกกับสื่อว่าสามารถเรียกเจ้าหมอนี้ด้วยชื่อสั้นๆ ว่า "เดฟ"
จากนั้น "เดฟ" ก็สามารถยึดเป็นตัวหลักของ เชลซี มาได้ตลอดในช่วง 9 ฤดูกาลที่ผ่านมา และจากสถิติระบุว่าซีซั่นที่เขาลงเล่นให้ทัพ "สิงห์บลูส์" น้อยที่สุดคือเมื่อฤดูกาล 2041-15 ที่จำนวน 40 นัด ฉะนั้นแล้วหมายความว่าในปีอื่นๆ ไม่ว่ากุนซือคนใหม่จะเข้ามาตอนไหนแนวรับผู้นี้มักจะถูกใช้งานแบบสม่ำเสมอตามเคย
นับมาจนถึงตอนนี้ "เดฟ" คือผู้นำของทีม แม้จะมีเสียงด้อยค่าเขาอยู่บ้าง แต่ทว่าทุกสิ่งอย่างสามารถตอบได้ด้วยผลงาน และความสำเร็จ ฉะนั้นแล้วไม่แปลกเลยที่ อัซปิลิกวยต้า จะสามารถคว้าแชมป์ทุกโทรฟี่กับ เชลซี ได้หมดแล้ว และกลายเป็นแข้งอีกคนที่เข้ามาในยุค โรมัน อบราโมวิช และสามารถก้าวขึ้นมาเป็นตำนานของทีมได้สำเร็จ
4.) อาร์เยน ร็อบเบน
ปีกความเร็วสูงที่ถูกดึงเข้ามายัง เชลซี ในช่วงยุคแรกๆ ของ "เสี่ยหมี" ก่อนที่จะโด่งดังเป็นพลุแตกจากผลงานสุดร้อนแรงในเรื่องของสปีดฝีเท้าที่ยากนักจะหาใครสักคนมาหยุดได้
สิ่งมี่ต้องยอมรับคือ ร็อบเบน สามารถสร้างชื่อจนเป็นที่รู้จักในวงกว้างก็จากการย้ายมาร่วมทัพ เชลซี พร้อมทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม และคว้าแชมป์ได้อย่างมากมาย แม้ช่วงเวลากับทีมอาจจะไม่ได้มากนักเพียง 3 ฤดูกาล แต่ก็ถือว่าเป็นห้วงที่เขาเป็นผู้เริ่มต้นยุคแห่งความสำเร็จ ที่กอบโกยโทรฟี่พรีเมียร์ลีกไปครองได้ถึง 2 สมัย พ่วงกับ เอฟเอ คัพ 1 สมัย และ ลีก คัพ อีก 2 ครั้ง
จากนั้นเจ้าตัวก็ย้ายออกไปร่วมทัพ เรอัล มาดริด ต่อด้วย บาเยิร์น มิวนิค สโมสรที่เขาประสบความสำเร็จมากที่สุดในอาชีพค้าแข้ง ก่อนมาปิดฉากกับ โกรนิงเก้น ทีมแรกของเขาในชีวิตลูกหนัง
3.) เอเด็น อาซาร์
ดาวเตะที่ทีมไปดึงตัวมาจาก ลีก เอิง ฝรั่งเศส ก่อนทำผลงานได้อย่างเปรี้ยงปร้างกับ เชลซี แถมโกยความสำเร็จเข้ากระเป๋าไปจำนวนไม่น้อย ซึ่งส่วนใหญ่ก็มีเขานี่แหละเป็นจิ๊กซอว์สำคัญในการพาทีมเอื้อมมือไปสัมผัสโทรฟี่แชมป์
อาซาร์ ย้ายมาเป็นสมาชิกทัพ "สิงห์บลูส์" เมื่อช่วงซัมเมอร์ 2012 จาก ลีลล์ ด้วยค่าตัว 32 ล้านปอนด์ ก่อนที่จะเริ่มร่ายมนต์ด้วยเท้าทั้ง 2 ข้าง จนกลายเป็นแข้งคนสำคัญ และเป็นที่รักของแฟนบอลจากฝีเท้าที่ยอดเยี่ยม และลีลาการยิงประตูที่สามารถคาดหวังผลงานได้มากที่สุดหนึ่ง แทบจะทุกฤดูกาล อาซาร์ จะมีประตูมาฝากแฟนบอลในระดับ 15 ประตูขึ้นไปตลอด ทั้งที่ไม่ใช่นักเตะในตำแหน่งกองหน้า
รวมแล้วช่วงเวลา 7 ปีในถิ่น "เดอะ บริดจ์” เขากวาดความสำเร็จไปได้ 6 โทรฟี่แชมป์ และจนกระทั่งวันนี้แม้จะเป็นอดีตต่อกันแต่ อาซาร์ ยังคงเป็นนักเตะที่แฟนบอลนึกถึงอยู่เสมอ
2.) ปีเตอร์ เช็ก
อีกหนึ่งความสำเร็จของสโมสรในการดึงตัวนักเตะเข้ามาสู่ทีม และสามารถต่อยอดด้วยผลงานอันยอดเยี่ยมจนสามารถบรรจุเข้าสู่ความเป็นตำนานของสโมสรได้สำเร็จ
ปีเตอร์ เช็ก ถูกดึงเข้ามายังถิ่น "เดอะ บริจด์" เมื่อปี 2004 จาก แรนส์ ด้วยค่าตัวเพียง 7 ล้านปอนด์ แต่ทว่ามันก็มากพอที่จะทำให้เขากลายเป็นนายทวารค่าตัวแพงที่สุดของสโมสรในตอนนั้น
โดยในห้วงเวลานั้นทัพ "สิงห์บลูส์" มี คาร์โล คูดิชินี่ ยืนเป็นตัวเลือกแรกอยู่แล้ว แต่ทว่าจุดเปลี่ยนมาอยู่ที่นายด่านชาวอิตาลีได้รับบาดเจ็บช่วงปรีซีซั่นโอกาสจึงตกมาถึง เช็ก ก่อนที่จะยึดเป็นนายด่านมือ 1 ยาวกว่าเกือบ 10 ปีเต็ม
ความสำเร็จของ เช็ก ที่ได้รับภายใต้เครื่องแบบ "สิงห์บลูส์" ไล่มาตั้งแต่พรีเมียร์ลีก 4 สมัย, แชมเปี้ยนส์ลีก 1 สมัย พ่วงด้วยโทรฟี่แชมป์อื่นๆ อีก 10 ใบ รวมแล้วลงสนามให้กับไปมากถึง 434 นัด ปัจจุบันแม้จะแขวนถุงมือไปแล้ว แต่ทว่าเจ้าตัวยังคงกลับมาดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการฝ่ายเทคนิค
อย่างว่าแหละครับถ้านึกถึง ปีเตอร์ เช็ก นอกจากเฮดการ์ดที่เขาใส่แล้ว ก็คงเป็นในสีเสื้อ เชลซี นี่แหละที่เป็นภาพแรกๆ ที่ผุดแล่นเข้ามาในหัว
1.) ดิดิเยร์ ดร็อกบา
"ใครเหรอ? เขาคือใคร? เล่นอยู่กับทีมอะไร? ผมก็เลยบอกกับเขาไปว่า คุณรีบๆ จ่ายเงินซื้อเขามาเถอะ ไม่ต้องพูดมาก" ส่วนหนึ่งของประโยคสนทนาระหว่าง โชเซ่ มูรินโญ่ กับ โรมัน อบราโมวิช ในการเลือกซื้อกองหน้าคนใหม่ในช่วงแรกที่กุนซือชาวโปรตุเกสเข้ามารับงานที่ สแตมฟอร์ด บริจด์
ซึ่งตอนนั้น "เสี่ยหมี" ให้อิสระแก่โค้ชเต็มที่ในการเลือกหากองหน้าตัวจบสกอร์ เพื่อเพิ่มความอันตรายในแดนหน้า ช่วงราวๆ ปี 2004 มีกองหน้าชื่อดังมากมายที่ทีมควรจะดึงเข้ามาเสริมทัพ แต่ทว่า มูรินโญ่ กลับเลือกชี้นิ้วจิ้มไปที่ ดร็อกบา แข้งที่ยังไม่ได้มีชื่อเสียง ลงเล่นอยู่กับ มาร์กเซย ในฝรั่งเศส ซึ่งมันไม่ได้เซอร์ไพรส์เพียงเจ้าของทีม แต่มันแปลกใจไปยังแฟนบอลว่าเจ้าหมอนี้คือใคร
แต่ ดร็อกบา ก็ตอบคำถามทุกข้อสงสัยด้วยผลงานของเขา ประตูแล้ว ประตูเล่าที่บรรจงซัดไปกองที่ก้นตาข่ายคือคำตอบชั้นยอดว่าทำไม มูรินโญ่ ถึงลือกเขาเข้ามาสู่ทีม 157 ประตู จาก 341 นัด ในภาคแรกพ่วงด้วยแชมป์พรีเมียร์ลีก 3 สมัย คือเครื่องการันตี
ไม่แปลกถ้าจะบอกว่านี่คือหนึ่งในกองหน้าที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์ของ เชลซี ทั้งเรื่องความแข็งแกร่ง, ความเฉียบคม และความเป็นผู้นำ ทุกอย่างรวมอยู่ในตัวของชายผู้นี้ จนสามารถก้าวขึ้นมาเป็นตำนานของสโมสรได้สำเร็จ
- Paolinho -