logo-heading

ว่าแล้ว ขอบสนาม ของเราจะพาไปไล่เรียงดูประเด็นหลักๆ และความน่าสนใจจากเกมนี้ว่ามีประเด็นไหนบ้างที่ควรจะหยิบจับมาพูดถึง ซึ่งมีอะไรบ้างนั้นไปติดตามกันได้เลย

การจัดทัพ

เริ่มต้นกันที่ฝั่งเจ้าถิ่น แมนฯ ซิตี้ การขาดหายไปของ รูเบน ดิอาส ตามหน้ากระดาษถือว่าเสียหายมากพอสมควร แต่ทว่าด้วยคุณภาพของคนที่ลงไปแทนทั้ง จอห์น สโตนส์ และ อายเมอริค ลาป๊อกร์ต ทำให้ไม่ได้รู้สึกถึงการขาดหายตรงไหนแต่อย่าง

ข้ามมาที่ฝั่ง "ปีศาจแดง" ที่เป็นประเด็นตั้งแต่ก่อนลงสนามเมื่อมีรายงานข่าวว่า คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ได้รับบาดเจ็บบริเวณสะโพกทำให้พลาดลงสนามไป แต่ทว่าก็มีข่าวหลุดออกมาจากสื่อในอังกฤษว่าแท้จริงไม่เกี่ยวกับอาการเจ็บอะไรนั้นหรอก แต่เป็นเรื่องของแท็คติดที่ไม่เข้ากับเกมนี้ รังนิค จึงถอดชื่อออกเสียอย่างนั้น

ไม่รู้ว่าอะไรคือความจริง... แต่ความจริงก็คงมีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น

ส่วนในรายอื่นๆ ที่ แมนฯ ยูไนเต็ด หมดสิทธิ์ใช้งานก็คือ ราฟาแอล วาราน กับ ลุค ชอว์ ที่โดนพิษโควิด-19 เล่นงาน ส่วน เอดินสัน คาวานี่ ยังคงไม่พร้อมสำหรับทีมเกมนี้ ทำให้นายใหญ่ชาวเยอรมันจึงตัดสินใจดัน บรูโน่ แฟร์นานเดส ขึ้นไปเล่นเป็นกองหน้าในรูปแบบของ False 9  โดยมี เจดอน ซานโช่ กับ แอนโธน อีลังก้า ควรปั่นป่วนอยู่ริมเส้น

บอลคนละชั้น! หลังเกม แมนเชสเตอร์ ดาร์บี้ ที่ฉาบไปด้วยสีฟ้า

กองหลังปวกเปียก

สิ่งที่ต้องยอมรับเลยคือเกมนี้เริ่มต้นด้วยความดุเดือดไม่ใช่น้อยแม้ เควิน เดอ บรอยน์ จะจัดการซัดประตูให้เจ้าบ้านขึ้นนำไปก่อนตั้งแต่ช่วง 5 นาทีแรก แต่ทว่าก็ต้องชื่นชมพลพรรคทัพ "ปีศาจแดง" ที่สามารถกลับเข้าสู่เกมได้อย่างรวดเร็ว และต่อสู้ได้อย่างดูชม แม้สุดท้ายจะจบครึ่งแรกด้วยสกอร์ที่ตามหลังอยู่ก็ตาม

สถานการณ์ตอนนั้นหลายคนคงมองไปในรูปแบบเดียวกันว่าอีก 45 นาทีหลังอะไรๆ ก็สามารถเกิดขึ้นได้ รูปเกมไม่ได้เป็นรองแบบสุดกู่ แถมตามหลังแค่ลูกเดียว อาจพลิกสถานการณ์ได้ 

แต่ทว่ากับภาพที่ปรากฎตรงหน้ากลับหาใช่สิ่งเหล่านั้นไม่ ซิตี้ เปิดหน้าบุกเข้าใส่แบบกดอยู่ฝั่งเดียว ครองบอลอยู่ฝ่ายเดียวแทบไม่ให้ ยูไนเต็ด มีจังหวะเล่นกับลูกฟุตบอลเลย จนกระทั่งอยู่ช่วงหนึ่งที่พวกเขาครองบอลได้มากถึง 92 เปอร์เซ็นต์ ขณะที่ แมนฯ ยูไนเต็ด ครองบอลแค่ 8 เปอร์เซ็นต์ เท่านั้น

อีกอย่างคือการจัดแผนกเกมรับของ "ปีศาจแดง" ทุกอย่างล้วนดูสะเปะสะปะไปหมด ไม่มีจังหวะตัดเกม เรียกง่ายๆ ว่าไร้ทรงอย่างแท้จริง ปล่อยให้คู่แข่งเล่นง่ายๆ และหลงเหลี่ยมแข้งเจ้าบ้านกันง่ายเหลือเกิน

ไม่แปลกที่เมื่อโดนแต่ละประตู เด เคอา จะแสดงอาการหงุดหงิดออกมา เพราะเขาเองก็เซฟแล้วเซฟอีก กลายเป็นคนแบกทุกอย่างของทีมในแผงเกมรับ ถ้าไม่มีนายด่านเลือดสเปนเผลอๆ อาจมีมากกว่า 4 ประตู

ผีแดง ใจไม่สู้ ?

ด้วยความเคารพสิ่งที่เราเห็นในเกมนี้นอกจากสกอร์ที่ออกมาห่างขาดลอย ก็คือคุณภาพในสนามชนิดที่ลืมภาพความเป็นดาร์บี้ แมตช์ อันทรงเกียรติอะไรนั้นไปเลย

แทนที่จะมีจังหวะเข้าปะทะอย่างดุเดือด ใช้ความเดือดดาลของศักดิ์ศรีในการต่อสู้กับคู่แข่ง แต่ทว่าภาพที่ปรากฎกลายเป็น ซิตี้ ที่เหมือนกับหนุ่มระดับมหาลัย ต่อสู้กับนักเตะระดับ ม.ต้น อย่างไงอย่างงั้น

อาการที่พลพรรคทัพ "ปีศาจแดง" แสดงออกมานั้นมันบ่งบอกได้เป็นอย่างดีถึงทัศนะคติของผู้เล่นที่ไร้ซึ่งแพลสชั่นในการลงสนามไปสู้อย่างแท้จริง จะเห็นอยู่ไม่กี่คนหรอกครับที่แสดงความกระหายออกมา วิ่งไล่บอล กระตุ้นเพื่อน หรือแสดงความอยากเป็นผู้ชนะออกมา

เรื่องของแท็คติกความสามารถของผู้เล่นที่สู้ไม่ได้ในเกมอันนี้คือปัจจัยที่เราสามารถเข้าใจได้อย่างถ่องแท้ แต่ทว่าเรื่องของหัวใจในการพกลงไปในสนามนั้นพวกเขาแพ้แบบราบคาบ สุดท้ายก็ต้องกลับไปทบทวนว่าสิ่งที่เหล่านั้นมันเกิดจากอะไร ทำไม "ปีศาจแดง" ตนนี้ถึงแสดงอาการเหล่านี้ออกมาได้

สำคัญเลยคือตัวของกุนซืออย่าง รังนิค ว่าทำไมถึงไม่สามารถดึงศักยภาพของนักเตะออกมาใช้ได้อย่างเต็มที่ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่พวกเขาประสบพบเจอ แต่มันออกอาการแบบนี้มาหลายครั้งแล้ว ฉะนั้นก็วอนผู้เกี่ยวข้องเร่งแก้ไขจุดนี้ก่อนที่สปิริตทีมที่มีทั้งหมดมันจะเสียไปแบบไม่ควร

บอลคนละชั้น! หลังเกม แมนเชสเตอร์ ดาร์บี้ ที่ฉาบไปด้วยสีฟ้า

ถ้ามี โรนัลโด้

อีกหนึ่งประเด็นหลังเกมที่ถูกหยิบยกมาพูดถึงมากพอควรคือเรื่องของ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ที่ได้กล่าวไปข้างต้นว่าไม่รู้การเจ็บบริเวณสะโพกนั้นเป็นการเจ็บจริง หรือเจ็บทิพย์ 

แต่ที่แน่ๆ อย่างน้อยการมี โรนัลโด้ อยู่ในทีมไม่ว่าจะในบทบาทไหนมันก็น่าจะพอช่วยทีมได้อยู่บ้างไม่มากก็น้อยในสถานการณ์ที่เต็มไปด้วยความกดดันต่างๆ หรือในห้วงที่ทีมต้องการผู้นำในสนามคอยกระตุ้นเพื่อน แต่เมื่อไม่มีสตาร์ชาวโปรตุเกส กลายเป็นว่าพิษสงของ ยูไนเต็ด ไร้ซึ่งความน่ากลัว นอกจากประตูของ ซานโช่ ก็แทบไม่มีจังหวะไหนให้แฟนบอลได้หวาดเสียวหัวใจอีกเลย

ฉะนั้นแล้วการขาดหายไปของ โรนัลโด้ ก็ถือว่าส่งผลกระทบในส่วนหนึ่ง แต่ที่สำคัญเลยคือความกระหายที่นักเตะแสดงออกมามากกว่า มันควรจะดีกว่านี้ ไม่ใช่แสดงออกชัดเจนว่าเกมนี้พวกกูขอยอมแพ้ ไม่ต้องการจะสู้อีกต่อไปแล้ว

สถานการณ์ทั้ง 2 ทีม

สามคะแนนที่ แมนฯ ซิตี้ เก็บเข้ากระเป๋าในวันนี้ทำให้พวกเขาหายใจโล่งขึ้นมาหน่อยด้วยการขยับหนีอันดับ 2 อย่าง ลิเวอร์พูล ไปเป็น 6 คะแนน อีกครั้ง แม้จะลงสนามมากว่าอยู่ 1 เกมก็ตาม

ส่วน ยูไนเต็ด เป็นความพ่ายแพ้ที่ส่งผลมากพอสมควร นอกจากจะร่วงมารั้งอันดับ 5 แล้วยังตามหลัง อาร์เซน่อล เจ้าของอันดับ 4 ในตอนนี้อยู่ 1 คะแนน พร้อมลงสนามมากว่าอยู่ถึง 3 นัด ฉะนั้นคิดง่ายๆ ว่าพวกเขามีโอกาสถูกทัพ "ปืนใหญ่" ทำคะแนนฉีกหนีไปได้ไกลกว่านี้ในช่วงโค้งสุดท้ายที่เหลืออีก 10 เกม

หนำซ้ำผู้ตามอย่าง สเปอร์ส ก็ยังคงมีโอกาสทำคะแนนไล่แซงเช่นกัน แม้ตอนนี้ทัพ "ไก่เดือยทอง" จะตามหลัง "ปีศาจแดง" อยู่ไกลถึง 5 คะแนน แต่ก็แข่งน้อยกว่าอยู่ถึง 3 นัด มีโอกาสเร่งสปีดแซงทางโค้งได้เช่นกัน

ซึ่งก็อย่างที่บอกไปว่าความพ่ายเกมนี้ถือว่าส่งผลกระทบชิ่งมากพอสมควร เพราะนอกจากจะหลุดจากท็อปโฟร์แล้ว แนวโน้มมีโอกาสไม่น้อยที่จะไถลร่วไปรั้งไกลถึงอันดับ 6 เลยทีเดียว

- Paolinho -

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมของ ขอบสนาม
logoline