logo-heading

ถูกประกาศคว่ำบาตรจากรัฐบาลอังกฤษ ทั้งๆที่เพิ่งยอมถอยออกจากตำแหน่งไปแล้ว หลังมีกรณีพิพาทว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับสงครามยูเครน

ซึ่งเอฟเฟ็กต์จากการแบน เสี่ยหมี ครั้งนี้ นับว่าเป็นวันมหาวิปโยคสุดๆของสโมสร มีเหตุการณ์ร้ายๆตามมามากมาย โดยเฉพาะเรื่องที่เกี่ยวกับเงินๆทองๆ เอาเป็นว่าเรื่องราวทั้งหมดเป็นมาอย่างไร และ ต่อจากนี้พวกเขาต้องปฏิบัติแบบไหน ลองไปติดตามพร้อมๆกันครับ

⚽️ สาเหตุที่ เสี่ยหมี ต้องตัดสินใจยุติบทบาทเป็นเจ้าของสโมสร เชลซี ⚽️

เรื่องนี้ถ้าใครติดตาม ขอบสนาม มาเป็นประจำ จะทราบได้เลยว่า ส.ส. ฝ่ายค้านท่านหนึ่งของอังกฤษ นามว่า คริส ไบรท์อัน เป็นผู้เรียกร้องให้รัฐบาล ยุติบทบาท เสี่ยหมี ในการเป็นเจ้าของสโมสร เชลซี เนื่องจาก ได้พบเอกสารที่เสี่ยหมี เกี่ยวข้องกับกระบวนการ “ทางการเงินผิดกฎหมาย” พร้อมมีกิจกรรมต่างๆมากมายที่เป็นอันตราย ที่สำคัญ อบราโมวิช มีสายสัมพันธ์ใกล้ชิดกับ วลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำ รัสเซีย และ มีข้อมูลว่าให้การสนับสนุนการรุกรานประเทศยูเครน

จริงๆแล้ว เสี่ยหมี เป็นคนที่ผ่านดราม่ามามากมาย แต่เรื่องสงคราม มันละเอียดละอ่อน และ รุนแรงกว่าหลายเท่า เพราะเรื่องนี้มันส่งผลกระทบไปทั่วโลก มันหมายถึงการพรากชีวิตผู้บริสุทธิ์, พรากครอบครัว รวมถึงเกี่ยวข้องกับกระบวนเผด็จการ

หลังจาก เสี่ยหมี ถูกกดดันหนักขึ้นทุกวันๆ ทำให้ตอนแรกเจ้าตัวแค่ประกาศขอลดบทบาท โอนกรรมสิทธิ์ให้กับมูลนิธิการกุศลของสโมสรเป็นผู้ดูแลแทน แต่ด้วยสถานการณ์ที่ประเทศยูเครน มันรุนแรงแบบทวีคูณ หลายๆประเทศต่างประณามการกระทำอันโหดเหี้ยมของ ปูติน พร้อมกับเริ่มมาตรการ "คว่ำบาตร" ตัดขาดกับ รัสเซีย ทันที

สุดท้าย โรมัน อบราโมวิช ต้องยอมตัดสินใจขายกิจการสโมสรให้กับกลุ่มทุนที่สนใจจะเข้ามาเทคโอเวอร์ ด้วยเม็ดเงินราวๆ 3 พันล้านปอนด์ ซึ่งด้วยความรักที่ เสี่ยหมี มีต่อ เชลซี เขายอมยกหนี้ทั้งหมดที่สโมสรติดค้างอยู่ พร้อมขอสแกนเองว่า นักลงทุนที่จะเข้ามารับไม้ต่อ จะต้องรักทีมนี้จริงๆด้วยหัวใจ และ พร้อมเดินหน้าสานงานต่อที่ตนเองวางไว้ ซึ่งตัวเขาเองไม่ขออะไรมากมาย นอกจากอยากจะมาร่ำลาแฟนบอลทุกคนในถิ่นสแตมฟอร์ด บริดจ์ เป็นครั้งสุดท้าย หลังอยู่สร้างความสำเร็จมานานถึง 19 ปี

⚽️ ฟ้าผ่ากลางหัวใจ เมื่อ รัฐบาลอังกฤษ ประกาศคว่ำบาตร เสี่ยหมี ⚽️

เดิมที เสี่ยหมี ต้องการขายสโมสรให้ทันก่อนวันที่ 15 มีนาคม นี้ เพราะถ้าชื่อของเขาติดอยู่แบล็คลิสต์ของรัฐบาลอังกฤษ จะทำให้การเทคโอเวอร์มันยุ่งยากมากยิ่งขึ้น โดยมีนักธุรกิจทั้งชาวสวิตเซอร์แลนด์, สหรัฐอเมริกา, อังกฤษ หรือ ตุรกี เป็นต้น ที่ให้ความสนใจอยากเข้ามาสานงานต่อ

แต่ยังไม่ทันถึงกำหนดเดดไลน์ หลังจากเมื่อวานนี้ในช่วงเช้าๆตามเวลาบ้านเรา มีข่าวว่ารัสเซีย ได้ทิ้งระเบิดถล่มโรงพยาบาลเด็กและผดุงครรภ์แห่งหนึ่งในเมืองมาริอูโปล ประเทศยูเครน จนมีผู้ได้รับบาดเจ็บเกือบๆ 20 ราย ทั้งๆที่ข้อตกลงเรื่องหยุดยิง เพื่อเปิดทางผู้อพยพ จากนั้นในช่วงเย็น ก็มีข่าวช็อกโลกเกิดขึ้น เมื่อ บอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีประเทศอังกฤษ ประกาศคว่ำบาตร เสี่ยหมี ด้วยถ้อยคำที่ว่า "ไม่มีที่ว่าง" ให้กับพวกที่สนับสนุนการรุกราน

ก็ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเหตุการณ์ทิ้งระเบิด หรือ เลือกวันครบรอบก่อตั้งของสโมสร เพื่อเอามาเชือดเฉือนใส่หัวใจ เสี่ยหมี หรือเปล่า โดยทางรัฐบาลอังกฤษ กล่าวอ้างว่า โรมัน อบราโมวิช มีสายสัมพันธ์ใกล้ชิดกับ วลาดิเมียร์ ปูติน และ มีการสนับสนุนทางรัสเซีย ซึ่งเรื่องการเมือง หรือ ลับลมคมใน คงไม่อาจเอื้อมไปแตะตรงนั้น เพราะยังไม่มีข้อมูลถูกต้องแบบ 100 เปอร์เซ็นต์ เป็นหลักฐานแสดงออกมา

แต่การคว่ำบาตรต่อ โรมัน อบราโมวิช ครั้งนี้ เป็นการตัดท่อน้ำเลี้ยงทุกอย่าง เพราะนอกจากจะยึดทรัพย์สินของ เสี่ยหมี ทั้งหมดในสหราชอาณาจักรแล้วนั้น ยังห้ามทำธุรกรรมการเงินทุกอย่างอีกด้วย นั่นหมายความว่า การขายสโมสร ก็จะถูกแช่แข็งเอาไว้เช่นกัน

⚽️ การถูกคว่ำบาตร เสี่ยหมี นั้น เชลซี โดนผลกระทบอะไรบ้าง ⚽️

❌ ถูกระงับการขายสโมสร

ไม่ว่าจะมีกลุ่มทุนรวยล้นฟ้าขนาดไหน ที่จะเข้ามาเทคโอเวอร์ แต่ตอนนี้ เสี่ยหมี ไม่สามารถทำการเจรจา เพื่อเลือกเจ้าของคนใหม่ได้อีกแล้ว เพราะโดนทางรัฐบาลเข้ามาควบคุมกิจการ

❌ งดจำหน่ายบัตร เข้าได้แค่ตั๋วปี และ งดจำหน่ายสินค้าอีกสโมสร

นี่คือประเด็นที่แฟนบอลไม่เห็นด้วย และ รู้สึกไม่แฟร์กับ เชลซี ที่ รัฐบาลอังกฤษ มาตัดท่อน้ำเลี้ยงที่เป็นรายได้ของสโมสร โดยห้ามแฟนบอล เชลซี ทุกคน ที่ไม่ได้ถือตั๋วปีเข้าชมเกมการแข่งขัน ซึ่งจะทำให้ สิงห์บลูส์ ขาดเงินสนับสนุนตรงนี้ และ ไม่ได้เปรียบคู่แข่งมากนัก ต่อให้เล่นในบ้าน เพราะกองเชียร์จะน้อยลงเยอะมาก จาก 4 หมื่น อาจเหลือแค่ 2 หมื่นคน 

โดยรายงานจาก เดอะ ไทมส์ ระบุว่า เพิ่งมีครอบครัวจากมาเลเซีย บินมาประเทศอังกฤษ เพื่อหวังดู เชลซี โดยหมดเงินกับทริปนี้เกิน 1 ล้านบาท แต่ว่าสุดท้ายจะเข้าไปชมเกมที่สนามไม่ได้ ที่สำคัญคือเข้าไปซื้อของในช็อปสโตร์สโมสรไม่ได้ด้วย เพราะปิดให้บริการตามคำสั่งรัฐบาลไปแล้ว ล่าสุดมีรายงานว่าพนักงานบางส่วน ถูกเลิกจ้างไปแล้วด้วย

❌ ต่อสัญญาใหม่ไม่ได้

ส่วนเรื่องนี้ ก็สำคัญไม่แพ้กัน เพราะ เชลซี จะไม่สามารถต่อสัญญากับนักเตะภายในทีม ดังนั้นเหล่าผู้เล่นตัวหลักของทีม ที่กำลังจะหมดสัญญาหลังจบซีซั่น อาทิ เซซาร์ อัซปลิกวยต้า, อันโตนิโอ รูดิเกอร์ และ อันเดรส คริสเตียนเซ่น 3 แนวรับของสโมสร จะถูกปล่อยตัวไปแบบฟรีๆ ชนิดที่เจรจายังไงก็ไม่ได้

❌ ห้ามซื้อ-ขายผู้เล่น

ปิดท้ายที่การห้ามซื้อ-ขายผู้เล่น ต่อให้ เชลซี จะมีขุมกำลังขนาดใหญ่ อัดแน่นไปด้วยนักเตะตัวท็อปมากมาย ไล่ตั้งแต่ตำแหน่งผู้รักษาประตู ไปจนถึง กองหน้า และ ทุกคนยังได้รับค่าจ้างเท่าเดิม แต่ในเมื่อพวกเขาซื้อผู้เล่นไม่ได้ ความแข็งแกร่งอาจไม่เพิ่มขึ้น กลับกันคนที่อยู่ ก็ไม่รู้ทิศทางสโมสรจะเดินไปในรูปแบบไหน จะโดนลดเงินเดือนหรือเปล่า เรียกว่ามันก็ส่งผลต่อสภาพจิตใจเหมือนกัน

❌ สปอนเซอร์ จะแห่ถอนตัว

จากการที่ เชลซี ดูเหมือนเป็น "ไม้หลักปักขี้เลน" ทำให้สปอนเซอร์ อาจจะแห่ถอนตัว เพราะอาจเป็นกังวลเรื่องภาพลักษณ์ของ แบรนด์ โดยล่าสุด "ทรี" บริษัทผู้ให้บริการเครือข่ายโทรคมนาคมระดับโลก ได้ตัดสินใจระงับการเป็นสปอนเซอร์คาดอกเสื้อของ เชลซี เรียบร้อย ซึ่ง สิงห์บลูส์ จะสูญเงินตอบแทนปีละ 40 ล้านปอนด์ ทันที

❌ โดนตัดแต้ม

ปกติแล้ว เรื่องโดนตัดแต้ม จะต้องเป็นทีมที่ล้มละลาย ติดหนี้ตัวแดง หรือ สืบทราบว่ามีผลเอี่ยวเรื่องล้มบอล อะไรทำนองนี้ ดังนั้น เชลซี ไม่น่าจะเกี่ยวข้องกับเคสนี้สักเท่าไหร่ แต่ตอนนี้เป็นมหกรรมรุมกินโต๊ะใส่ เสี่ยหมี แล้วล่ะครับ เพราะมีรายงานว่าอาจถูกตัดถึง 9 แต้ม ถ้าหากปล่อยให้ รัฐบาลควบคุมกิจการ

⚽️ เชลซี จะทำอย่างไรต่อจากนี้ ⚽️

การโดนคว่ำบาตรขนาดนี้ เชื่อว่าสิ่งที่ เชลซี จะทำได้ ก็คือการไปต่อสู้ทางกฎหมาย ซึ่งอาจจะต้องยื่นเรื่องการอุทธรณ์ไปถึงศาลอนุญาโตตุลาการกีฬา (CAS) หรือ ศาลที่ใหญ่กว่านั้น เพื่อเรียกร้องในสิ่งที่พวกเขามองว่าไม่เป็นธรรม แต่ถ้าถามว่า โอกาสอุทธรณ์สำเร็จหรือไม่ บอกตรงนี้เลยว่า ยากเหลือเกิน เพราะประเด็นสงครามยูเครน หลายๆประเทศยืนกราน ต่อต้านรัสเซีย

อย่างไรก็ตาม เชลซี ยังพอมีช่องทางให้เดินหน้ากันต่อ เพราะมีรายงานว่า เสี่ยหมี ยังสามารถเดินหน้าขายสโมสรต่อไปได้ ไม่ต้องรอให้พ้นช่วงเดือนเดือนพฤษภาคม แต่มันมีข้อแม้อยู่ว่า

เสี่ยหมี จะต้องยอมมอบสิทธิ์ให้กับรัฐบาล เพื่อไปเจรจากับเหล่านักลงทุน เพื่อให้สโมสรกลับมาธุรกรรมด้านการเงินได้อีกครั้ง ทั้งการขายตั๋ว, จำหน่ายสินค้า และ กลับมาซื้อขายนักเตะได้อีกครั้ง แต่กระนั้น เสี่ยหมี จะต้องไม่ได้เงินสักแดงเดียว ที่สำคัญนักลงทุนกลุ่มนั้น จะต้องไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการส่งเสริมสงครามรัสเซีย-ยูเครน

เพราะถ้า เสี่ยหมี ยังปล่อยให้ถูกแช่แข็งเรื่องการขายทีมไปจนจบซีซั่น ก็มีแต่พังกับพังเท่านั้น เรียกว่าเป็นผลเสียระยะยาวของสโมสรแน่นอน อารมณ์บีบ เสี่ยหมี โดยตรง ว่ากันว่า เชลซี จะมีรายได้แค่จากการขายอาหาร และ เครื่องดื่ม ในช่วงแมตช์เดย์ เท่านั้น คิดเป็นเงินประมาณ 2 แสนปอนด์ ต่อเกม (ประมาณ 8.6 ล้านบาท) 

นี่แหละครับ คือสถานการณ์ของ เชลซี ที่หนักหนาเหลือเกิน ใครจะเชื่อล่ะครับว่า ทีมที่เพิ่งเป็นแชมป์สโมสรโลก มาหมาดๆไม่ถึงเดือน รอยยิ้มของ เสี่ยหมี ที่เดินทางไปชูโทรฟี่ความสำเร็จ ยังคงฝังอยู่ในหัวใจ จะกลายเป็นความทุกข์ที่กำลังเกาะกินทุกอณูรูขุมขน ทุกอย่างกำลังพังทลายไปในพริบตา ให้รอดูต่อจากนี้ว่าจะมีเอฟเฟ็กต์อะไรตามมาโหมกระหน่ำใส่ เชลซี อีกบ้าง

ฮาย ฮาวดี้ ❤️

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมของ ขอบสนาม
logoline