logo-heading

อย่างในวงการลูกหนังทีมฟุตบอลต่างๆ ที่มีสปอนเซอร์จากรัสเซียก็ต่างยกเลิกสัญญาไปแทบทั้งหมด รวมไปถึงนักฟุตบอล หรือสต๊าฟฟ์โค้ชต่างๆ ที่ไปทำงานรัสเซียก็ต่างออกมาประกาศจุดยืนของตัวเองไม่ทำงานให้กับสโมสรนั้นๆ แล้ว 

ไม่เว้นแต่องค์การใหญ่อย่าง ฟีฟ่า ก็ประกาศสั่งแบนไม่ให้รัสเซียเข้าร่วมการแข่งขันรายการระดับเมเจอร์ของพวกเขาด้วย

ทั้งนี้เรื่องราวดังกล่าวหลายคนต่างออกมามองในมุมที่ต่างกันออกไป บ้างก็บอกว่ากีฬากับการเมืองไม่ควรนำมาเกี่ยวโยงกัน 

แต่ทว่าล่าสุดกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับ อนาโตลี ติโมชุก อดีตแข้งทีมชาติยูเครน ทำให้เรื่องนี้ถูกหยิบมาพูดถึงกันเป็นวงกว้าง เนื่องจากเจ้าตัวกำลังถูกถอดเกียรติยศทุกอย่างที่ทำได้ในบ้านเกิด เพราะไม่ยอมออกมาคอลเอาท์ แถมยังคงทำงานอยู่กับสโมสรในรัสเซียอย่างเซนิต เซนต์ ปีเตอร์เบิร์กส

ว่าแล้ว ขอบสนาม ของเราจะพาไปไล่เรียงเหตุการณ์ในครั้งนี้ว่ามีอะไรเกิดขึ้นบ้าง และ อนาโตลี ติโมชุก แข้งรายนี้เป็นใคร โด่งดังระดับชาติมากขนาดไหน ไปติดตามกันได้เลย

แจ้งเกิดกับฟุตบอลในยูเครน

อนาโตลี ติโมชุก เริ่มต้นเส้นทางสายฟุตบอลอาชีพครั้งแรกเมื่อปี 1995 กับสโมสรที่มีชื่อว่า โวลิน ลุตส์ค ซึ่งเขาเองเติบโตขึ้นมาจากทีมชุดเยาวชนของสโมสรก่อนได้โอกาสลงสัมผัสเกมกับทีมชุดใหญ่ แต่ทว่าก็ค้าแข้งที่นั่นได้ไม่นานก็โดนทีมยักษ์ใหญ่ของประเทศอย่าง ชัคตาร์ โดเนตส์ ดึงตัวไปร่วมทัพ ซึ่งตอนนั้นเขาเพิ่งมีอายุเพียง 19 ปี เท่านั้น

ซึ่งกับ ชัคตาร์ เขาได้โอกาสลงเล่นอยู่เกือบ 10 ปี ลงสนามให้ทีมไปมากถึง 291 นัด กวาดไปมากถึง 7 โทรฟี่แชมป์ แบ่งเป็นแชมป์ลีกยูเครน 3 สมัย, แชมป์ยูเครน คัพ 3 สมัย และ ยูเครน ซูปเปอร์ คัพ อีก 1 สมัย ก่อนที่จะย้ายออกไปหาประสบการณ์ใหม่ๆ กับ เซนิต เซนต์ ปีเตอร์เบิร์กส ในช่วงซัมเมอร์ 2007 ซึ่งมีค่าตัวสูงถึง 14.5 ล้านยูโร ด้วยกัน

ซึ่งชีวิตในแดนหมีขาวเขาเองสามารถสถาปนาตัวเองเป็นตัวหลักของทีมได้สำเร็จ ด้วยบทบาทมิดฟิลด์ตัวรับ ที่โดดเด่นในเรื่องของการตัดเกมคู่แข่ง แถมยังมีออฟชั่นเสริมเติมขึ้นมาทำประตูได้อยู่บ่อยครั้ง 

ส่วนความสำเร็จกับ เซนิตฯ ถือว่าเยอะมากพอสมควร ทั้งแชมป์ลีกรัสเซีย รวมไปถึงบอลถ้วยต่างๆ แต่ที่เป็นไฮไลท์คงจะเป็นแชมป์ยูฟ่า คัพ (ยูโรปาลีก ในปัจจุบัน) เมื่อฤดูกาล 2007-08 ที่เอาชนะ เรนเจอร์ส ได้ในรอบชิงชนะเลิศ ซึ่งตัวของ ติโมชุก สวมปลอกแขนเป็นกัปตันทีมด้วย หลังจากนั้นก็คว้าแชมป์ซูปเปอร์คัพได้อีกถ้วยด้วยการเอาชนะ แมนฯ ยูไนเต็ด ไปได้ 2-1

ก่อนที่จะอำลา เซนิตฯ ไปเมื่อปี 2009 ด้วยการโยกย้ายไปเล่นให้กับทีมยักษ์ใหญ่ในเยอรมันอย่าง บาเยิร์น มิวนิค ซึ่งเป็นค้าแข้งกับทีมใน 5 ลีกใหญ่ยุโรปครั้งแรกของเจ้าตัวอีกด้วย

อนาโตลี ติโมชุก : จากตำนาน สู่คนไร้เกียรติยศในบ้านเกิด

สร้างชื่อกับ เสือใต้

ชื่อของ อนาโตลี ติโมชุก แฟนบอลหลายคนอาจคุ้นหูตั้งแต่สมัยค้าแข้งให้กับ เซนิตฯ เนื่องด้วยผลงานที่โดดเด่น แถมมีโทรฟี่แชมป์ติดมือไม่แปลกที่ชื่อเสียงของเขาจะได้รับการขนานนาม

ซึ่งการย้ายสู่ทัพ "เสือใต้" เหมือนเป็นการประกาศศักดาฝีเท้าของเขา พ่อหนุ่มผมทองยืนคอยตัดเกมเชื่อว่าแฟนบอลหลายคนคงจำภาพเหล่านั้นได้เป็นอย่างดี แม้แสงสปอร์ตไลท์อาจไม่ได้ส่องไปหาเขา หรือถูกพูดถึงมากนัก เนื่องด้วยบทบาทเหมือนคนที่คอยติดทองหลังพระ ทำงานในตามลู่ทางของตัวเอง แต่เต็มไปด้วยประสิทธิภาพ

ส่วนในเรื่องของความสำเร็จการเป็นสมาชิกของ บาเยิร์น ก็แทบการันตีถึงเรื่องของโทรฟี่แชมป์ได้อยู่แล้ว 4 ฤดูกาลกับทีม เจ้าตัวสอยไปได้ทั้งหมด 7 แชมป์ ไฮไลท์สำคัญคือเมื่อฤดูกาล 2012-13 ที่สามารถคว้าทริปเปิ้ลแชมป์ทั้ง บุนเดสลีกา, เดแอฟเบ โพคาล และ แชมเปี้ยนส์ลีก มาครองได้สำเร็จ

รวมแล้ว ติโมชุก ลงเล่นให้ "เสือใต้" ไปทั้งหมด 132 นัด ทำไปได้ 6 ประตู กับ 6 แอสซิสต์ ก่อนที่จะแยกทางกันช่วงซัมเมอร์ 2013 เจ้าตัวเลือกย้ายกลับไปเล่นให้กับ เซนิตฯ อีกครั้ง ซึ่งหลังจากนั้นอีก 2 ซีซั่นก็ย้ายไปเล่นให้กับ ไครัต อัลมาตี ทีมในลีกคาซัคสถาน ก่อนที่จะประกาศแขวนสตั๊ดอย่างเป็นทางการเมื่อปี 2016

ตำนานนักเตะยูเครน

ถ้าจะถามหาถึงนักเตะระดับตำนานของทีมชาติยูเครนแฟนบอลส่วนใหญ่คงนึกไปถึงพวก โอเล็ก บล็อกคิน, เซอร์เก เรบรอฟ หรือ อังเดร เชฟเชนโก้ แต่ทว่ากับชื่อของ อนาโตลี่ ติโมชุค คู่ควรต่อการถูกกล่าวขานว่าเป็นยอดตำนานของทีมได้เหมือนกันจากการเป็นเจ้าของสถิติลงสนามรับใช้ทีมชาติมากที่สุดตลอดกาลด้วยจำนวน 144 นัด 

โดยเจ้าตัวลงรับใช้บ้านเกิดครั้งแรกเมื่อปี 2000 หรือตั้งแต่วัยเพียง 20 ปี ก่อนที่จะลากยาวลงเล่นไปถึงปี 2016 ก็ประกาศอำลาทีมชาติไป จากสถิติ 144 นัดที่เขาจารึกไว้ นับจนถึงตอนนี้ยังไม่มีแข้งคนไหนทำตัวเลขไปใกล้เคียงได้เลย ถ้านับเฉพาะนักเตะที่ยังค้าแข้งอยู่ก็คงจะเป็น อังเดร โมเลนโก้ ที่ลงสนามไปแล้ว 106 นัด แต่ทว่าก็ยังดูห่างไกลอยู่ดี

ส่วนในทัวร์นาเมนต์ใหญ่ๆ ติโมชุค ผ่านการลงเล่นมาแล้วทั้ง ฟุตบอลโลก และศึกยูโร ปีที่น่าจดจำที่สุดคงเป็นเมื่อบอลโลก 2006 ที่ยูเครนผ่านเข้าไปถึงรอบ 8 ทีมสุดท้าย ก่อนไปพ่ายให้กับอิตาลี 3-0 หยุดเส้นทางไว้เพียงเท่านั้น

ฉะนั้นแล้วกับชื่อเสียง และผลงานของเขาไม่แปลกถ้าจะกล่าวยกย่องว่าเป็นหนึ่งในนักเตะระดับตำนานของทีมชาติ แม้จะไม่มีรางวัลความสำเร็จเป็นเครื่องการันตี แต่ความทุ่มเทมาตลอด 16 ปี คือตัวเลขที่บ่งบอกถึงความยิ่งใหญ่ในครั้งนี้เป็นอย่างดี

อนาโตลี ติโมชุก : จากตำนาน สู่คนไร้เกียรติยศในบ้านเกิด

สู่คนไร้เกียรติยศ

อย่างที่เราทราบกันถึงสถานการณ์ในประเทศยูเครนที่กำลังถูกกองกำลังทหารของรัสเซียรุกรานอย่างหนัก จนมีผู้เสียชีวิตมากมายหลายพันคน ทำให้แข้งชาวยูเครนมากมายออกมาคอลเอาท์เรียกร้องความสันติให้กับบ้านเกิดของตัวเอง เหล่านักเตะ หรือสต๊าฟฟ์ที่ทำงานอยู่ในรัสเซียต่างประกาศแสดงจุดยืนจะไม่ร่วมงานกับทีมในแดนหมีขาวอีกแล้ว

แต่ทว่ากับดราม่าล่าสุดสมาคมลูกหนังยูเครนเตรียมที่จะล้างประวัติของ อนาโตลี่ ติโมชุค ทั้งหมด เนื่องด้วยอดีตกัปตันทีมชาติยูเครนรายนี้ไม่ได้ออกมาคอลเอาท์ และเพิกเฉยต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แถมยังคงทำงานกับ เซนิตฯ ทีมในรัสเซียอยู่ตามเดิมในบทบาทผู้ช่วยโค้ช

ซึ่งสิ่งที่สมาคมลูกหนังยูเครนจะทำคือปรับสถิติการลงเล่นของ ติโมชุค เป็น 0 พร้อมกับริบทุกแชมป์ที่เคยคว้ามาได้กับทีมในยูเครนอย่าง ชัคตาร์ โดเน็ตส์ค ทั้งหมด รวมไปถึงจะถอนใบอนุญาตการเป็นโค้ชระดับโปร ไลเซ่นส์ ที่ทางสมาคมออกให้ และสุดท้ายคือยึดรางวัลเกียรติยศทั้งหมดที่รัฐเป็นคนออกให้ 

ซึ่งการกระทำในครั้งนี้บางกลุ่มก็ออกมาวิจารณ์ว่าไม่เห็นด้วยเพราะเป็นสิทธิส่วนบุคคลว่าจะออกมาคอลเอาท์หรือไม่ แต่ทว่ากับบางกลุ่มมองว่า ติโมชุค เป็นถึงนักเตะระดับตำนานของชาติควรที่จะออกมาแสดงจุดยืน และทำเพื่อชาติบ้านเกิดมากกว่านี้

สุดท้ายเหตุการณ์นี้จะจบลงอย่างไร ติโมชุค ที่ได้ชื่อว่าเป็นนักเตะระดับขึ้นหิ้งของยูเครน กำลังจะไร้เกียรติยศไม่เหลือสักความสำเร็จเลยหรือไม่ อีกไม่นานเรื่องนี้คงจะได้บทสรุปที่กระจ่างมากกว่านี้

- Paolinho -

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมของ ขอบสนาม
logoline