logo-heading

ไม่แปลกที่ในปัจจุบันเหล่าโค้ชยอดฝีมือต่างจะมีค่าเหนื่อยในการทำงานที่สูงมากยิ่งขึ้น เพราะมันก็ไม่ต่างอะไรจากงานอื่นๆ ที่เมื่อคุณเก่งมากพอ ก็ย่อมได้ผลตอบแทนที่คุ้มค่า

ว่าแล้ว ขอบสนาม ของเราในวันนี้จะพายลโฉม 10 กุนซือที่ค่าเหนื่อยสูงที่สุดในยุคปัจจุบัน ซึ่งในลิสต์นี้จะมีใครบ้าง ไปติดตามกันได้เลย

10.) ซิโมเน่ อินซากี้ (อินเตอร์ มิลาน) 
ค่าเหนื่อย : 620,000 ยูโร/เดือน (23 ล้านบาท)

นายใหญ่วัย 45 ปี ที่ได้โอกาสคุมทีมใหญ่อย่าง อินเตอร์ มิลาน ในฤดูกาลนี้ ภายหลังแจ้งเกิดในเส้นทางกุนซือกับ ลาซิโอ อดีตต้นสังกัดสมัยเป็นนักเตะ ซึ่งกับทัพ "อินทรีฟ้าขาว" เจ้าตัวซิวแชมป์มาครองได้ถึง 3 โทรฟี่ ประกอบไปด้วย โคปา อิตาเลีย 1 สมัย กับ ซูปเปอร์โคปา อิตาเลีย อีก 2 สมัย

ส่วนการโยกมาคุมทัพ อินเตอร์ ก็จัดการสอยแชมป์อย่าง ซูปเปอร์โคปา อิตาเลีย มาครองได้แล้ว 1 ครั้ง สถานการณ์ตอนนี้ทัพ "งูใหญ่" ยังคงอยู่ในเส้นทางป้องกันแชมป์เซเรีย อา รวมไปถึงในบอลถ้วยอย่า โคปา อิตาเลีย 

แน่นอนด้วยอายุที่ยังไม่เยอะ บวกกับการสะสมประสบการณ์ในระดับสูงมาแล้ว ชื่อของ ซิโมเน่ อินซากี้  ถือว่าน่าสนใจมากเลยทีเดียวสำหรับเส้นทางสายนี้สำหรับการเติบโตคว้าความสำเร็จในอนาคต
 

ยลโฉม 10 กุนซือค่าจ้างแพงที่สุดในยุคนี้

9.) ยูเลี่ยน นาเกิ้ลส์มันน์ (บาเยิร์น มิวนิค)
ค่าเหนื่อย : 660,000 ยูโร/เดือน (24.4 ล้านบาท)

กุนซือวัยรุ่นที่ก้าวสู้เส้นทางงานโค้ชตั้งแต่อายุยังไม่ถึง 30 ปี กับ ฮอฟเฟ่นไฮม์ ก่อนย้ายไปสร้างผลงานที่ยอดเยี่ยมกับ แอลเบ ไลป์ซิก ปัจจุบันในวัย 34 ปี ได้โยกมารับงานกับ บาเยิร์น มิวนิค ทีมหัวแถวของเยอรมัน ซึ่งในทีมนักเตะบางคนอายุมากกว่าเขาด้วยซ้ำ แต่นั้นไม่ใช่ปัญหา เพราะทัพ "เสือใต้" ยังคงมีผลงานที่ไฉไลไม่น้อย

ซึ่งตัวเลขค่าเหนื่อยสัปดาห์ละ 660,000 ยูโร ถือว่าเจ้าตัวรับมากที่สุดในเมืองเบียร์ขณะนี้ แต่ก็อย่างว่านายใหญ่มีฝีมือระดับนี้ถือว่าสมน้ำสมเนื้อแม้อายุไม่เยอะ แต่วัดกันที่ผลงานแบบเพียวๆ

ปัจจุบันทัพ "เสือใต้" ยังคงอยู่ในเส้นทางลุ้นแชมป์สำคัญๆ ทั้ง แชมเปี้ยนส์ลีก ที่รอพบกับ บียาร์เรอัล ในรอบ 8 ทีมสุดท้าย ส่วนในศึกบุนเดสลีกา ก็นำเป็นจ่าฝูงด้วยการมีแต้มทิ้งห่างอันดับ 2 อย่าง ดอร์ทมุนด์ อยู่ถึง 6 คะแนน ด้วยกัน ฉะนั้นแล้วนี่คืออีกหนึ่งกุนซือรุ่นใหม่ชาวเยอรมันที่น่าจับตาไม่น้อยว่าจะพัฒนาตัวเองไปได้มากขนาดไหนในวงการกุนซือ

8.) โชเซ่ มูรินโญ่ (โรม่า) 
ค่าเหนื่อย : 770,000 ยูโร/เดือน (28.5 ล้านบาท)

หนึ่งในโค้ชที่โคตรเก๋าของวงการผ่านประสบการณ์คุมทีมมาอย่างโชกโชน และแน่นอนว่าแม้เวลาจะผ่านมาขนาดไหนชื่อของ โชเซ่ มูรินโญ่ ยังคงขายได้ และเป็นที่ต้องการของสื่อ และแฟนบอลอยู่เสมอที่อยากจะเกาะติด และติดตามชีวิตกุนซือของเขา

แม้หลายคนจะบอกว่า "น้ามู" ในวัย 59 ปี จะเริ่มหมดมุขแล้วกับการคุมทีม โดนคู่แข่งจับทางได้หมดเพราะด้วยแท็คติกในรูปแบบเดิมๆ พวกกับความสำเร็จที่ไม่ได้สัมผัสโทรฟี่แชมป์อีกเลยนับตั้งแต่พา แมนฯ ยูไนเต็ด เถลิงบัลลังก์ยูโรปา ลีก เมื่อปี 2017 จากนั้นกราฟชีวิตลูกหนังก็ดูจะตกลงเรื่อยๆ ถูกไล่ออกจากทัพ "ปีศาจแดง" ล้มเหลวกับ สเปอร์ส ก่อนมารับงานคุมทัพ โรม่า ในตอนนี้

และกับตัวเลขค่าเหนื่อย 770,000 ยูโรต่อเดือนถือว่ามากเป็นอันดับ 2 ของลีก ส่วนผลงานในขวบปีแรกกับการหวนไปทำงานในอิตาลีอีกครั้งคือภารกิจพาทัพ "หมาป่า" กลับไปลุยถ้วย แชมเปี้ยนส์ลีก อีกครั้ง ซึ่งตอนนี้รั้งอันดับ 5 ของตาราง ส่วนในบอลถ้วยอย่าง คอนเฟอเรนซ์ลีก ก็กรุยทางเข้ารอบ 8 ทีมไปดวลกับ โบโด้ กลิมท์ ถือว่ามีโอกาสไม่น้อยที่เขาจะกลับมาได้คว้าแชมป์ได้อีกครั้ง

7.) คาร์โล อันเชล็อตติ (เรอัล มาดริด) 
ค่าเหนื่อย : 910,000 ยูโร/เดือน (33.7 ล้านบาท)

หวนกลับมารับงานคุมทัพ เรอัล มาดริด อีกครั้งเมื่อช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา ภายหลังเคยทำงานที่ เบร์นาเบว มาแล้วครั้งหนึ่งเมื่อช่วงระหว่างปี 2013-2015 ซึ่งคราวนั้นเจ้าตัวสอยแชมป์ได้ทุกรายการ ยกเว้นแค่เพียงลาลีกา สเปน ฉะนั้นแล้วโอกาสครั้งนี้ก็ไม่ต่างอะไรกับการแก้มือ ซึ่งก็มีโอกาสไม่น้อยที่จะสอยโทรฟี่มาเชยชม

ชื่อของ "อันเช่" ผ่านประสบการณ์มาอย่างโชกโชน โดยเฉพาะในบ้านเกิดอย่างอิตาลีทั้ง ปาร์ม่า, ยูเวนตุส, เอซี มิลาน หรือ นาโปลี พร้อมกับการสัมผัสแชมป์ในทุกที่ๆ ได้ไปทำงานด้วย

และกับความท้าทายในฤดูกาลปัจจุบันทัพ "ราชันชุดขาว" ยังอยู่ในเส้นทางทั้งลุ้นแชมป์ลีก รวมไปถึงถ้วยใหญ่อย่าง แชมเปี้ยนส์ลีก ที่โคจรมาพบกับ เชลซี อดีตทีมของ อันเชล็อตติ ในรอบ 8 ทีมสุดท้าย ส่วนก่อนหน้านี้เขาพาทีมสอยแชมป์ สแปนิชซูเปอร์คัพ มาครองได้แล้ว 1 ใบ

ยลโฉม 10 กุนซือค่าจ้างแพงที่สุดในยุคนี้

6.) เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ (ปารีส แซงต์-แชร์กแมง) 
ค่าเหนื่อย : 1.1 ล้านยูโร/เดือน (40 ล้านบาท)

หนึ่งในกุนซือที่ได้รับการพูดถึงเป็นอย่างมากในช่วงเดือนที่ผ่านมาจากผลงานของ เปแอสเช ที่กระท่อนกระแท่นจนกระทั่งหลุดวงโคจรของศึก แชมเปี้ยนส์ลีก ไปอีกฤดูกาลด้วยน้ำมือของ เรอัล มาดริด หยุดเส้นทางไว้เพียงแค่รอบ 16 ทีมสุดท้ายเท่านั้น

ซึ่งจากสถานการณ์ในตอนนี้ต้องยอมรับว่ามีโอกาสสูงมากๆ ที่ "พอช" จะโดนตะเพิดออกจากตำแหน่ง เพราะด้วยจำนวนเงินค่าเหนื่อย ขุมกำลัง และทรัพยากรในทีม ผลงานที่ออกมามันควรที่จะดีกว่านี้ ไม่เว้นแต่ในลีกแม้จะนำโด่งเป็นจ่าฝูง แต่ถ้ามองลึกลงไปในรายละเอียดจะพบว่ามันไม่ค่อยสวยงามเท่าไหร่ ต้องไล่ตามตีเสมอท้ายเกม หรือกว่าจะชนะได้ก็แทบลากไส้

ฉะนั้นแล้วกับค่าจ้างที่สูงถึงเดือนละเกิน 1 ล้านยูโร บวกกับกับความคาดหวังที่สูง แต่ภาพที่ออกมามันสวนทาง ทางออกเดียวที่จะเกิดขึ้นในตอนนี้คือการแยกทางกันเพียงเท่านั้น

5.) มัสซิมิเลียโน่ อัลเลกรี (ยูเวนตุส) 
ค่าเหนื่อย : 1.17 ล้านยูโร/เดือน (43.4 ล้านบาท)

อีกหนึ่งนายใหญ่ที่หวนกลับมารับงานในรังเก่าอีกครั้ง การเข้ามาคุมทัพ ยูเวนตุส ของ อัลเลกรี ในครั้งนี้ก็เพื่อภารกิจในการพาทัพม้าลายกลับขึ้นไปอยู่บนหัวแถวของลีก รวมไปถึงในฟุตบอลยุโรป

แต่ทว่าด้วยสถานการณ์ที่เกิดขึ้นช่วงแรกอาจไม่ค่อยโสภามากเท่าไหร่นัก แต่พออะไรหลายๆ อย่างมันเริ่มดีขึ้น รวมไปถึงมีการเสริมทัพที่ตรงจุดจึงทำให้ ยูเวนตุส กลายเป็นทีมที่น่าจับตามองขึ้นมาอีกครั้ง สถานะในปัจจุบันพวกเขาคือการไต่อันดับไปเล่นศึก แชมเปี้ยนส์ลีก ในฤดูกาลหน้าให้ได้ ส่วนความสำเร็จยังอยู่ในเส้นทางในรายการ โคปา อิตาเลีย รอดวลกับ ฟิออเรนติน่า ในรอบรองชนะเลิศ

แน่นอนว่าชื่อของ อัลเลกรี เรื่องของประสบการณ์คงไม่ต้องสาธยายอะไรให้มากความ โทรฟี่แชมป์กับ ยูเวนตุส เมื่อครั้งแรก รวมไปถึง เอซี มิลาน การันตีความยอดเยี่ยมได้เป็นอย่างดี

ยลโฉม 10 กุนซือค่าจ้างแพงที่สุดในยุคนี้

4.) อันโตนิโอ คอนเต้ (ท็อตแน่ม ฮอตสเปอร์) 
ค่าเหนื่อย :  1.49 ล้าน/ต่อเดือน (55.2 ล้านบาท)

ยอดกุนซือชาวอิตาลีผู้ประสบความสำเร็จในเส้นทางงานโค้ชมาอย่างมากมายไล่มาตั้งแต่ ยูเวนตุส, เชลซี หรือล่าสุดกับแชมป์เซเรีย อา กับ อินเตอร์ มิลาน ก่อนที่จะว่างงานไปสักพักหนึ่งภายหลังแยกทางกับทัพ "งูใหญ่" หลังจบฤดูกาลก่อน สาเหตุก็มาจากการไม่ค่อยลงรอยกับบอร์ดบริหารของทีม แม้จะพาทีมกลับมาคว้าแชมป์ได้อีกครั้ง

ปัจจุบันเจ้าตัวกลับไปทำงานที่อังกฤษอีกครั้งโดยเป็น สเปอร์ส ที่ได้ตัวไป ซึ่งผลงาน ณ ปัจจุบันของทัพ "ไก่เดือยทอง" ก็ต้องยอมรับว่ายังไม่ค่อยนิ่งมากเท่าไหร่นัก ยังไม่อาจคาดหวังผลการแข่งขันได้มากเท่าไหร่นัก

ซึ่งการเข้ามารับงานกลางฤดูกาลก็เพื่อยกระดับทัพ "ไก่เดือยทอง" ให้สูงขึ้น รวมไปถึงไต่ระดับขึ้นไปยึดพื้นที่ท็อปโฟร์ให้ได้ และด้วยชื่อเสียงที่สะสมมากไม่แปลกที่ค่าเหนื่อยของเขาจะมากที่สุดของเกาะอังกฤษเป็นอันดับ 3 

3.) เจอร์เก้น คล็อปป์ (ลิเวอร์พูล) 
ค่าเหนื่อย : 1.49 ล้านยูโร/เดือน (55.2 ล้านบาท)

บุคคลสำคัญของ ลิเวอร์พูล ในยุคนี้ที่สามารถสร้างความยิ่งใหญ่ให้กับทีมจากถิ่นแอนฟิลด์ด้วยการกวาดมาแล้วทั้งแชมป์ แชมเปี้ยนส์ลีก และพรีเมียร์ลีก พร้อมผลงานในสนามที่ดุดัน สไตล์การเล่นที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว

คล็อปป์ เข้ามารับงานคุมทัพ "หงส์แดง" เมื่อช่วงปี 2015 ก่อนที่จะค่อยๆ สร้างทีมในแนวทางของตัวเอง ไม่ได้เน้นไปที่นักเตะที่ชื่อเสียงโด่งดังมากนัก แต่ต้องการนักเตะที่สามารถเข้าสไตล์กับฟุตบอลของเขาได้ ไม่แปลกที่เราจะเห็นนักเตะอย่าง ซาดิโอ มาเน่, โม ซาลาห์ หรือฟูลแบ็ค 2 ข้าง อย่าง เทรนท์ และ โรเบิร์ตสัน แจ้งเกิดได้อย่างเต็มตัว

ซึ่งเมื่อผลงานความสำเร็จคือมาตรวัด ตัวเลขค่าเหนื่อยในระดับเกือบๆ 1.5 ล้านยูโรต่อเดือนนั้นมันไม่ได้มากจนเกินไปเลย กับสิ่งที่ ลิเวอร์พูล ได้จากมันสมองของกุนซือรายนี้

2.) เป๊ป กวาร์ดิโอล่า (แมนเชสเตอร์ ซิตี้) 
ค่าเหนื่อย : 1.89 ล้านยูโร/เดือน (70 ล้านบาท)

กุนซือผู้ได้รับค่าเหนื่อยมากที่สุดในอังกฤษ แต่ยังไม่ได้มากที่สุดในโลกลูกหนังยุคปัจจุบัน แน่นอนว่าฝีมือของ เป๊ป คงไม่มีใครตั้งคำถามให้มากมาย โทรฟี่แชมป์เรียงรายเต็มไปหมดตั้งแต่สมัยคุม บาร์เซโลน่า, บาเยิร์น เรื่อยจนมาถึง แมนฯ ซิตี้

สไตล์การเล่นดุดันชัดเจน ฟุตบอลที่กับพื้นที่จ่ายบอลเคาะตามช่อง ก่อนลงเอยด้วยการทำประตู นี่คือสิ่งที่เราเห็นมาตลอดไม่ว่านายใหญ่รายนี้จะไปนั่งแท่นบัญชาเกมที่ไหน

แต่ทว่าด้วยห้วงเวลาตอนนี้เชื่อว่าสิ่งที่ เป๊ป ถวิลหามากที่สุดคงหนีไม่พ้นถ้วย แชมเปี้ยนส์ลีก เพราะครั้งสุดท้ายที่เขาเอื้อมมือไปสัมผัสคือฤดูกาล 2010-11 จากนั้นก็ไม่เคยอีกเลย เต็มที่คือกรุยทางเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศแต่ก็ต้องอกหักไป และกับซีซั่นนี้พวกเขาอยู่ในเส้นทางอีกครั้ง โดยรอบ 8 ทีมสุดท้ายจะโคจรไปพบกับ แอต.มาดริด 

ส่วนความสำเร็จอื่นๆ "เรือใบสีฟ้า" ยังคงมีโอกาสสร้างตำนานทริปเปิ้ลแชมป์ทั้ง พรีเมียร์ลีก, แชมเปี้ยนส์ลีก และ เอฟเอ คัพ เช่นเดียวกันเพื่อตามรอบเพื่อนบ้านอย่าง แมนฯ ยูไนเต็ด ที่ทำไว้เมื่อปี 1999

ยลโฉม 10 กุนซือค่าจ้างแพงที่สุดในยุคนี้

1.) ดิเอโก้ ซิเมโอเน่ (แอตเลติโก มาดริด) 
ค่าเหนื่อย : 3.3 ล้านยูโร/เดือน (122.4 ล้านบาท)

ถือว่าเซอร์ไพรส์ไม่น้อยที่ "เอล โชโล่" เข้ามาติดโผในอันดับที่ 1 แถมตัวเลขค่าเหนื่อยมากถึง 3.3 ล้านยูโรต่อเดือน มากกว่าอันดับ 2 อย่าง เป๊ป ถึงเท่าตัว แต่เมื่อไปไล่เรียงดูจะพบว่าเจ้าตัวเซ็นเพิ่งขยายสัญญาคุมทัพ "ตราหมี" ไปเมื่อช่วงกลางปีที่ผ่านมานี่เอง โดยเซ็นกันไปจนกระทั่งถึงปี 2024 นู้นเลย

ผลงานของ ซิเมโอเน่ กับ แอต.มาดริด ต้องบอกว่าตลอด 10 ปีที่ผ่านมาเจ้าตัวปรับเปลี่ยนทีมนี้ไปมากพอสมควร และสามารถคาดหวังความสำเร็จได้ในทุกฤดูกาล อีกทั้งยังเบียด 2 ยักษ์ใหญ่อย่าง เรอัล มาดริด หรือ บาร์เซโลน่า ในการคว้าแชมป์ลาลีกา มาครองได้ 2 สมัยอีกด้วย

ส่วนเรื่องความสำเร็จอื่นๆ ที่เชิดหน้าได้ก็อย่างเช่นแชมป์ยูโรปาลีก 2 สมัย รวมไปถึงแชมป์ ซูปเปอร์ คัพ 2 สมัย, โกปา เดล เรย์ 1 ครั้ง และ สแปนิช คัพ อีก 1 สมัย

ซึ่งด้วยความเคยเป็นอดีตนักเตะของทีมทำให้เขามีสายเลือกของสโมสรไม่ใช่น้อย และจนกระทั่งถึงตรงนี้ก็ยังไม่เห็นวี่แววว่าทั้ง 2 ฝั่งจะมีการแยกทางกัน ไม่แน่อาจจะเป็นกุนซืออีกคนที่ได้คุมทีมแบบยาวๆ  พร้อมสร้างประวัติศาสตร์โกยความสำเร็จให้สโมสรไปเรื่อยๆ

- Paolinho -

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมของ ขอบสนาม
logoline