10 ยอดแข้งอกหัก นอนดู เวิลด์ คัพ อยู่บ้าน

แต่ว่าทีมที่ผิดหวัง ก็น้ำตานอง เนื่องจากต้องพลาดไปเล่น มหกรรมลูกหนังที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก โดยมีสตาร์ชื่อดังหลายๆคน จะหมดสิทธิ์ไปโชว์ฝีเท้า ในศึก เวิลด์ คัพ 2022 ครั้งนี้ ฉะนั้นท็อปเทน จะมาเสมอตอน 10 ยอดแข้งอกหัก นอนดู เวิลด์ คัพ อยู่บ้าน

10. วิคเตอร์ โอซิมเฮน (ไนจีเรีย)

วิคเตอร์ โอซิมเฮน คือดาวยิงที่ต้องจับตาดูให้ดีในตลาดซื้อ-ขายนักเตะ ช่วงซัมเมอร์นี้ เพราะเขากลายเป็นหัวหอกเนื้อหอม หลังย้ายมาล่าตาข่ายให้กับ นาโปลี เมื่อซีซั่นที่ผ่านมา โดย กัลโช่ เซเรีย อา อิตาลี ซีซั่นนี้ กดไปแล้ว 11 ประตู จากการลงสนามแค่ 21 นัด

ทำให้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และ อาร์เซน่อล ต้องการได้ตัวนักเตะรายนี้มาร่วมทีม แต่นั่นไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะ นาโปลี ตั้งค่าหัวไว้สูงถึง 100 ล้านยูโร ซึ่งมันก็แสดงให้เห็นได้ดีเลยว่า ทัพ อัซซูร่า ประเมินฝีเท้านักเตะรายนี้ไว้สูงเพียงใด

อย่างไรก็ตาม ในนามทีมชาติ วิคเตอร์ โอซิมเฮน ไม่สามารถพา ไนจีเรีย ผ่านไปเล่น ฟุตบอลโลก 2022 หลังแพ้ให้กับ กาน่า ซึ่งหลังจบเกมแฟนบอล "อินทรีมรกต" นับหมื่นก่อจลาจลในสนาม เพราะรับไม่ได้ที่บ้านเกิด ไม่ได้ไป เวิลด์ คัพ เนื่องจาก 3 ครั้งก่อนหน้านี้ พวกเขามีส่วนร่วมทั้งหมด

9. หลุยส์ ดิอาซ (โคลอมเบีย)

เชื่อว่าภาพความทรงจำของทีมชาติโคลอมเบีย ทุกคนต้องนึกถึง ฟุตบอลโลก 2014 อย่างแน่นอน เพราะในปีนั้น พวกเขาเป็นม้ามืด ทำผลงานได้สุดตื่งกระดิ่งแมว โดยเฉพาะ ฮาเมส โรดริเกซ ที่แจ้งเกิดจากทัวร์นาเมนต์นี้อย่างเต็มตัว

ช่วงหลัง ฮาเมส อาจจะหลุดจากวงโคจร ฟอร์มดรอปลงไปเยอะ ไม่ได้สังกัดอยู่ทีมใหญ่ แต่ก็ยังมีหลายคนที่เติบโตก้าวขึ้นมาเป็นตัวหลักของทีม อย่างเช่น หลุยส์ ดิอาส ปีกตัวจี๊ด ที่กำลังฉายแววให้แฟนบอลทั่วโลกได้เห็นเป็นขวัญตา หลังย้ายจาก เอฟซี ปอร์โต้ มาอยู่กับ ลิเวอร์พูล ชนิดที่ไม่ต้องใช้เวลาปรับตัว

อย่างไรก็ตาม ในเวที ฟุตบอลโลก 2022 พวกเราจะไม่ได้เห็น โคลอมเบีย ที่เคยเป็นม้ามืดอีกแล้ว จะไม่ได้เห็น ดิอาซ ไปวาดลวดลายกระชากหนีคู่แข่ง หรือ จ่ายบอลแบบ "No Look pass" เพราะ โคลอมเบีย ไปตกม้าตาย จบเพียงอันดับ 6 ของรอบคัดเลือก โซนอเมริกาใต้ แต่ โคลอมเบีย ไม่ได้มีแค่ ฮาเมส หรือ หลุยส์ ดิอาซ เท่านั้นนะครับ ยังรวมถึง ดาวิด ออสปิน่า, เยอร์รี่ มิน่า และ ดาวิซอน ซานเชซ เป็นต้น

8. ฮาคาน ชาลฮาโนกลู (ตุรกี)

การแข่งขัน ฟุตบอลโลก 2022 รอบเพลย์ออฟ หนนี้ หนึ่งในชาติที่ต้องอกหักผิดหวัง ก็คือ ทีมชาติตุรกี ซึ่งมีนักเตะหลายๆคนค้าแข้งบน 5 ลีกใหญ่ยุโรป ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือ ฮาคาน ชาลฮาโนกลู กัปตันทัพ ไก่งวง จากสโมสร อินเตอร์ มิลาน 

ฮาคาน ชาลฮาโนกลู เป็นนักเตะที่มีจุดเด่นในเรื่องการยิงฟรีคิก ตั้งเตะลูกนิ่ง เป็นกำลังหลังของทีม ในการลุ้นตั๋วไป ฟุตบอลโลก แต่กระนั้นความหวังมันก็ยากมากขึ้น เนื่องจากจับสลากมาเจอกับ โปรตุเกส 

สุดท้าย ตุรกี ต้านไม่ไหว แพ้ให้กับ โปรตุเกส ไป 1-3 ทั้งๆที่พวกเขามีโอกาสไล่ตามตีเสมอ 2-2 เหมือนกัน แต่ทว่า บูรัค ยิลมาซ ยิงจุดโทษไม่เข้า ทำให้ ตุรกี จอดป้ายแค่รอบเพลย์ออฟ และ นับตั้งแต่ที่เคยได้อันดับ 3 ฟุตบอลโลก 2002 จากนั้น 5 ครั้งหลังสุด นับรวมปัจจุบัน ทัพ ไก่งวง ก็ไม่เคยสัมผัสเวที เวิลด์ คัพ อีกเลย

7. จอร์จินโญ่ (อิตาลี)

"ปี 2021 ไม่มีใครได้แชมป์มากกว่าผมอีกแล้ว" นี่คือประโยคเด็ดจากปากของ จอร์จินโญ่ กองกลางทีมชาติอิตาลี ของ เชลซี หลังจากคว้าแชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ต่อด้วยแชมป์ ยูโร 2020 พร้อมกับผงาดคว้ารางวัลนักเตะยอดเยี่ยมแห่งปี ของ ยูฟ่า ไปครอง โดยตอนนั้นมีการถกประเด็นด้วยว่า จอร์จินโญ่ มีดีพอซิว บัลลง ดอร์ หรือไม่

จอร์จินโญ่ ยังเดินหน้าคว้าแชมป์กับ เชลซี ทั้ง ยูฟ่า ซูเปอร์ คัพ และ สโมสรโลก ถึงแม้จะไม่ได้ บัลลง ดอร์ แบบที่หวัง ก็ตาม แต่ถึงกระนั้นกับทีมชาติอิตาลี กลับต่างกันราว ฟ้ากับเหว เขาไม่สามารถต่อยอดได้ อีกทั้งยอมรับด้วยว่าเขาเป็นสาเหตุที่ทำให้ อัซซูรี่ ไม่ได้ ฟุตบอลโลก 2022 

เนื่องจาก จอร์จินโญ่ เป็นคนพลาดจุดโทษถึง 2 ครั้ง ในนัดเจอกับ สวิตเซอร์แลนด์ เพราะถ้ามันเปลี่ยนเป็นประตู ป่านนี้ อิตาลี นอนตีพุงคว้าตั๋วไป เวิลด์ คัพ ที่ กาตาร์ ได้แล้ว แต่ในเมื่อพลาดพลั้ง ก็ต้องจ่ายด้วยราคาแพง ตกมาเล่นรอบเพลย์ออฟ และ ช็อคโลกแพ้ มาซิโดเนียเหนือ

6. อเล็กซิส ซานเชซ (ชิลี)

อเล็กซิส ซานเชซ ชื่อนี้การันตีเรื่องฝีเท้า ผ่านการค้าแข้งมากับทั้ง บาร์เซโลน่า, อาร์เซน่อล และ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มาแล้ว ถึงแม้ช่วงหลังฟอร์มจะดรอปลงไป แต่กระนั้นเขาก็ยังสังกัดอยู่กับทีมยักษ์ใหญ่อย่าง อินเตอร์ มิลาน

ต่อให้ฟอร์มกับสโมสรจะย่ำแย่ขนาดไหน แต่กับทีมชาติชิลี อเล็กซิส ถือว่าเป็นคนสำคัญ เป็นคนที่ขับเคลื่อนความสำเร็จให้กับ ชิลี อยู่ตลอด ก่อนหน้านี้ก็เคยเป็นแชมป์ โคปา อเมริกา 2 สมัย เมื่อปี 2015 กับ 2016 ยัดเยียดความผิดหวังให้กับ ลิโอเนล เมสซี่ และ อาร์เจนติน่า ก่อนหน้านี้ แต่ด้วยอายุอานามที่เยอะมากขึ้น อเล็กซิส ไม่อาจแบกความหวังไว้บนบ่าได้เพียงคนเดียว

ส่วนใหญ่ตัวหลักของ ชิลี เข้าสู่วัย 30+ หมดแล้ว โดยนอกจาก อเล็กซิส ยังมี อาร์ตูโร่ วิดัล, เอดูอาร์โด้ วาร์กัส หรือ แกรี่ เมเดล เป็นต้น ก็ไม่สามารถแบกทีมได้เหมือนกัน โดย ฟุตบอลโลก 2022 รอบคัดเลือก โซนอเมริกาใต้ ผลงานแย่มาก ชิลี ชนะแค่ 5 นัด จาก 18 เกม จบแค่อันดับ 7 ไม่ได้ไปรอบสุดท้าย ที่ประเทศกาตาร์ กลายเป็นว่า ชิลี พลาด เวิลด์ คัพ 2 สมัยติดต่อกัน

5. จานลุยจิ ดอนนารุมม่า (อิตาลี)

จานลุยจิ ดอนนารุมม่า ดีกรีรางวัล MVP ของศึก ยูโร 2020 หลังเป็นฮีโร่ เซฟจุดโทษ พาทีมชาติอิตาลี เอาชนะ ทีมชาติอังกฤษ คว้าแชมป์มาครองได้สำเร็จ เป็นการนำทัพ อัซซูรี่ คืนสู่ความยิ่งใหญ่อีกครั้ง เพราะหลังจากซิวโทรฟี่ เวิลด์ คัพ 2006 ก็ไม่ได้อะไรติดมือมาอีกเลย

ด้วยฟอร์มโหดแบบนั้น พร้อมกับสถิติไม่แพ้ใครมา 37 นัดรวด ใครจะเชื่อล่ะครับว่า อิตาลี จะมาตกม้าตาย ไม่ได้ไป เวิลด์ คัพ 2022 แบบอัตโนมัติ เพราะช่วงท้ายๆรอบคัดเลือก ดันไปเสมอซะเยอะ ทำให้ร่วงมาเล่นรอบ เพลย์ออฟ มีโอกาสไปชิงดำกับ โปรตุเกส แต่เกิดเรื่องช็อคโลกเสียก่อน เมื่อทัพ อัซซูรี่ แพ้คาบ้านให้กับทีมรองบ่อนอย่าง มาซิโดเนียเหนือ แบบเหลือเชื่อ 0-1

จริงๆแล้ว อิตาลี มีนักเตะชั้นยอดมากมาย แต่ในตำแหน่งผู้รักษาประตู จานลุยจิ ดอนนารุมม่า คือนายทวารตัวท็อป แค่ไม่กี่คน ที่ต้องนอนเหงาอยู่บ้าน ไม่ได้ไปเล่น ฟุตบอลโลก ครั้งนี้ โดยตลอดทัวร์นาเมนต์ ฟุตบอลโลก รอบคัดเลือก ยันรอบเพลย์ออฟ จีโจ้ เสียไปแค่ 3 ประตู เท่านั้น แต่การเสียแค่ 1 ตุง ที่เจอ มาซิโดเนียเหนือ มันไม่สามารถหักล้าง หรือ เอามาพูดถึงได้เลย เพราะภาพจำ เวิลด์ คัพ 2022 จะไม่มีชื่อทีมชาติอิตาลี ร่วมอยู่ด้วย

4. ริยาด มาห์เรซ (แอลจีเรีย)

ทีมชาติแอลจีเรีย ถือว่าเป็นทีมที่อุดมไปด้วยนักเตะชั้นยอด ช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ก็สามารถคว้าแชมป์ แอฟริกัน เนชั่นส์ คัพ ปี 2019 มาครองได้ ซึ่งหนึ่งในคนที่เป็นหัวใจเกมรุกของทีม ก็หนีไม่พ้น ริยาด มาห์เรซ ปีกตัวจี๊ดแห่งค่าย แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 

มาห์เรซ ดำรงตำแหน่งเป็นกัปตันทีมชาติแอลจีเรีย พาบ้านเกิดเข้ามาเป็นอันดับ 1 ของกลุ่ม เอ ในการแข่งขัน ฟุตบอลโลก 2022 รอบคัดเลือก รอบ 2 โซนแอฟริกา โดยแข่ง 6 นัด ชนะ 4 นัด เสมอ 2 นัด ไม่แพ้ใครเลย ถือว่าเป็นฟอร์มที่ยอดเยี่ยมมากๆ

แต่แล้วผลงาน แอลจีเรีย ออกลายแกว่งให้เห็น ตั้งแต่กระเด็นตกรอบศึกชิงแชมป์กาฬทวีป ครั้งล่าสุด ทั้งที่มีศักดิ์เป็นแชมป์เก่า และ เหมือนว่าพวกเขายังเมาหมัด เพราะในนัดชิงตั๋วไป ฟุตบอลโลก 2022 ต่อให้พวกเขาจะบุกไปเอาชนะ แอลจีเรีย มาก่อน 1-0 แต่ทว่านัด 2 ดันแพ้ 0-1 ในเวลา 90 นาที ทำให้ต้องไปต่อเวลาพิเศษอีก 30 นาที

สุดท้ายเรื่องช็อคเกิดขึ้น เมื่อ แอลจีเรีย โดนทาง แคเมอรูน ยิงนาที 120+4 หลังจากตีเสมอ 1-1 ได้ไม่นาน กลายเป็นแพ้ด้วยกฎอเวย์โกล กระเด็นตกรอบ พลาดไป ฟุตบอลโลก 2022 อย่างเหลือเชื่อ นั่นหมายความว่า มาห์เรซ ก็จะพลาดไปวาดลวดลายบนเวที เวิลด์ คัพ แน่นอน

3. เออร์ลิ่ง ฮาแลนด์ (นอร์เวย์)

ครั้งสุดท้ายที่ทีมชาตินอร์เวย์ ไปเล่น ฟุตบอลโลก จำกันได้ไหมครับ อาจต้องปัดฝุ่นนิดหน่อย เพราะนานถึง 24 ปี นั่นก็คือ เวิลด์ คัพ 1998 ซึ่งยุคนั้นก็นำทัพโดย โอเล่ กุนนาร์ โซลชา, รอนนี่ ยอห์นเซ่น, เฮนนิ่ง เบิร์ก 3 ประสานจาก แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และ ทอเร่ อังเดร โฟล อดีตกองหน้าจาก เชลซี เป็นต้น

แต่หลังจาก ฟุตบอลโลก 1998 และ ยูโร 2000 นอร์เวย์ ก็ไม่สามารถผ่านรอบคัดเลือก ไปเล่นทัวร์นาเมนต์ใหญ่ได้อีกเลย กระทั่งมาถึงปัจจุบัน ยุคเด็กนรกแตกที่จะเป็นตัวความหวังพา นอร์เวย์ หวนคืนสู่เวทีระดับนานาชาติได้อีกครั้ง ด้วยการนำของ เออร์ลิ่ง ฮาแลนด์ และ มาร์ติน โอเดการ์ด

โดยเฉพาะ ฮาแลนด์ เขาจะเป็นตัวความหวังของ นอร์เวย์ นับจากนี้ หลังยกระดับขึ้นมาเป็นยอดดาวยิงแห่งยุโรป เหล่าทีมยักษ์ใหญ่แย่งตัวอยากได้ลายเซ็นไปล่าตาข่าย เพราะฟอร์มกับ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ทำได้เกินต้านมากๆ ซึ่ง 3 ฤดูกาลหลัง ยิงไป 80 ประตู จาก 82 นัดทุกรายการ บอกเลยว่า "สุดติ่งกระดิ่งแมว"

อย่างไรก็ตาม การเก่งคนเดียวยังไม่เพียงพอ เพราะถึงแม้ ฮาแลนด์ จะยิงได้ 5 ประตู ใน ฟุตบอลโลก 2022 รอบเพลย์ออฟ โซนยุโรป แต่ก็ไม่สามารถพา นอร์เวย์ ผ่านเข้ารอบแบบอัตโนมัติ หรือ รอบเพลย์ออฟได้ กระนั้นอายุอานามแค่ 21 ปี เขายังมีเวลาอีกมาก ที่จะพา นอร์เวย์ กลับมาทวงศักดิ์ศรีได้อีกครั้ง

2. ซลาตัน อิบราฮิโมวิช (สวีเดน)

จริงๆแล้ว ซลาตัน อิบราฮิโมวิช ประกาศอำลาทีมชาติสวีเดน ไปตั้งแต่ตกรอบแบ่งกลุ่ม ยูโร 2016 ชนิดที่ชนะใครไม่เป็น ในวันที่ทัพ ไวกิ้ง ผ่านไปถึง รอบ 8 ทีมสุดท้าย ฟุตบอลโลก 2018 เขาก็ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องแต่อย่างใด ซึ่งก็คงไม่มีใครคาดคิดว่าเขาจะกลับมารับใช้ชาติอีกแล้ว และ คงมุ่งเน้นแค่ผลงานกับสโมสรเท่านั้น

อย่างไรก็ตาม ซลาตัน ในวัยใกล้ 40 ปี เขายังคงยอดเยี่ยมไม่เปลี่ยนแปลง การย้ายมาอยู่กับ เอซี มิลาน เมื่อราวๆ 2 ปีก่อน ได้แสดงให้เห็นว่าศักยภาพของเขา ยังโลดแล่นในเวทีระดับสูงได้แบบสบายๆ ยิงประตูสำคัญจนพา ปีศาจแดง-ดำ กลับไปเล่น ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก อีกครั้ง นั่นแหละครับเป็นเหตุผลที่ทาง สวีเดน เรียกร้องให้ อิบราโมวิช กลับไปช่วยทีม เพื่อลุย ยูโร 2020

น่าเสียดาย เมื่อถึงทัวร์นาเมนต์ ยูโร 2020 เมื่อช่วงกลางปีที่ผ่านมา เทพอิบรา ต้องเข้ารับการผ่าตัดบริเวณหัวเข่า ทำให้ต้องถอนตัวออกจากทีม โดยหวังว่าให้เขาเรียกความฟิตกลับมา เพื่อช่วย สวีเดน ไป ฟุตบอลโลก 2022 ให้ได้ แต่ด้วยความฟิตที่ไม่เต็ม 100 เปอร์เซ็นต์ และ ต้องไปตัดกับ โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ ของ โปแลนด์ สุดท้าย สวีเดน ก็พ่ายแพ้ไป ไม่ได้เห็น ซลาตัน บนเวที เวิลด์ คัพ อีกแล้ว

1. โมฮาเหม็ด ซาลาห์ (อียิปต์)

แค่ความผิดหวังเพียงหนึ่งครั้ง ก็แทบทำลายให้หัวใจต้องบอบช้ำอยู่แล้ว ยิ่งมาเจอความผิดหวังถึง 2 หน ภายในเวลาแค่ 2 เดือน คุณคิดดูว่า มันจะบั่นทอนชีวิตมากขนาดไหน โดยเฉพาะนักเตะอย่าง โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ตัวความหวังแห่งทีมชาติอียิปต์

ย้อนกลับไปช่วงราวๆต้นเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา อียิปต์ ต้องผิดหวังจากการเป็นแชมป์ทวีปแอฟริกา หลังจากพ่ายจุดโทษให้กับ เซเนกัล ในรอบชิงชนะเลิศ ถึงแม้จะผิดหวังเจียนตาย แต่อย่างน้อยทัพ มัมมี่ ยังมองโลกในแง่ดี เพราะยังมีโอกาสแก้มือกับ เซเนกัล ในการชิงตั๋วไป ฟุตบอลโลก 2022 ประเทศกาตาร์

อย่างไรก็ตาม ความผิดหวังก็ถาโถมใส่ ซาลาห์ และ อียิปต์ อีกครั้ง เนื่องจากพวกเขาก็พ่ายจุดโทษอีกครั้งให้กับ เซเนกัล หลังจากผลสกอร์ 2 นัดรวมกัน เสมอกันที่ 1-1 ซึ่งในวันชิงแชมป์ แอฟริกัน เนชั่นส์ มีการวิจารณ์ว่าทำไมไม่ให้ บังโม มายิงคนแรกๆ เพราะวันนั้นทัพ มัมมี่ วางให้ ซาลาห์ เป็นคนสุดท้าย แต่ไปไม่ถึง ทีมแพ้ไปเสียก่อน

คราวนี้ในนัดชิงตั๋ว เวิลด์ คัพ ทาง อียิปต์ วาง ซาลาห์ มายิงจุดโทษคนแรกเลย แต่ไม่รู้เพราะเลเซอร์ส่องตาจะมีผลหรือเปล่า เพราะเขาซัดพลาดไม่เข้าประตู และ เป็นที่มาทำให้ทีมแพ้ทันที กลายเป็นว่า เวิลด์ คัพ ปลายปีนี้ จะไม่เห็น บังโม ในทัวร์นาเมนต์ ซึ่งเขาเปรยๆเรื่องอำลาทีมชาติด้วย