logo-heading

เพราะสถานการณ์อึดอัดสุดๆ และ มีจังหวะจวนเจียนจะเสียประตูตีเสมอด้วย แต่สุดท้ายก็เอาตัวรอดไปได้ 

ชัยชนะนัดนี้ ทำให้ ลิเวอร์พูล เจอความหนาวอยู่แปบนึง หลังขึ้นเป็นจ่าฝูงชั่วคราว แต่ก็โดน แมนเชสเตอร์ ซิตี้ แซงหน้ากลับไป ต้องลุ้นกันนัดหน้าในศึกชิงอันดับ 1 โดยนอกจากนี้ประเด็นเกมที่ หงส์แดง เอาชนะ แตนอาละวาด จะมีอะไรเพิ่มเติม ไปติดตามกันได้เลยครับ

- โชต้า จอมโขก

ถึงกับต้องไปเปิดดูความสูงของ ดิโอโก้ โชต้า เลยครับ หลังจากพี่แกกระโดดโหม่งตัดหน้า เบน ฟอสเตอร์ ผู้รักษาประตู วัตฟอร์ด ทำประตูขึ้นนำ 1-0 ให้กับ ลิเวอร์พูล ซึ่งไม่น่าเชื่อว่า ชายเจ้าของความสูง 178 เซนติเมตร จะใช้ลูกหัวได้ดีมากเพียงนี้

จากการโขกของ ดิโอโก้ โชต้า ทำให้เขาเป็นนักเตะที่ใช้หัวทำประตูได้มากที่สุด บนเวที พรีเมียร์ลีก อังกฤษ นับตั้งแต่ลงเปิดซิงกับ ลิเวอร์พูล เมื่อ 2 ปีก่อน เป็นจำนวนทั้งสิ้น 7 ประตู เทียบเท่ากับ คริสเตียน เบนเตเก้ 

นอกจากนี้ 1 ตุง ที่ดาวเตะทีมชาติโปรตุเกส ทำได้นั้น ส่งให้ โชต้า ขยับขึ้นมาเป็นรองดาวซัลโวของ พรีเมียร์ลีก อังกฤษ โดยทำไปแล้ว 14 ประตู ขาดอีกเพียงแค่ 3 ลูกเท่านั้น จะเทียบเท่ากับสถิติสูงสุดของตัวเอง ที่เคยทำไว้กับ วูล์ฟแฮมป์ตัน วันเดอร์เรอร์ส 17 ประตู เมื่อซีซั่น 2017-18 แต่ตอนนั้น หมาป่า เล่นอยู่ในศึก เดอะ แชมเปี้ยนชิพ

- ผลงานของ โมฮาเหม็ด ซาลาห์

ในเกมที่ หงส์แดง เจอกับ แตนอาละวาด นั้น นักเตะที่อยากจะเห็นฟอร์มมากที่สุด ก็คือ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ นี่แหละครับ ว่าเขาจะมีสภาพจิตใจเป็นอย่างไร จะมีอะไรกระทบต่อผลงานในสนามบ้างหรือเปล่า หลังจากต้องชอกช้ำที่ทีมชาติอียิปต์ แพ้จุดโทษ เซเนกัล พลาดตั๋วไปเล่น ฟุตบอลโลก 2022 ประเทศกาตาร์

ซาลาห์ แสดงความเป็นมืออาชีพ ด้วยการคุยกับ เจอร์เก้น คล็อปป์ ก่อนเกมว่า "ผมพร้อมครับบอส" ก่อนจะได้ลงสนามเป็น 11 ผู้เล่นตัวจริง อย่างไรก็ตาม ผลงานของ บังโม ในวันนี้ ถือว่าต่ำกว่ามาตรฐาน ถึงแม้ครี่งแรกจะมีโอกาสได้ส่องหลายครั้ง แต่ไม่สามารถปรับเปลี่ยนเป็นประตูได้เลย ยิงนกตกปลาไปเยอะ

ยิ่งครึ่งหลัง บทบาทของ ซาลาห์ น้อยลงมาก โดยพยายามจะใช้ความเร็วเพื่อเอาชนะ ฮัสซาน กามาร่า ฟูลแบ็ก วัตฟอร์ด แต่ก็ไม่ผ่านอยู่ดี ก่อนจะถูกเปลี่ยนตัวออกจากสนามในนาทีที่ 69 โดยเรตติ้งจาก "ลิเวอร์พูล เอ็คโค่" สื่อท้องถิ่น ให้คะแนน ซาลาห์ เกมนี้แค่ 5 เท่านั้น นับว่าน้อยมาก เชื่อเถอะว่าสภาพจิตใจก็มีส่วนเกี่ยวข้อง แต่กระนั้นเครดิตก็ต้องให้ผู้เล่น แตนอาละวาด ด้วย ที่ตามประกบ บังโม จนทำอะไรได้ไม่ถนัด

ส่วน ซาดิโอ มาเน่ เผื่อมีคนถามว่าทำไมไม่ได้ลงตัวจริง เป็นเพราะ พ่อณเดชน์ เพิ่งเดินทางกลับมารายงานตัวกับสโมสร ได้ไม่นาน โดยมาช้ากว่า ซาลาห์ อยู่ 1 วัน และ นั่นคือเหตุผลว่าทำไม ซาลาห์ ได้ลง 11 คนแรก ส่วน มาเน่ มีชื่อเป็นแค่สำรอง

- อลิสซอน ฮีโร่ และ ฟาบินโญ่ ผู้ยิงปิดกล่อง

หากใครได้ดูแต่ผลสกอร์ ก็คงคิดว่า ลิเวอร์พูล เอาชนะ วัตฟอร์ด ได้สบายๆ แถมยังเก็บคลีนชีตได้ด้วย แต่เปล่าเลย ต้องใช้คำว่า "เป่าปาก" มากกว่า สำหรับสาวก เดอะ ค็อป เพราะต่อให้จะมีโอกาสเข้าทำเยอะ แต่ยิงทิ้งยิงขว้าง หนำซ้ำโดน แตนอาละวาด สวนกลับแบบเจ็บๆได้หลายหน

โดยเฉพาะช็อตที่ ยูราย คุชก้า หลุดเดี่ยว มีโอกาสเข้าไปดวลกับ อลิสซอน ในกรอบเขตโทษ แต่ก็เป็น พ่อหมีแห่งแอนฟิลด์ (อีกแล้ว) ที่โชว์เซฟสำคัญให้กับ ลิเวอร์พูล และ จังหวะต่อเนื่องที่เขาป้องกันประตูได้นั้น ส่งผลให้ หงส์แดง สวนกลับมา ก่อนจะเป็น โจ โกเมซ สวมวิญญาณ เทรนท์ อาร์โนลด์ เปิดจากด้านข้างแอสซิสต์อย่างงามให้กับ โชต้า ทำประตู

ส่วนช่วงท้ายเกม ที่ ลิเวอร์พูล ยังนำแค่ 1-0 สถานการณ์กดดันอย่างหนัก ถ้าโดนตีเสมอขึ้นมา บอกเลยว่า "งานหยาบสุดๆ" เนื่องจากความพยายามทำประตูที่ 2 ยังไม่สัมฤทธิ์ผลสักที กระทั่ง หงส์แดง มาได้จุดโทษแบบงงๆ เมื่อ VAR ส่งสัญญาณมาที่ผู้ตัดสิน ว่า โชต้า โดนดึงล้มลงในกรอบเขตโทษ 

ก่อนจะเป็น ฟาบินโญ่ รับหน้าที่สังหาร เพราะ บังโม โดนเปลี่ยนตัวออกไปแล้ว สุดท้าย หมอปลา ซัดไม่พลาด ยิงปิดกล่องให้ ลิเวอร์พูล เอาชนะ วัตฟอร์ด 2-0 โดยสถิติการยิงจุดโทษของ ฟาบินโญ่ บอกเลยว่าเฉียบคมมาก 19 ครั้งหลังสุด เข้าทั้ง 19 ครั้ง

- โอกาสรอดตกชั้นของ วัตฟอร์ด

ว่ากันตามตรง การพ่ายแพ้ของ วัตฟอร์ด ในนัดนี้ ส่งผลให้โอกาสรอดตกชั้น เหลือน้อยนิดมากเหลือเกิน เพราะพวกเขาลงแข่งไปแล้ว 30 นัด มีเพียง 22 คะแนน เท่านั้น ถึงแม้จะตามหลัง เอฟเวอร์ตัน โซนปลอดภัยอยู่แค่ 3 แต้ม ก็จริง แต่กระนั้น แตนอาละวาด แข่งมากกว่าถึง 3 นัด

อย่างไรก็ตามผลงานของ วัตฟอร์ด เกมที่เจอกับ ลิเวอร์พูล ถือว่าดูดีมีชาติกตระกูลเลยครับ ต่อให้โอกาสเข้าทำจะไม่เยอะมากนัก แต่ได้น้ำได้เนื้อเหลือเกิน เรียกว่าการชิ่งตามช่อง ทำลายแนรวรับ หงส์แดง ได้เหมือน

โดยเฉพาะจังหวะที่ อิสไมล่า ซาร์ บรรจงเคาะเน้นๆให้กับ เจา เปโดร ได้กดเต็มเท้าขวา บอลพุ่งเฉียดเสาไปนิดเดียวเท่านั้น ซึ่งมันควรเป็นประตูตีเสมอแบบสุดๆแต่ก็พลาดไป รวมถึงจังหวะหลุดไปในกรอบเขตโทษของ ยูราย คุชก้า ด้วย แต่ไปยิงติด อลิสซอน เบ็คเกอร์

ซึ่งถ้าหาก วัตฟอร์ด ต้องการจะรอดตกชั้น พวกเขาต้องปรับความเฉียบคมให้มันมากกว่านี้ เมื่อไหร่ที่มีโอกาส ต้องเปลี่ยนเป็นสกอร์ให้ได้ โดย 2 เกมต่อจากนี้ จะเป็นตัวชี้วัดเลยว่า พวกเขาจะได้อยู่โลดแล่นบนเวที พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ต่อไปอีกหรือไม่ เพราะจะได้เล่นในบ้าน 2 นัดติด เจอกับ ลีดส์ ยูไนเต็ด และ เบรนท์ฟอร์ด ซึ่งไม่ใช่คู่แข่งยักษ์ใหญ่

- ลิเวอร์พูล ขึ้นนำจ่าฝูงชั่วคราวเกือบๆ 1 ชั่วโมง

ด้วยความที่ ลิเวอร์พูล ลงเตะก่อน แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ทำให้มีโอกาสแซงขึ้นเป็นจ่าฝูงชั่วคราว ถ้าหากเอาชนะ วัตฟอร์ด ซึ่งขุนพล หงส์แดง ก็ทำได้สำเร็จ ขยับขึ้นไปเป็นอันดับ 1 ด้วยการขยับเป็น 72 คะแนน ก่อนจะโดน เรือใบสีฟ้า กลับมายึดพื้นที่ได้อีกครั้ง หลังบุกไปตบ เบิร์นลี่ย์ ตามคาด

อย่างไรก็ตาม การขึ้นจ่าฝูงชั่วคราวของ ลิเวอร์พูล ราวๆ 1 ชั่วโมง  มันทำให้เห็นถึงวิวัฒนาการที่ก้าวกระโดด เพราะย้อนกลับไปช่วงมกราคม หงส์แดง ต้องไล่ตามหลัง แมนฯ ซิตี้ มากถึง 14 คะแนน แต่ตอนนี้ไล่จี้มาเหลือเพียงแค่ 1 แต้ม เท่านั้น ซึ่งการนำเป็นอันดับ 1 ชั่วคราาวนั้น เป็นการขึ้นจ่าฝูงครั้งแรก ตั้งแต่เดือนธันวาคม ใครจะเชื่อล่ะว่า ลิเวอร์พูล จะทำแต้มไล่ทัน

หมายความว่า พรีเมียร์ลีก อังกฤษ นัดต่อไป 10 เมษายน ที่ แมนฯ ซิตี้ จะเปิดบ้านเจอกับ ลิเวอร์พูล จะเป็นวันที่แฟนทั่วโลกของทั้ง 2 ทีมรอคอย เพราะมันจะเป็นการแย่งชิงอำนาจว่าสโมสรใดจะเป็นจ่าฝูงตัวจริง ไม่มีคำว่าชั่วคราวอีกแล้ว มารอดูกันว่าจะเป็น เรือใบสีฟ้า ของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า หรือ หงส์แดง ภายใต้การคุมทีม เจอร์เก้น คล็อปป์

ฮาย ฮาวดี้-
 

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมของ ขอบสนาม
logoline