logo-heading

เพราะครึ่งแรกเป็นอะไรที่กดดันและอึดอัดสุดๆ เพราะต่อให้ครองบอลอยู่ฝ่ายเดียว แต่โอกาสจบสกอร์แบบเหน่งๆมีน้อยมาก

กระทั่งการเปลี่ยนตัวของ เจอร์เก้น คล็อปป์ และ การลงมาของ ดิว็อค โอริกี้ แค่ 2 นาที ก็เห็นผลทันตา เอาเป็นว่าความสนุกครบรสของ เมอร์ซี่ย์ไซด์ ดาร์บี้ ครั้งนี้ จะมีอะไรเกิดขึ้นบ้าง ไปติดตามกันครับ

- ความเดือดสมกับเป็น เมอร์ซี่ย์ไซด์ ดาร์บี้

ถึงแม้สถานะตอนนี้ ระหว่าง ลิเวอร์พูล กับ เอฟเวอร์ตัน จะแตกต่างกันราวฟ้ากับเหว โดยอีกทีมต้องการ 3 คะแนน เพื่อลุ้นแชมป์ ส่วนอีกสโมสร ต้องการแต้มเพื่อหนีตาย แต่กระนั้นขึ้นชื่อว่าเป็น เมอร์ซี่ย์ไซด์ ดาร์บี้ รับประกันความเดือด, ความเผ็ด, ความมันส์ ในระดับ 5 ดาว

ถึงแม้ หงส์แดง จะครองบอลอยู่ฝ่ายเดียว มากกว่า 80 เปอร์เซ็นต์เลยด้วยซ้ำ ส่วน เอฟเวอร์ตัน ลงไปแพ็คกันแน่น ขอเล่นบทเป็น "ผู้รับที่ดี" แต่กระนั้นพอถึงช็อตปะทะ เรียกว่าไฝว้กันหนักหน่วงมาก ทุกคนพร้อมตะลุมบอนกันตลอดเวลา ประหนึ่งว่าเพิ่งดูหนัง โฟร์คิง มาหมาดๆ โดยเฉพาะ ริชาร์ลิซอน นี่เป็นตัวเอ้ของทางฝั่ง เอฟเวอร์ตัน เลยครับ เรียกว่าร่างกายต้องการปะทะ

จากการดู เมอร์ซี่ย์ไซด์ ดาร์บี้ ขอเรียนตามตรงว่า สนุก และ มันส์ มากกว่า แดงเดือด หลายเท่า ไม่เป็นการด้อยค่า ศึก เร้ด วอร์ นะครับ แต่เกมที่ หงส์แดง เปิดบ้านเอาชนะ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 4-0 เหมือนสนุกอยู่ฝั่งเดียว ราวกับว่า ปีศาจแดง ไม่ได้พกใจมาด้วย ผิดกับ เอฟเวอร์ตัน ที่วิ่งสู้ฟัดทุกจังหวะ ทาง ลิเวอร์พูล เอง ก็พร้อมเดือดเหมือนกัน เหมือนจังหวะที่ ซาดิโอ มาเน่ มีเอามือไปผลักหน้า เมสัน โฮลเกต จนโดนใบเหลือง คือไม่ยอมให้โดนกระทำอยู่ฝ่ายเดียว

อีกทั้งประเด็นหลังจบเกม ก็เดือดไม่แพ้กันครับ โดย แฟร้งค์ แลมพาร์ด ก็ให้สัมภาษณ์เรื่องที่ทีมไม่ได้จุดโทษ เช่นกันกับ แอนโธนี่ กอร์ดอน แนวรุกดาวรุ่งของ ทอฟฟี่สีน้ำเงิน ก็โพสต์คลิปเรื่องที่ตัวเองโดนเบียดล้มลงในกรอบ แต่ผู้ตัดสินไม่ได้เป่าฟาวล์ แต่ทางฝั่ง ลิเวอร์พูล ไม่แคร์เลยครับ แค่แช่งให้เพื่อนบ้านหลังสวน ตกชั้นไปเล่น เดอะ แชมเปี้ยนชิพ

- อภินิหารของ มหาเทพโอริกี้

เจอร์เก้น คล็อปป์ มองเห็นแล้วว่า ถ้าขืนปล่อยเกมไปแบบนี้ ก็มีแต่จะอึดอัด ยังไม่มีวี่แววว่าจะเจาะแนวรับ เอฟเวอร์ตัน ไปได้เลย จึงตัดสินใจเปลี่ยนตัวสำรองถึง 2 คน ในนาทีที่ 60 โดยถอด นาบี เกอิต้า กับ ซาดิโอ มาเน่ ออกจากสนาม พร้อมส่ง หลุยส์ ดิอาซ กับ ดิว็อค โอริกี้ ลงไปแทน เรียกว่าตอนนั้น หงส์แดง มีแนวรุกถึง 4 คน เพราะยังมี ดิโอโก้ โชต้า กับ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ประจำการอยู่ โดยต้องการทำประตูให้ได้ เนื่องจากเสมอก็เหมือนแพ้ และ ทำให้การลุ้นแชมป์ยากขึ้นไปอีก

กระนั้นแค่เปลี่ยน มหาเทพโอริกี้ ลงมาอยู่ในสนามไม่ถึง 2 นาที เขาก็ได้แสดงอภินิหารให้แฟนบอลได้เห็นเป็นขวัญตาทันที หลังมีส่วนร่วมช่วยให้ ลิเวอร์พูล ได้ประตูขึ้นนำ จากการทำชิ่งคืนบอลให้กับ โม ซาลาห์ เปิดย้อยข้ามกองหลัง เอฟเวอร์ตัน ไปให้กับ แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน โขกย้อนทาง จอร์แดน พิคฟอร์ด เข้าไป

แต่เดี๋ยวก่อนครับ อิทธิฤทธิ์ของ โอริกี้ ไม่ใช่ลงสนามมา โลกก็เปลี่ยนเลยนะครับ เพราะเจ้าตัวเป็นคนโขกประตูปิดกล่องให้ ลิเวอร์พูล ปิดจ็อบเชือด เอฟเวอร์ตัน ซึ่งประตูที่ 2 มันมาจากตัวสำรองทั้งหมด เริ่มด้วย จอร์แดน เฮนเดอร์สัน ที่ถูกส่งลงมาคนสุดท้าย เปิดโด่งเข้าไปในกรอบเขตโทษ ให้กับ ดิอาซ โชว์ลีลากระโดดจักรยานฟาดแอสซิสต์ให้กับ เทพกี้ โขกแบบเหน่งๆเข้าไป

แน่นอนต้องให้เครดิตกับ คล็อปป์ ในการเปลี่ยนตัวสำรองลงสนามมา และ มีผลต่อทีมทันที แต่ไฮไลท์พุ่งเป้าไปที่ โอริกี้ เลยครับ เพราะชั่วโมงนี้หมดยุค สาธุ 99 แล้ว ต้องเปลี่ยนมาเป็นสาธุ 27 ดีกว่า ซึ่งเป็นหมายเลขเสื้อของ ดิว็อค โอริกี้ .. พร้อมกับเพิ่มสถิติเป็นนักเตะ หงส์แด ชุดนี้ ที่ยิงใส่ เอฟเวอร์ตัน ได้มากสุดถึง 6 ประตู

- เอฟเวอร์ตัน ส่อแววตกชั้น

จากความสุ่มเสี่ยง ตอนนี้กลายเป็นว่า เอฟเวอร์ตัน มีโอกาสสูงเลยล่ะครับ ที่จะตกชั้นจาก พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ลงไปเล่น เดอะ แชมเปี้ยนชิพ เพราะหล่นไปอยู่โซนสีแดงเป็นครั้งแรก รั้งอยู่อันดับ 18 หลังจาก เบิร์นลี่ย์ เปิดบ้านเอาชนะ วูล์ฟแฮมป์ตัน วันเดอเรอร์ส 1-0 แซงหน้าขึ้นไป 1 อันดับ

เอฟเวอร์ตัน ในมือของ แฟร้งค์ แลมพาร์ด กำลังเข้าขั้นวิกฤติจริงๆ โดยเฉพาะเกมเยือน เพราะตั้งแต่เข้ามารับเผือกร้อน เพื่อหวังพาทีมหนีตาย แต่กลายเป็นว่าหนักกว่าเดิม เนื่องจาก แลมพาร์ด ยังไม่เคยพา ทอฟฟี่สีน้ำเงิน ชนะเกมเยือนได้เลย บุกไปแพ้คู่แข่งมา 6 นัดรวด เป็นผลงานที่แย่ที่สุดในประวัติศาสตร์สโมสร

ข้อดีข้อเดียวของ เอฟเวอร์ตัน ที่ยังพอมีโอกาสโผล่พ้นน้ำขึ้นมาหายใจ นั่นก็คือพวกเขายังลงแข่งน้อยกว่า เบิร์นลี่ย์ อยู่ 1 นัด โดยขณะนี้มีแต้มตามหลังอยู่ 2 คะแนน หมายความว่าถ้าคว้า 3 แต้ม นัดเก็บตก ก็ยังมีโอกาสรอดตกชั้น อย่างไรก็ตาม โปรแกรมนัดหน้าของ ทอฟฟี่สีน้ำเงิน แข็งโป้ก เพราะจะเปิดบ้านเจอกับ เชลซี .. ลองคิดดูซิว่าถ้าแพ้อีก แล้วทาง เบิร์นลี่ย์ บุกไปเอาชนะ วัตฟอร์ด ได้ล่ะก็ อาจจะโบกมือลา เอฟเวอร์ตัน จากเวที พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ได้เหมือนกัน

ซึ่งสถิติของ เอฟเวอร์ตัน พวกเขาเคยตกชั้นจากลีกสูงสุดแค่ 2 ครั้ง เท่านั้น โดยครั้งสุดท้ายเกิดขึ้นเมื่อซีซั่น 1950-51 โดยใช้เวลา 3 ซีซั่น กว่าจะเลื่อนชั้นกลับมา ซึ่งหลังจากนั้นพวกเขาก็ไม่เคยหล่นไปเล่นลีกรองอีกเลย นั่นหมายความว่า นับตั้งแต่เปลี่ยนชื่อมาเป็น พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ทอฟฟี่สีน้ำเงิน ก็ไม่เคยไปเล่นลีกรอง ทว่าซีซั่นนี้ก็ไม่แน่แล้วล่ะครับ 

- ไฮไลท์แย่งซีนของ อลิสซอน เบ็คเกอร์

ตลอด 90 นาที อลิสซอน เบ็คเกอร์ ผู้รักษาประตู ลิเวอร์พูล แทบไม่ต้องออกแรง จะมีลุ้นแค่ไม่กี่จังหวะเท่านั้น เพราะ ลิเวอร์พูล ครองเกมอยู่ฝ่ายเดียว ส่วน เอฟเวอร์ตัน นานๆจะมีเกมโต้กลับ หรือ ขึ้นเกมรุกให้ได้มีหวาดเสียวกันบ้าง

อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ อลิสซอน จะไม่มีงานให้ต้องทำมากนัก พร้อมกับเก็บคลีนชีตที่ 19 ไว้ได้ แต่กระนั้นช่วงทดเวลาบาดเจ็บ เขาเรียกเสียงเฮและเสียงฮาไปทั่วทั้งแอนฟิลด์ หลังแย่งซีนด้วยการทำท่าทางล้อเลียน จอร์แดน พิคฟอร์ด นายทวาร เอฟเวอร์ตัน 

โดยหลังจาก พ่อหมีแห่งแอนฟิลด์ รับลูกยิง ริชาร์ลิซอน แบบติดมือ ก่อนจะค่อยๆเดิน แล้วทิ้งตัวลงพื้น เพื่อฆ่าเวลาให้หมดไป ซึ่งเป็นการเอาคืน พิคฟอร์ด ที่เคยทำเอาไว้ ตอนถ่วงเวลาช่วงท้ายครึ่งแรก พูดกันแบบหยาบๆเลยว่า อลิสซอน ก็กวนตีนใช่เล่น กับช็อตๆนี้

ฮาย ฮาวดี้-

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมของ ขอบสนาม
logoline