logo-heading

เนื่องจากมีเรื่องราวมากมายเกิดขึ้นแบบครบรส ทั้งช็อคซีนีม่า ทั้งเซอร์ไพรส์ และ ทั้งความหวัง

ถึงแม้ว่าทุกคนจะทราบกันแล้วว่า เรือใบสีฟ้า คว้าแชมป์มาครองในที่สุด แต่กระนั้น 90 นาที มีประเด็นให้พูดถึงเยอะมากเลยครับ เอาเป็นว่ามีอะไรน่าสนใจเกิดขึ้น จะมาสรุปไทม์ไลน์ให้ฟัง เป็นควันหลังที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้

- สาวก เดอะ ค็อป ช็อค โดน วูล์ฟ ทำเซอร์ไพรส์

ในขณะที่แฟนบอล ลิเวอร์พูล หวังพึ่งใบบุญ แอสตัน วิลล่า ให้หยุด แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เอาไว้ให้ได้ แต่กระนั้นเกิดเรื่้องราวเซอร์ไพรส์ขึ้น เป็นสิ่งที่ไม่มีใครคาดคิด เพราะคงคิดว่า หงส์แดง สามารถตบเอาชนะ วูล์ฟแฮมป์ตัน วันเดอเรอร์ส ได้แบบสบายๆ เนื่องจาก 6 นัดที่พบกันก่อนหน้านี้ ลูกทีม เจอร์เก้น คล็อปป์ ชนะมารัวๆ

อย่างไรก็ตาม เหมือนฟ้าผ่ากลางแอนฟิลด์ ตั้งแต่ 3 นาทีแรก เพราะ วูล์ฟแฮมป์ตัน ทำแสบบุกมาขึ้นนำ หงส์แดง แบบช็อคแฟนบอล โดยเป็นจังหวะที่ ราอูล ฆิมิเนซ ปาดไปเสาสอง ให้กับ เนโต้ วิ่งมายิงผ่านมือ อลิสซอน เบ็คเกอร์ เข้าไป

วินาทีนั้น เล่นเอากองเชียร์ ลิเวอร์พูล ช็อคตาตั้งไปเลย เนื่องจากพวกเขาคงไม่คาดคิดว่า วูล์ฟแฮมป์ตัน จะมายิงขึ้นนำตั้งแต่ไก่โห่ เพราะคิดว่าชนะๆแน่ ซึ่งประตูนี้ของ วูล์ฟแฮมป์ตัน ทำให้สถานการณ์ของ หงส์แดง หนักเป็นสองเท่า โดยนอกจากต้องเชียร์ให้ วิลล่า เอาให้อยู่ ก็ต้องยิงประตูตีเสมอ เพื่อหวังพลิกแซงให้ได้

- ลิเวอร์พูล กลับคืนสู่ความหวัง หลัง มาเน่ ยิงตีเสมอ

ถึงแม้ ลิเวอร์พูล จะต้องเป็นฝ่ายตามหลัง วูล์ฟแฮมป์ตัน แต่สถานการณ์ก็ยังไม่ได้เลวร้ายขนาดนั้น เนื่องด้วย แมนฯ ซิตี้ ก็ยังเจาะ แอสตัน วิลล่า ไม่เข้าเหมือนกัน โดยมีสถิติที่น่าเหลือเชื่อในช่วง 45 นาทีแรกว่า เรือใบสีฟ้า ยิงไม่ตรงกรอบเลยแม้แต่ครั้งเดียว นับว่าเป็นสิ่งที่ไม่ค่อยได้เห็นมากนัก ซึ่งแน่นอนความกดดันก็มีส่วนอย่างยิ่ง

ซึ่งในช่วงที่ ลิเวอร์พูล ตามหลัง พวกเขาก็บุกกระหน่ำเพื่อหวังตีเสมอให้ได้ แต่กระนั้นหลังบ้านก็น่าห่วงเหมือนกัน เพราะเวลา วูล์ฟแฮมป์ตัน ตัดบอลได้ และ ใช้ลูกโต้กลับเร็วทีไร มีได้ลุ้นลูกที่ 2 อยู่ตลอด เนื่องจากนักเตะ หงส์แดง ขึ้นกันมาเกือบทั้งแผง

อย่างไรก็ตาม ลิเวอร์พูล กลับสู่เกมได้สำเร็จ เมื่อ ติอาโก้ อัลคันตาร่า โชว์เทคนิค ไขว้จ่ายบอลให้กับ ซาดิโอ มาเน่ หลุดกับดักล้ำหน้า เข้าไปยิงสวนตัว โชเซ่ ซา เป็นประตู 1-1 ให้กับทีม พร้อมปลุกความหวังลุ้นแชมป์กลับมาอีกครั้ง เพราะอีกคู่ที่ เอติฮัด สเตเดี้ยม ขณะนั้น ก็ยังคงเสมอกันอยู่ 0-0

- เจอร์ราร์ด ปฏิบัติภารกิจเพื่อเหล่า เดอะ ค็อป

ต่อให้ เจอร์ราร์ด จะสัมภาษณ์ว่าเขาไม่ทำเพื่อทีมใดทีมหนึ่ง แต่จะขอพา แอสตัน วิลล่า ทำผลงานให้ดีที่สุด แต่ลึกๆในใจแล้วเชื่อเถอะว่า เขาพร้อมทำทุกวิถีทางเพื่อหยุด เรือใบสีฟ้า และ ส่ง ลิเวอร์พูล เป็นแชมป์ พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ให้จงได้

และแล้ว เสียงแฟนเจ้าบ้านที่ เอติฮัด สเตเดี้ยม ก็เงียบสลัด สวนทางกับเสียงเฮลั่นดังสนั่นที่แอนฟิลด์ เมื่อเรื่องราวเหมือนมีใครเขียนบทขึ้นมา เพราะ แอสตัน วิลล่า ทำเซอร์ไพรส์ บุกมาขึ้นนำ เรือใบสีฟ้า 1-0 นาที 37 โดยเป็นการประสานงานของฟูลแบ็ก 2 ฝั่ง เริ่มจาก ลูกัส ดีญ เปิดจากด้านซ้าย เข้ามาในกรอบเขตโทษให้กับ แม็ตตี้ แคช ขึ้นโหม่งเต็มหัว บอลพุ่งซุกตาข่าย

เป็นสกอร์ที่ช็อค แมนฯ ซิตี้ เช่นกัน เพราะปกติแล้วเวลาพวกเขาเล่นที่บ้านตัวเอง มักจะดาหน้าไล่ถล่มคู่แข่ง ปิดเกมตั้งแต่ 45 นาทีแรก แต่นี่กลับมาเป็นฝ่ายตามหลัง ในนัดสำคัญ เพราะถ้าเสมอ หรือ แพ้ มีโอกาสโดนแซงทันที ซึ่งเวลาแบบเรียลไทม์ตอนนั้น เรือใบสีฟ้า ยังแชมป์อยู่ เนื่องจากคะแนนจะเท่ากัน แต่ลูกได้-เสียพวกเขาดีกว่า กระนั้นโมเมนตั้มมันเอนเอียงมาทางฝั่ง ลิเวอร์พูล มากกว่า โดย หงส์แดง ขอแค่ 1 ลูก ส่วนลูกทีม เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ต้องยิงอีก 2 เพื่อแซงขึ้นนำ

- คูตินโญ่ ยิงช่วยทีมเก่า

ตั้งแต่ผู้ตัดสินเป่านกหวีดเริ่มครึ่งหลัง เชื่อว่าแฟนบอล ลิเวอร์พูล และ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ นั่งเชียร์ฟุตบอลกันแบบเยี่ยวเหนียว โดยทางฝั่ง เดอะ ค็อป ถึงแม้จะรู้ดีว่า เรือใบสีฟ้า กำลังตามหลัง แอสตัน วิลล่า แต่กระนั้นก็ยังไม่มีวี่แววเลยว่า หงส์แดง จะทำประตูเพื่อยิงแซง วูล์ฟแฮมป์ตัน เพราะคู่แข่งตั้งรับกันได้อย่างเหนียวแน่น ซ้ำร้ายแข้ง หมาป่า ก็ครองบอลได้เยอะ และ มีสวนแบบเจ็บๆ จนเจ้าบ้านต้องเป่าปากถอนหายใจไปหลายครั้ง

วินาทีที่ ลิเวอร์พูล กำลังเหนื่อยใจ หลังยังไม่สามารถยิงแซงนำ วูล์ฟแฮมป์ตัน ได้นั้น แต่แล้วสาวก เดอะ ค็อป ก็เฮกันลั่นแอนฟิลด์ เมื่อพวกเขาเช็ค Livescore และ ได้ทราบว่า แอสตัน วิลล่า โคตรจะเซอร์ไพรส์ เมื่อบวกสกอร์เพิ่มใส่ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ แบบที่ไม่มีใครกล้าคิดมาก่อนเลยครับ เมื่อ ฟิลิปเป้ คูตินโญ่ อดีตเพลย์เมกเกอร์ ลิเวอร์พูล ยิงยัดเสาแรกให้กับทีมยิงขึ้นนำ แมนฯ ซิตี้

เรียกว่าสกอร์นี้ แฟนบอล เดอะ ซิตี้เซ่น ถึงขั้นเอามือกุมหัว บ้างก็เอาหน้าฟุบ เพราะการตามหลัง 2 ลูก กับเวลาเหลืออีกแค่ 20 นาที มันสุ่มเสี่ยงที่จะโดน ลิเวอร์พูล แซงมากเหลือเกิน เนื่องจาก หงส์แดง ขออีกแค่ 1 ลูก จะพลิกกลับมาคว้าแชมป์ทันที

ซึ่งตอนนั้น กองเชียร์ ลิเวอร์พูล ในถิ่นแอนฟิลด์ ต่างลุกขึ้นมาส่งเสียง และ กระตุ้นให้นักเตะ รีบทำประตูแซงนำให้ได้ จากความหวังก่อนเริ่มเกมที่มีอยู่ไม่ถึง 20 % แต่เอาแบบเรียลไทม์ตอนนั้น ความคิดเรื่องการคว้า 4 แชมป์ มันพลุ่งพล่านจนฉุดไม่อยู่แล้ว อารมณ์เหมือนว่าคนเขียนบทต้องการให้ หงส์แดง สร้างประวัติศาสตร์ครั้งนี้

- แมนฯ ซิตี้ ปฏิบัติการพลิกนรกฉกแชมป์ ใน 5 นาที

สารภาพตามตรงว่า ด้วยสกอร์แบบเรียลไทม์ตอนนั้น (ลิเวอร์พูล เสมอกับ วูล์ฟ อยู่ 1-1 ส่วน แมนฯ ซิตี้ ตามหลัง แอสตัน วิลล่า ตามหลัง 0-2) หนทางเดียวที่จะหยุดไม่ให้ ลิเวอร์พูล คว้าแชมป์ นั่นก็คือไม่สามารถเอาชนะ วูล์ฟแฮมป์ตัน ได้ เนื่องจากยังไม่มีวี่แววเลยว่า เรือใบสีฟ้า จะกลับมาได้ เหมือนโชคและดวงไม่ได้อยู่ข้างพวกเขา เพราะหาช่องได้ แต่จบสกอร์ไม่ได้

กระทั่ง เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ทิ้งไพ่ใบสุดท้าย ด้วยการส่ง อิลคาย กุนโดกัน ลงมาแทน แบร์นาร์โด้ ซิลวา เพื่อหวังมีตัวสอดเข้าไปอยู่ในกรอบเขตโทษมากกว่าเดิม และ การเปลี่ยน กุนโดกัน นี่แหละครับ พวกเขาได้สร้างภารกิจ ปฏิบัติการพลิกนรก สยบ แอสตัน วิลล่า ภายใน 5 นาที

เริ่มจาก กุนโดกัน เป็นคนจุดความหวัง โขกประตูตีไข่แตกให้กับ แมนฯ ซิตี้ ตีตื้นไล่ วิลล่า มาเป็น 1-2 นาที 76 .. ลูกนั้นทำให้โมเมนตั้มของเกมเปลี่ยนเลยครับ เพราะเดิมทีพลังใจของนักเตะ เรือใบสีฟ้า ดูเหมือนกำลังถดถอย กลับกลายเป็นเติมเชื้อไฟให้มันลุกโชนอีกครั้ง

จากนั้นเรื่องราวโคตรจะดราม่าก็เกิดขึ้น เพราะ 2 นาทีให้หลังจากตีไข่แตก แมนฯ ซิตี้ ก็มายิงประตูตีเสมอได้สำเร็จ จากการยิงไกลของ โรดรี้ ที่ซัดบอลพุ่งเสียบเสาเข้าไปอย่างเฉียบคม จาก 0-2 ตีเสมอเป็น 2-2 ทุกอย่างเข้าทางพวกเขาหมดแล้ว โดยทางฝั่ง ลิเวอร์พูล ก็ยังยิงขึ้นนำ วูล์ฟแฮมป์ตัน ไม่ได้ในตอนนั้น

อย่างไรก็ตาม แมนฯ ซิตี้ ไม่ต้องไปพึ่งจมูกใครหายใจ โดยที่สังเวียน เอติฮัด สเตเดี้ยม แทบจะสั่นสะเทือน ไม่รู้ว่าแรงกี่ริคเตอร์ แต่มันรับรู้ได้เลยว่าพวกเขาบ้าคลั่งกันสุดๆ ทั้ง เป๊ป กวาร์ดิโอล่า, แฟนบอล, สตาฟฟ์ และ นักเตะ เมื่อ กุนโดกัน เป็นตัวโจ๊กเกอร์ ยิงประตูที่ 2 ให้กับตัวเอง พร้อมกับเป็นประตูพา เรือใบสีฟ้า แซงนำ แอสตัน วิลล่า แบบโคตรเดือด 3-2 ซึ่งจบแบบนี้ แมนฯ ซิตี้ จะคว้าแชมป์ทันที ไม่ต้องไปลุ้นคู่ ลิเวอร์พูล ให้มากความอีกแล้ว

ใครจะเชื่อล่ะครับว่า เรือใบสีฟ้า ที่พยายามทำทั้งเกม แต่ทำไม่ได้ จนตกเป็นฝ่ายตามหลัง 0-2 จะกลับมาปฏิบัติการพลิกนรกยิงแซงนำ แอสตัน วิลล่า 3-2 ซึ่งมันแสดงให้เห็นว่าพวกเขาทุ่มเท และ มุ่งมั่นขนาดไหน กับความต้องการคว้าแชมป์ พรีเมียร์ลีก อังกฤษ

- ลิเวอร์พูล แซงนำ วูล์ฟแฮมป์ตัน แต่ไม่ทันแล้ว

นี่อาจเป็นครั้งแรกๆที่ได้เห็น ลิเวอร์พูล ยิงประตูใส่คู่แข่ง แต่ เจอร์เก้น คล็อปป์ ไม่ได้ออกรีแอคชั่นแบบสะใจ เขาเพียงปรบมือเบาๆ พร้อมหันไปสวมกอดกับสตาฟฟ์ และ ลูกทีม เพราะหลังจากที่ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ส่งบอลเข้าไปซุกตาข่าย ขึ้นนำ วูล์ฟแฮมป์ตัน 2-1 จากลูกขลุกขลิกหน้าประตู 

แต่ตอนนั้น คล็อปป์ คงทราบผลการแข่งขันของคู่ แมนฯ ซิตี้ แล้วว่า ได้พลิกกลับมานำ แอสตัน วิลล่า 3-2 เช่นกันกับ เดอะ ค็อป ในถิ่นแอนฟิลด์ ที่ใบหน้าเต็มไปด้วยความกังวล และ ความเสียดาย เพราะทีมรักมาขึ้นนำเมื่อสายไปแล้ว โดยท้ายเกม แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน มายิงปิดกล่องให้ หงส์แดง ชนะ 3-1 

ทว่าก็ไม่มีผลแล้ว เพราะชัยชนะของ ลิเวอร์พูล มันไม่เพียงพอต่อการแซงหน้า แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ทำให้ท้ายที่ลูกทีม เป๊ป กวาร์ดิโอล่า คว้าแชมป์ พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ไปแบบดราม่า จากถ้วยกำลังหลุดลอย แต่เอื้อมมือไปคว้ากลับมาได้ทัน

ส่วน ลิเวอร์พูล พลาดทำภารกิจลุ้น 4 แชมป์ประวัติศาสตร์เรียบร้อย แต่พวกเขาก็สู้เต็มที่แล้ว จากตามหลัง 14 คะแนน แต่พยายามไล่มาจนเหลือ 1 แต้ม เท่านั้น อย่างน้อยๆ เครื่องจักรสีแดง ยังมีลุ้นเกมสำคัญอีก 1 รายการ นั่นคือ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก นัดชิงชนะเลิศ ที่จะพบกับ เรอัล มาดริด ซึ่งตอนนี้คงต้องฮีลหัวใจให้ฟื้นกลับมาเร็วที่สุด และ สิ่งที่น่ากังวลตอนนี้คือต้องเช็คว่า ติอาโก้ อัลคันตาร่า ซึ่งมีอาการบาดเจ็บ จะพร้อมลงเล่นหรือไม่ รวมถึง ฟาบินโญ่ ที่เดี้ยงไปก่อนหน้านี้

ฮาย ฮาวดี้
 

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมของ ขอบสนาม
logoline