ด้วยฟอร์มที่คงเส้นคงวาพวกกับเป็นจิ๊กซอว์สำคัญของเขาทำให้ดาวเตะวัย 22 ปี เติบโตขึ้นมาเป็นเสาหลักของทีมอย่างสมบูรณ์แบบ แม้ในทีมชุดใหญ่ของทัพ "เรือใบสีฟ้า" จะมีแข้งระดับซีเนียร์มากมาย
ว่าแล้ว ขอบสนาม ของเราจะพาไปชมความยอดเยี่ยมของ โฟเด้น ในช่วงฤดูกาลที่ผ่านมาว่าเป็นอย่างไรบ้าง และอนาคตกับการกลายเป็นเสาหลักของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้
ซีซั่นแห่งการพัฒนา
ย้อนกลับไป โฟเด้น ถูกดันขึ้นมาสู่ทีมชุดใหญ่ของ แมนฯ ซิตี้ ครั้งแรกคือเมื่อปี 2017 และเป็นการเปิดซิงในเกมระดับยุโรปอย่างศึก แชมเปี้ยนส์ลีก รอบแบ่งกลุ่มที่พบกับ เฟเยนูร์ด ซึ่งเขาถูกส่งลงสนามในช่วง 15 นาทีสุดท้าย ก่อนที่นั้นจะเป็นใบเบิกทางให้แฟนบอลได้รู้จักเขามากขึ้น และได้โอกาสที่สม่ำเสมอเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
จากนั้นชื่อของ โฟเด้น เริ่มถูกหยิบจับใช้งานลงสนามมากยิ่งขึ้น ซึ่งเขาเองก็คล้ายกับดาวรุ่งส่วนใหญ่คือมีแรงกระหายเพื่อที่อยากจะพิสูจน์ตัวเองว่าดีพอ และสามารถพัฒนาจนก้าวขึ้นมาเป็นตัวเลือกแรกๆ กับทีมชุดใหญ่ได้ ภายหลังผ่านระบบคัดครองของทีมในระดับเยาวชนของสโมสรมาแล้ว
ซึ่งดาวรุ่งรายนี้แสดงให้เห็นแล้วว่าด้วยพรสวรรค์ด้านลูกหนัง บวกกับความพยายามในเรียนรู้ อีกทั้งยังได้ร่วมงานกับรุ่นพี่ระดับโลก และอยู่ภายใต้โอวาทของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า อีก ทำให้องค์ประกอบภายนอกของเขายิ่งส่งเสริมให้ฝีเท้าถูกยกระดับมากขึ้นในทุกๆ ขวบปี
เฉกเช่นเดียวกับฤดูกาล 2021-22 ที่เพิ่งปิดฉากไป ขวบปีที่เราได้เห็นพัฒนาของ โฟเด้น แบบชัดเจน และมีความหลากหลายมากยิ่งขึ้นโดยเฉพาะการถูกขยับปรับไปเล่นบทบาทกองหน้าในรูปแบบของ "ฟอล ไนท์" ซึ่งถือว่าเขาเองก็ตอบโจทย์ และสามารถทำงานตามที่เจ้านายสั่งออกมาได้เป็นอย่างดี ทั้งการเคลื่อนที่ การไปกับบอล หรือจังหวะดวลเดียวกับคู่แข่งไม่มีกลัว และกล้าที่จะตะลุยฝ่าไป
ฉะนั้นแล้วไม่แปลกถ้าจะบอกว่าในซีซั่นที่ผ่านมา โฟเด้น ได้ยกระดับของตัวเองขึ้นมาอีกขั้น และกลายเป็นเสาหลักของทีมอย่างแท้จริงเรียบร้อยแล้ว
สถิติการมีส่วนร่วมกับประตู
ถ้าวัดกันที่ตัวเองการทำประตูแบบเพียวๆ อาจจะลดน้อยไปกว่าเดิม แต่สิ่งที่ทดแทนมาคือการมีส่วนร่วมกับประตู และเกมรุกของทีมที่มากขึ้น ส่งเสริมให้ทีมมีความแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น
ซีซั่นนี้ โฟเด้น ทำประตูในทุกรายการไปทั้งหมด 14 ประตู พ่วงกับอีก 11 แอสซิสต์ จากการลงสนาม 45 นัด ถ้าหยิบยกไปเทียบกับฤดูกาลก่อนเจ้าตัวทำไปได้ 16 ประตู กับ 10 แอสซิสต์ แต่สิ่งที่พัฒนาขึ้นก็อย่างที่บอกว่าเขาก้าวขึ้นมาเป็นกำลังสำคัญในแกนเกมรุกของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
พูดให้พอได้เห็นภาพที่ชัดเจนคือมีความหลากหลายโดยเฉพาะตำแหน่งการเล่น จากสถิติเว็บไซต์ Transfermarkt ระบุว่าซีซั่นที่เพิ่งผ่านพ้นไป โฟเด้น ลงเล่นในบทบาทที่แตกต่างกันมากถึง 5 ตำแหน่ง แบ่งเป็น มิกดฟิลด์ตัวกลาง, เพลย์เมคเกอร์, ปีกซ้าย, ปีกขวา และ กองหน้าตัวเป้า
ซึ่งด้วยความยืดหยุ่นแบบนี้เลยมันเลยกลายเป็นของดีของนักเตะ หนำซ้ำสามารถทำงานของตัวเองได้อย่างยอดเยี่ยม มีส่วนร่วมกับเกม เชื่อว่าด้วยอายุเขาเองยังคงพัฒนาได้อีกมาก และจะกลายเป็นหนึ่งในนักเตะที่ช่วยทีมผลิตประตูได้เป็นกอบเป็นกำได้มากกว่านี้อีกแน่
รางวัลดาวรุ่งยอดเยี่ยม
หนึ่งในเครื่องการันตีความยอดเยี่ยม และผลงานที่โดดเด่นในช่วงฤดูกาลที่ผ่านมานอกจากความสำเร็จในรูปแบบโทรฟี่ของต้นสังกัดแล้ว รางวัลส่วนตัวถือว่ามีคุณค่ากับนักเตะเหมือนกัน
ซึ่งล่าสุด ฟิล โฟเด้น จัดการสอยรางวัล Premier League Young Player of the Season มาครองได้เป็นสมัยที่ 2 ติดต่อกัน ก่อนอื่นต้องบอกก่อนว่ารางวัลนี้จะมอบให้กับนักเตะที่มีอายุไม่เกิน 23 ปี โดยมาจากการโหวตของแฟนบอล รวมไปถึงคณะกรรมการ พรีเมียร์ลีก และก็เป็นอีกครั้งที่ดาวหนูรายนี้ได้ครอบครองรางวัลอันทรงเกียรตินี้
โดยในซีซั่นนี้มีนักเตะดาวรุ่งหลายคนที่เข้ามาติดโผ แต่ผลคะแนนก็ต้องพ่าย โฟเด้น ไป ซึ่งก็ประกอบไปด้วย เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ (ลิเวอร์พูล), คอเนอร์ กัลลาเกอร์ (คริสตัล พาเลซ), ไทริค มิตเชลล์ (คริสตัล พาเลซ), เมสัน เมาท์ (เชลซี), อารอน แรมส์เดล (อาร์เซน่อล), เดแคลน ไรซ์ (เวสต์แฮม) และ บูกาโย่ ซาก้า (อาร์เซน่อล)
อนาคตของทัพ เรือใบ
อย่างที่กล่าวไปว่าปัจจุบัน โฟเด้น เพิ่งมีอายุเพียง 22 ปี เท่านั้น ฉะนั้นแล้วแฟนบอลสามารถคาดหวังได้อย่างแน่นอนว่าเขาจะก้าวขึ้นมาเป็นผู้สานต่อ และพาทีมพุ่งชนความสำเร็จในอนาคตอันใกล้นี้
ซึ่งด้วยความเป็นเขาเด็กจากอคาเดมี่ของสโมสร เข้ามาสู่ทีมตั้งแต่อายุเพียง 9 ขวบ ก่อนใช้เวลาในการฝึกปรือลูกหนัง เรียนรู้ศาสตร์ของฟุตบอลจนได้รับโอกาสกับทีมชุดใหญ่ แน่นอนเด็กคนนี้รู้ทุกซอกหลืบของสโมสรเป็นอย่างดี รู้ถึงรากเหง้า และความต้องการของแฟนบอลว่าอยากให้ทีมมีรูปโฉมในลักษณะแบบไหน
ฉะนั้นแล้วถ้าไม่เกิดเหตุการณ์อะไรเสียก่อนยังไงเสียเราคงได้เห็น โฟเด้น ในวันที่เติบใหญ่ขึ้นมาเป็นนักเตะระดับซีเนียร์ของทีมอย่างแน่นอน ซึ่งวันนั้นคาดว่าฝีเท้าของเขาคงยกระดับตัวเองไปอีกขั้น สามารถแบกรับความกดดัน และความคาดหวังจากแฟนบอลได้มากกว่าเดิม
แต่ที่แน่ๆ ต่อจากนี้มันคงจะเป็นภาพคุ้นชินมากยิ่งขึ้นกับการได้ชูโทรฟี่แชมป์ของ โฟเด้น เพราะด้วยองค์ประกอบ และรากฐานของทีมในยุคปัจจุบันมันกำลังบ่งบอกในรูปแบบดังกล่าว
- Paolinho -