คำว่า “ดีลยอดแย่” ถือเป็นประโยคที่ถูกพูดถึงกันเยอะมากในช่วงนี้ และหนึ่งในนักเตะที่โดนวิจารณ์ด้วยประโยคนี้มากที่สุด ก็คือ โรเมลู ลูกากู ซึ่งถ้าหากย้อนไปในวันแรก ๆ ที่เขาย้ายกลับมาเชลซี ก็คงไม่มีใครคาดคิดว่า “บิ๊กตู้” จะมาอยู่ที่จุดนี้
จากดีกรีกองหน้าระดับโลกที่พิสูจน์ตัวเองมาเรียบร้อย เปิดหัวช่วงแรกกับสิงห์บลูส์ได้อย่างสวยหรู จนคนยกว่านี่สินะ ช่วงพีคของอาชีพ
แต่จู่ ๆ กลับกลายเป็นเริ่มชัด ว่าตัวเขากับระบบเชลซีเป็นอะไรที่เข้ากันไม่ได้ ก่อนจากนั้นเกิดเหตุบานปลายเพราะปากเจ้ากรรม คำสัมภาษณ์ตรง ๆ จนทำเอาทีมปั่นป่วน และทำให้เขากู่ไม่กลับ จนกลายเป็น “ย้ายกลับ” อย่างทุกวันนี้
เพราะฉะนั้นว่าแล้วโอกาสนี้ ขอบสนาม ของเรา จึงอยากจะขอพาไปไล่ไทม์ไลน์ของชายคนนี้กันหน่อยครับ ว่าจากที่แรก ๆ มาดี แต่ทำไมอยู่ดี ๆ มาย้ายซะงั้น โรเมลู ลูกากู
- โดยเราขอเริ่มด้วยการย้อนกลับไปในวันที่ 13 สิงหาคม ปี 2021 เชลซี ได้ประกาศคว้าตัว ลูกากู จาก อินเตอร์ มิลาน มาร่วมทัพ ด้วยค่าตัวสถิติสโมสร 115 ล้านยูโร
- บิ๊กตู้ มาในดีกรีกองหน้าระดับชั้นนำของโลก จากผลงาน 30 ประตู 10 แอสซิสต์ จาก 44 นัดกับ อินเตอร์ มิลาน พร้อมการันตีด้วยรางวัลผู้เล่นที่ดีสุดแห่งปีของ เซเรีย อา
- และเขายังเปิดนัดแรกกับเชลซีได้อย่างยอดเยี่ยม ด้วยการยิงพาทีมชนะอริตลอดกาลอย่าง อาร์เซน่อล 2-0 วันนั้น ไม่มีกองหลังปืนใหญ่คนไหนเอาเขาอยู่, อิมแพคท์เกมรุกของเขายังมากที่สุดในสนาม จนเจ้าตัวถูกสื่อแทบทุกสำนัก ยกให้เป็น ‘แมนออฟเดอะแมตช์’ ตั้งแต่นัดแรกที่กลับมาสวมยูนิฟอร์มสิงบลูส์
- ลูกากูก็ยังสามารถรักษาจังหวะ 3 นัดถัดจากนั้น เขาลงเล่นเต็มเกมพาทีมยันเสมอลิเวอร์พูลในแอนฟิลด์, ต่อมา แสดงความเฉียบคม ด้วยการยิง 2 ประตู จากโอกาสยิง 2 ครั้ง พาทีมเอาชนะแอสตัน วิลล่า และต่อด้วยทำประตูชัยในเกมแชมเปี้ยนส์ ลีก รอบแบ่งกลุ่มกับ มัลโม่
- เขาเริ่มได้รับคำชมจากโธมัส ทูเคิ่ล ว่านี่แหละเป็นสาเหตุที่ทีมซื้อเขาเข้ามา ส่วนแฟนๆ ก็เริ่มยกว่าลูกากูจะเป็นจิ๊กซอว์สำคัญ ในการกลับมาลุ้นแชมป์พรีเมียร์ลีกลีกของทีมอีกครั้ง บางส่วนบอกว่านี่คือร่างทอง เป็นคนละร่างกับสมัยแมนยู และเป็นร่างที่ดีกว่าตอนอยู่เอฟเวอร์ตัน มันคือร่างพีคของเขาที่ได้มาจากอินเตอร์ มิลาน
- และแม้จากนั้นอีก 3 นัด เขาจะเริ่มปืนฝืด โอกาสยิง โอกาสสัมผัสบอลเริ่มน้อยลง แต่ก็ยังไม่มีใครวิจารณ์เขานัก ยกเว้นชายผู้มาก่อนกาล ชายผู้รู้จัก ลูกากู ดีกว่าใคร และชายผู้ที่เสมือนมีคู่มือใช้งานหัวหอกรายนี้ติดอยู่กับตัว อันโตนิโอ คอนเต้ อดีตกุนซืองูใหญ่ ได้ออกมาบอกว่าเชลซี ยังใช้งานลูกากูไม่ถูกวิธี หรือว่าไม่รู้วิธีใช้งานนั่นเอง ซึ่งแฟน ๆ ไม่น้อยต่างรู้สึกว่ายังเร็วเกินไปที่คอนเต้จะพูดแบบนี้
- หรือแม้กระทั่งโธมัส ทูเคิ่ล ที่บอกว่ามันไม่ใช่ปัญหาของลูกากูเลย เป็นเพราะคู่แข่งมีการปรับเปลี่ยนแท็คติกเพื่อรับมารับมือหัวหอกคนนี้ต่างหาก และทูเคิ่ลยังบอกว่ามีวิธีแก้สำหรับเรื่องนี้แล้วด้วย
- ลูกากูยังคงสกอร์บอดเพิ่มมาอีก 3 นัด แต่ทูเคิ่ลได้ออกมาป้อง ว่าเป็นเพราะนักเตะมีความเหนื่อยล้าทางจิตใจ เนื่องจากลงสนามมากเกินไป เพราะต้องลงรัว ๆ ทั้งกับทีมชาติและสโมสร พร้อมเชื่อว่าเดี๋ยวนักเตะก็จะกลับมาคลำจังหวะได้อีกครั้ง แถมเขายังมีการเปรียบว่าการเป็นโค้ชให้ลูกากู ง่ายกว่าการเป็นโค้ชให้สตาร์เรื่องเยอะอย่างเนย์มาร์และเอ็มบัปเป้ด้วย เรียกได้โค้ชยังคงมั่นใจ และเชื่อมั่นในตัวบิ๊กตู้
- แต่ดูเหมือนมันจะยังไม่เพียงพอ กลายเป็นว่าลูกากู ไม่สามารถทำประตูได้เป็นนัดที่ 9 ติดต่อกัน จากคำชมที่เคยได้รับ ก็เริ่มเปลี่ยนเป็นเสียงวิจารณ์
- ยกตัวอย่างจากของ เปาโล ดิ คานิโอ อดีตกองหน้า และอดีตกุนซือพรีเมียร์ลีกคนดัง ออกมาตำหนิว่าลูกากูไม่ค่อยวิ่ง ยืนทื่อเป็นท่อนไม้ และเชลซีสามารถเล่นดีได้ โดยไม่จำเป็นต้องมีเขา
- หลังจากนั้น บิ๊กตู้ เริ่มกระเตื้องกลับมา 3 นัดสุดท้ายที่เขาได้ออกสตาร์ทในเดือนธันวาคม ลูกากูยิงได้ติด ๆ ทั้ง 3 นัด
- แต่แล้ววันสุดท้ายของปีปฏิทิน 2021 หรือ 31 ธันวาคมที่ผ่านมา ก็ได้เกิดจุดสำคัญ ที่สร้างรอยร้าวระหว่าง ลูกากู กับ ทูเคิ่ล และเชลซี หลังสกาย สปอร์ต อิตาเลีย ได้ออกมาเผย ‘บทสัมภาษณ์’ ที่พวกเขาได้จ่อไมค์พูดคุยกับลูกากูแบบส่วนตัว โดยลูกากูได้ตอบแบบโคตรจะตรง เรียกว่าคิดยังไง พี่แกแม้งก็พูดยังนั้นซะทุกอย่าง
- ทั้งการบอกว่าเขาไม่แฮปปี้กับแท็คติคของทูเคิ่ล, บอกว่าจริง ๆ ไม่ได้อยากย้ายออกจากอินเตอร์ และหากอินเตอร์มอบสัญญาใหม่ให้กับเขา คงอยู่ต่อไปแล้ว ไม่พอแค่นั้นเขายังพูดว่า อยากจะกลับไปอยู่กับอินเตอร์ มิลานอีกด้วย
- พูดยังงี้ก็เป็นเรื่องดิ ถูกไหมครับ? เกิดกระแสด่าทอหัวหอกเบอร์ 9 จากแฟนสิงห์บลูส์ พวกเขารู้สึกว่าทีมก็อุตส่าห์ให้โอกาสลูกากูกลับมาเล่นในพรีเมียร์ลีก ทุ่มเงินเป็นร้อยล้าน แค่ช่วงแรกยังจับจังหวะเล่นกับเพื่อนไม่ได้ แค่ไมถึง 4 เดือน ออกมาพูดว่าไม่มีความสุข ทำสปิริตทีมเสียซะแล้ว
- ขณะที่เหล่ากูรูฟุตบอลต่างประเทศต่างพูดตรงกัน ว่าลูกากูพูดไม่รู้กาลเทศะ ทำทีมเสียหายหนัก พร้อมบอกให้เขาออกมาขอโทษแฟนบอลกับเรื่องสัมภาษณ์ที่เกิดขึ้น
- และในส่วนฝั่งเชลซีก็ไม่นิ่งนอนใจ ทูเคิ่ลออกมาสัมภาษณ์ติงชัด ว่าหากลูกากูอยากจะฟอร์มดี ก็ต้องเริ่มจากการซ้อม ซ้อม ซ้อม กินให้ดี นอนให้ดี ซ้อม ซ้อม และก็เลิกให้สัมภาษณ์ซะ!
- ทว่าจากนั้น เหมือนจะเริ่มมีทิศทางที่ดีขึ้น หลังทูเคิ่ลเรียกลูกากูมาเคลียร์ใจ และข่าวบอกว่าการพูดคุยเป็นไปในทิศทางทาง ‘บวก’ แต่ก็มีการลงโทษทางวินัย ด้วยการปรับเงิน 500,000 ยูโร ซึ่งตัวลูกากูก็น้อมรับ และออกมาขอโทษทั้งโค้ช, เพื่อนร่วมทีม, บอร์ดบริหาร และแฟนบอล พร้อมบอกจะทำให้ทุกคนกลับมาเชื่อมั่นในตัวเขาอีกครั้ง
- แต่เหมือนหลังจากบทสัมภาษณ์นั้น ทุกอย่างก็ไม่สามารถกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้แล้ว ลูกากูยังคงฟอร์มแย่ เล่นแทบไม่เข้ากับแนวรุกสักคนในทีม โดยเฉพาะในเกมที่บุกไปแพ้แมนฯ ซิตี้ 0-1 ทูเคิ่ลถึงกับออกอาการหัวเสีย และตำหนิหัวหอกรายนี้ว่าเสียบอลง่ายเกินไป พร้อมยังติงเรื่องพลาดโอกาสทอง
- และกระแสก็เริ่มจะเป็นไปในทางทูเคิ่ล หลายฝ่ายมองว่าหลายเกมที่เชลซีไม่มีลูกากู ดูพวกเขาจะเล่นได้ดีกว่าด้วยซ้ำ
- ถัดจากนั้นไม่นานช่วงเดือนกุมภาพันธ์ ดูเหมือนบิ๊กตู้จะยังคงรู้สึกไม่แฮปปี้อย่างแรง เกี่ยวกับสถานะของเขากับเชลซี พร้อมออกมาสร้างปม ซึ่งครั้งนี้เป็นปมเล็ก ๆ ด้วยการโพสต์สตอรี่ IG ว่า “ถ้าคุณจำเป็นต้องฝืน บางทีอาจแปลว่ามันไม่เหมาะ” ซึ่งหลายฝ่ายก็คาดการณ์ว่าน่าจะสื่อถึงแท็คติดของทูเคิ่ล ที่เขาอาจรู้สึกว่าตัวต้องฝืน และรู้สึกไม่เหมาะกับตัวเขา
- ทีนี้ถัดไปไม่นานอีกสัปดาห์เห็นผลชัดเลยครับ ในเกมที่บุกชนะคริสตัล พาเลซ 1-0 ลูกากูได้จับบอลแค่เพียง 7 ครั้ง ซึ่งมันถือเป็นสถิติจำนวนการจับบอลที่น้อยที่สุด ของผู้เล่นที่ได้ลงสนาม 90 นาทีเต็ม
- และเมื่อนักข่าวมาถามเสี่ยมทูเคิ่ล ว่ามันเป็นเพราะแท็คติคหรือไม่ที่ทำให้ลูกากูได้จับบอลน้อย? ทูเคิ่ลก็ได้ออกมาตอบอย่างชัดเจนว่า “ไม่ ไม่เลย มันไม่ใช่เรื่องของระบบ” และแฟน ๆ ต่างเสริมทูเคิ่ลอีกว่ามันเป็นเพราะนักเตะรายนี้ไม่วิ่ง หรือเล่นขี้เกียจนั่นเอง จึงไม่เข้ากับระบบของสิงห์บลูส์
- และจากนั้น ลูกากูก็ได้กลายเป็นกองหน้าช้อยส์เบอร์ 2 อย่างชัดเจน เริ่มมีสถิติชี้ชัดว่ายามไค ฮาแวร์ตซ์ลงเล่นเป็นกองหน้า เชลซีจะมีผลงานที่ดีกว่า
- แต่ ฟาบิโอ คาเปลโล่ อดีตกุนซือชื่อดังชาวอิตาลี ชี้ว่าลูกากูยังเป็นผู้เล่นที่ดี แต่นักเตะเหมาะกับสไตล์อินเตอร์ในยุคคอนเต้มากกว่า ที่เล่นบอลส่วนกลับ มีพื้นที่ให้ลูกากูได้ใช้ความแข็งแกร่งและความเร็วเล่นงานคู่แข่ง ส่วนเชลซีนั้นต่างออกไป เล่นเน้นผ่านบอลสั้น จึงไม่ได้มีพื้นที่ให้ลูกากูได้เล่นดังเก่า
- และจากนั้นก็เหมือน ลูกากูจะคิดอยากกลับไปซบทีมเก่าที่พึ่งจากมาแบบจริง ๆ จัง ๆ ข่าวลือเริ่มมีเข้ามาเมื่อเดือนเมษายน ว่าบิ๊กตู้เริ่มติดต่อวอน อินเตอร์ มิลาน ให้ดึงตัวเขากลับเซเรีย อา
- แต่มันก็ยังเป็นเพียงข่าวลือที่ไม่แน่ชัด และเหล่าตำนานนักเตะเชลซี รวมถึงโค้ชอย่างทูเคิ่ล ก็ยังออกมาคอยกระตุ้นลูกากูอยู่เรื่อย ๆ
- แต่แล้วก็มีระเบิดมาลงอีกลูก โดยครั้งนี้มาจากเอเยนต์ส่วนตัวของลูกากู เฟเดริโก้ ปาสตอเรลโล่ ที่บอกว่านักเตะในสังกัดเขากำลังมีปัญหาอย่างชัดเจน พร้อมเปรยถึงโอกาสย้ายทีม และเตรียมเข้าพูดคุยกับกลุ่มเจ้าของใหม่ถึงเรื่องอนาคตนักเตะรายนี้
- และแม้ลูกากูจะออกมาปฏิเสธเรื่องดังกล่าว แต่มันก็เป็นไปตามที่เอเยนต์เขาพูดทุกอย่าง เพราะเมื่อถึงวันที่ 31 พฤษภาคม หลังสิงห์บลูส์ได้เจ้าของใหม่เรียบร้อย สื่อที่น่าเชื่อถือหลายสำนักต่างรายงานตรงกันว่า ลูกากู และตัวแทนได้เข้าพูดคุยกับบอร์ดบริหารเชลซี
- ซึ่งได้มติไฟเขียวจากสโมสร ยอมปล่อยให้ลูกากูได้ย้ายแบบยืมตัวในซัมเมอร์นี้ โดยพวกเขาตั้งค่าธรรมเนียมหรือค่ายืมไว้ที่ 12-14 ล้านยูโร
- และเมื่อฤดูกาลปิดลง ก็เท่ากับว่าซีซั่นแรกหลังการกลับมาเชลซีของบิ๊กตู้ จบด้วยผลงาน 15 ประตู จาก 44 นัด ซึ่งถือว่าน่าผิดหวังแบบสุด ๆ สำหรับนักเตะที่มีค่าตัวถึง 115 ล้านยูโร
- และมันก็ถึงเวลาตามที่เชลซีได้ไฟเขียวไว้แล้ว พวกเขาพร้อมเจรจาปล่อยยืมลูกากู และเป็นอินเตอร์ มิลานทีมเดียวเท่านั้นที่เข้ามา เพราะรู้ว่านักเตะอยากย้ายมา และพวกเขาก็อยากได้นักเตะรายนี้คืนมาเช่นกัน
- สองสโมสรได้เริ่มเจรจากันอย่างเป็นทางการ ในช่วงกลางเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา งูใหญ่เปิดฉากข้อเสนอแรก ด้วยการแสดงความเขี้ยว หลังวางเงินค่ายืมให้เพียง 5 ล้านยูโร ซึ่งก็โดนสิงห์บลูส์ปัดตกไปตามระเบียบ
- แต่คราวนี้ซีอีโออินเตอร์ยืนยันชัดผ่านสื่อ ว่าต้องการลูกากูกลับมาจริง ๆ และเชลซีที่อยากปล่อยจะแย่อยู่แล้ว ก็ยอมลดราคามาให้เหลือ 10 ล้านยูโรบวกโบนัสเพิ่มเติม แต่ก็มีข่าวว่าประธานสโมสรอินเตอร์ สตีเว่น จาง ก็ยังไม่ปลื้มที่ต้องจ่ายเงินจำนวนนี้ และต้องจ่ายค่าเหนื่อยนักเตะ 100%
- กลับกลายเป็นพวกเขาว่าสามารถไกล่เกลี่ย ลดราคาได้อีก และสามารถปิดดีลยืมตัวลูกากูจากเชลซี ด้วยค่าตัวเพียง 8 ล้านยูโร บวกโบนัสตามผลงาน และไม่ได้มีเงื่อนไขซื้อขาดแต่อย่างใด ทั้งนักเตะยังยอดลดค่าเหนื่อยถึงเพื่อให้ได้กลับมาสโมสรเก่าอีกด้วย
- ลา กัซเซ็ตต้า เดลโล่ สปอร์ต สื่ออิตาลี บอกว่าบิ๊กตู้ดีใจถึงขั้นกั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ หลังทราบว่าการเจรจาย้ายกลับไปอินเตอร์ประสบความสำเร็จ
- ส่วนแฟนเชลซีก็คงน้ำตาไหลเช่นกัน ที่อย่างน้อย ๆ ก็สามารถประหยัดค่าเหนื่อยสุดจะแพงจากนักเตะที่ไม่มีใจไปได้หนึ่งปี และถือเป็นโอกาสให้พวกเขาได้เริ่มหาแนวรุกคนใหม่เข้ามาเสริมทดแทนสักที
และนี่ก็คือการไล่สรุปไทม์ไลน์ทั้งหมด ของฤดูกาลที่น่าผิดหวังของลูกากูกับเชลซี จากนักเตะค่าตัวสถิติสโมสร ดีกรีกองหน้าระดับโลก หวังย้ายกลับมาพิสูจน์ตัวเองกับทีมเก่าและลีกที่เคยจากมา
สามารถโชว์ฟอร์มได้อย่างร้อนแรงในช่วงแรก แต่จากนั้นก็ ๆ เริ่มปืนฝืด เพราะเริ่มชัดว่านักเตะไม่ได้กับระบบของทีม และดูเหมือนตัวนักเตะก็ไม่ได้พยายามปรับตัวให้เข้ากับระบบใหม่อย่างที่ควร ส่วนทีมก็ไม่ต้องการปรับเปลี่ยนระบบเพื่อนักเตะคนเดียว
ก่อให้เกิดเป็นความไม่แฮปปี้ของนักเตะ แล้วดันทะลึ่งไประบายเรื่องนี้ตรง ๆ ผ่านสื่อ พร้อมบอกอยากย้ายกลับทีมเก่า และที่สุดดูเหมือนทุกอย่างจะกู่ไม่กลับ ผลงานไม่กระเตื้อง และยังมีกระแสต้องการย้ายกลับเรื่อย ๆ จนจบฤดูกาลก็ได้ย้ายกลับไปยืมตัวกับทีมเดิมสมใจ ทั้ง ๆ ที่พึ่งย้ายออกมาแค่ปีเดียวเท่านั้น
และเราก็ยังต้องมารอดูกันต่อไปครับ กับผลงานในฤดูกาลหน้า และอนาคตถัดไปของ ลูกากู กับ เชลซี ว่าจะมีข้อสรุปอย่างไร? และนี่จะกลายเป็นดีลที่แย่ที่สุดในประวัติศาสตร์ เชลซี อย่างที่หลายคนคาดไว้หรือไม่? ยังต้องรอติดตามกันครับ …